ตอน สงครามที่แท้จริงและจุดสิ้นสุดของเรื่องราว
กองทัพอากาศโจมตีมันเร็ว!เสียงสั่งจากท่านเจ้าเมือง
เหล่านกอินทรี เหยี่ยวและแร้งต่างถลาขึ้นบินสู่เวหา จะงอยปากและกรงเล็บของเหล่านักล่าเหยื่อทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี พวกเขาทั้งจิกทั้งดึงสายไฟและระบบควบคุมหุ่นยนต์ขาดวิ่นร่วงตกกันระนาว
สำเร็จแล้วชาวเมืองต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ
มันยังไม่จบง่ายๆนะสิครูภพที่เพิ่งเข้ามาสมทบกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังกองทัพรถถังที่เลื่อนเข้าประจัญบานทางเบื้องหน้า
แย่ละสิ
ยังไม่ทันขาดคำ...ปืนลำใหญ่ที่บรรจุกระสุนเต็มพีกัดก็ระดมยิงใส่กลุ่มชาวเมืองอย่างไม่ยั้ง
ถอยทัพเข้าไปเร็วท่านเจ้าเมืองออกคำสั่ง
เหล่าชาวเมืองต่างวิ่นกันจ้าละหวั่น บ้างก็ถูกกระสุนระเบิดจนร่างเละ บ้างก็ถูกยิงที่แขนขา ใครที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ก็ยังคงก้าวขาวิ่นต่อไป ส่วนใครที่บาดเจ็บสาหัสก็แปลงกายเป็นสัตว์เล็กให้ผู้ที่ยังมีแขนขาอุ้มหนีมา
ตูมๆๆๆเสียงปืนใหญ่ยังคงไล่หลังมาเป็นระยะๆ ชาวเมืองทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังถ้ำหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไกลออกไปไม่เกินสามร้อยเมตร
เร็วเข้าชาวเมืองที่หลบเข้าถ้ำมาแล้วต่างร้องเรียกเพื่อนที่ยังคงวิ่งมาไม่ถึง และเมื่อสิงโตตัวสุดท้ายกระโจนเข้าถ้ำในขณะที่ลูกกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้าใส่ปากถ้ำพอดี
ตูม!!
ครืน....ครืน...โครม!เสียงหินที่ปากทางเข้าถ้ำถล่มลงมาตามแรงระเบิด
พวกมันคงเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะชาวเมืองต่างร้องขึ้นด้วยความดีใจ
แต่เราก็ออกไปได้เหมือนกันนะอีกคนหนึ่งแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ
เราจะถูกขังตายอยู่ในนี้นะ
ไม่หรอก คอยดูสิเดี๋ยวพวกมันก็พังปากถ้ำเข้ามาเองแหละครูภพพูด
ยังไม่ทันขาดคำครูหนุ่มก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของกองหิน แน่นอนว่าเจ้าหุ่นยนต์พวกนี้คงถูกตั้งคำสั่งให้ฆ่าเหล่าชาวเมืองให้สิ้นซากดังนั้นมันจะไม่ยอมหยุดแค่เพียงการถูกขังเป็นแน่
เราต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนที่พวกมันจะพังเข้ามาได้ท่านเจ้าเมืองหันมาปรึกษาเหล่าชาวเมือง
เฮ้พวกเรา มาดูอะไรนี่สิเสียงตะโกนเรียกดังมาจากด้านในตัวถ้ำ ทั้งหมดจึงเดินตามเสียงเรียกนั้นไป บริเวณด้านในที่มีแสงสว่างรำไรของคบไฟคือกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นหนึ่งและชาวเมืองบางส่วนที่ยืนออกันอยู่
เด็กพวกนี้เขาพบอุโมงค์เล็กๆนี่ ใครรู้บ้างมามันเชื่อมต่อไปที่ไหนชาวเมืองคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ปลายอุโมงค์นี่มันจะไปโผล่ที่แม่น้ำ เมื่อก่อนบริเวณที่เรายืนอยู่ขณะนี้คือบ่อน้ำขนาดย่อม แต่ปากอุโมงค์ฟากนู้นเกิดมีก้อนหินแล้วก็พวกพืชน้ำอุดตันอยู่เลยปิดทางน้ำเข้า ส่วนบ่อนี้พอนานวันเข้าน้ำก็แห้งเหือดหายไปชายชราผู้เป็นผู้ชำนาญทางในป่าแห่งนี้ดีกล่าวขึ้น
น้ำเหรอครับเลียงผาซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มพวกเด็กๆเอ่ยถามชายชรา
ใช่
มันไกลไหมครับเลียงผาถามอย่างร้อนรน
เอ...ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่คิดว่าไม่ไกลมากหรอกนะ
เธอคิดอะไรอยู่เหรอเลียงผา?ครูภพถามเด็กชาย
ก็ถ้าเราสามารถเปิดทางไหลของน้ำให้มาที่นี่ได้ เราก็สามารถเอาน้ำไปสู้กับพวกหุ่นได้นะสิครับเลียงผาไขข้อข้องใจให้ทุกคนฟัง
เอาน้ำไปสู้เหรอ?ชาวเมืองถามด้วยความแปลกใจ
ใช่ครับ ผมคิดว่าพวกเครื่องยนต์กลไกส่วนใหญ่มันแพ้น้ำกันทั้งนั้น เว้นแต่ว่ามันจะใส่ระบบป้องกันน้ำไว้
ความคิดนายเยี่ยมมาก ฉันว่ามันต้องได้ผลแน่หมูน้อยกล่าวในฐานะผู้ชำนาญด้านเครื่องจักรเครื่องยนต์ดี
ท่านเจ้าเมืองว่าอย่างไรครับครูหนุ่มหันไปถามท่านเจ้าเมือง
ไม่เลวนักหรอกสำหรับความคิดนี้ ว่าแต่ใครจะอาสาเป็นคนเข้าไปเปิดทางน้ำล่ะท่านเจ้าเมืองกล่าวขึ้นในที่สุด
ไม่ต้องรอเอ่ยซ้ำสองก็มีชาวเมืองมากมายอาสาไปทำหน้าที่นี้ ดังนั้นแผนการใหม่ของพวกเขาจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
นายมั่นใจวิธีนี้ไหมเลียงผาห่านถามเพื่อน
ไม่หรอก
อ้าว! แล้วถ้าเกิดมันไม่ได้ผลขึ้นมาล่ะ
ก็ตอนนี้เราไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วนี่นานั่นก็เป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือได้ของเด็กชาย
ว่าแต่พวกนายเจอพ่อรึยังแฝดสาวหันมาถามเพื่อนๆ เนื่องจากเกิดความชุลมุนวุ่นวายมาตั้งแต่ที่พวกเขากลับเข้ามาเลยทำให้พวกเด็กๆไม่มีโอกาสตามหาครอบครัวของตน
ฉันเจอแล้วนะ นั่นไงพ่อกับแม่เลียงผาว่าพลางชี้ไปยังชายหญิงที่ยืนสนทนาอยู่กับท่านเจ้าเมืองไม่ไกลนัก
ฉันก็เจอท่านแล้วแมวกับชิมเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ส่วนฝาแฝดห่านหงส์คงไม่ต้องกล่าวถึงเลยเพราะว่าเมื่อทั้งสองวิ่งเข้ามาสมทบกองทัพของชาวเมือง พ่อของสองแฝดก็วิ่งเข้ามาหาสวมกอดเด็กทั้งสองแทบจะทันที
แล้วหมูน้อยล่ะแมวถาม
เด็กชายตุ้ยนุ้ยมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก หมูน้อยยังไม่เห็นแม้แต่เงาของบิดาเขาเลยด้วยซ้ำ
พ่อนายอาจจะยังไม่รู้ก็ได้มั้งว่านายมาที่นี่แล้วเลียงผาปลอบ
ใช่ๆ เขาอาจจะงานยุ่งอยู่ก็ได้ มีคนบาดเจ็บตั้งมากมาย
แต่ดูเหมือนว่าคำปลอบโยนของเพื่อนๆจะไม่ได้ผลอะไรมากนัก หมูน้อยดูเหมือนจะจมปลักอยู่ในความคิดของตนเองจนไม่ได้ยินเสียงหนึ่งที่ตะโกนดังมาจากด้านหลัง
ตัวเล็ก ตัวเล็ก!!
เลียงผาเป็นฝ่ายสะกิดหมูน้อยให้หันไปเผชิญหน้ากับบิดาที่วิ่งกระหืดกระหอบมา
พ่อ!หมูน้อยตะโกนเรียกสุดเสียงด้วยความดีใจ
นายเขตาวิ่งมาถึงยังที่ๆพวกเด็กยืนอยู่ ร่างกลมใหญ่ของเขาสวมกอดลูกชายด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง
พ่อแทบเป็นบ้าแหนะเมื่อเพื่อนๆของลูกมาบอกว่าลูกเดินทางเข้าเมืองไปนายเขตากล่าวในขณะที่อ้อมแขนยังคงล้อมรอบตัวเด็กชายไว้
ผมขอโทษครับพ่อหมูน้อยบอกน้ำตาคลอเบ้า
ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยพ่อก็ภูมิใจในตัวของลูกที่ทำหน้าที่ชาวเมืองเทมาริสได้อย่างเต็มที่ นี่พ่อก็เพิ่งรู้จากครูภพนะว่าพวกเธอกลับมากันแล้วนายเขตาหันไปถามเพื่อนของลูกชายต่ออีกพักหนึ่งก็ผละจากไปทำหน้าที่แพทย์รักษาผู้บาดเจ็บต่อ
เห็นไหมหมูน้อย พ่อนายรักนายจะตายห่านว่า
อืมหมูน้อยไม่ได้ตอบว่ากระไรแต่สายตาและสีหน้าของเขาในขณะนี้กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจ
พวกเด็กๆถอยออกมาจากตรงนั้นเร็วเสียงชาวเมืองคนหนึ่งตะโกนขึ้น
เด็กทั้งหกและชาวเมืองอีกส่วนหนึ่งจึงได้ปีนขึ้นมาจากหลุมตื้นกว้างที่อยู่ติดกลับอุโมงค์เล็กที่พบ
ครืนๆ....ซ่าๆๆๆเสียงน้ำไหลตามอุโมงค์มาก่อนทะลักออกมาพร้อมกับตัวบีเวอร์ห้าตัวพุ่งนำหน้ามา ในไม่ช้าหลุมตื้นกว้างที่พวกเด็กๆยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้ก็เต็มไปด้วยน้ำจากลำธารสีใสที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินทรายและหญ้า
เฮ!!เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจดังระงมไปทั่วทั้งถ้ำ
ได้เวลาโจมตีศัตรูแล้ว!
และแล้วกำลังใจพวกเหล่าชาวเมืองเทมาริสก็กลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เราจะขนน้ำกันไปยังไง?ชิมถามขึ้น
ไม่ยากหรอกก็ให้ใครหลายๆคนแปลงเป็นช้างสูบน้ำขึ้นจากบ่อก็สิ้นเรื่องครูภพตอบพลางหันไปสั่งจัดกำลังทัพเตรียมรับข้าศึกที่กำลังทะลายกำแพงหินเข้ามา
กองทัพครานี้ดูออกจะแปลกประหลาดต่างจากกองทัพอื่นๆอยู่สักหน่อยเนื่องจากนี่คือกองทัพสัตว์ป่าที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าอันเป็นที่รักแห่งนี้ไว้ ด่านหน้าสุดของกองทัพคือเหล่าช้างทั้งยี่สิบห้าตัวที่เตรียมพร้อมกับอาวุธสำคัญคือน้ำซึ่งบรรจุอยู่เต็มงวงใหญ่ยาวของพวกมัน ด้านบนของเหล่าช้างร่างยักษ์คือฝูงนก แร้ง กา และค้างคาวที่เตรียมพร้อมจู่โจม ส่วนกองกลางคือทัพของนักล่าเหยื่อที่พร้อมจะขย้ำหุ่นยนต์ที่บุกเข้ามา กองนี้มีทั้งเสือ สิงโต หมาป่า หมาใน และสุนัขจิ้งจอก ทางด้านกองหลังคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดของทัพเพราะเหล่าชาวเมืองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถแปลงร่างได้ถูกนำมารวมกันอยู่หน้าบ่อน้ำโดยมีหน่วยแพทย์และพยาบาลคอยให้การดูแลรักษาอยู่ แต่สำหรับพวกเด็กๆต่างถูกเกณฑ์ให้แปลงเป็นสัตว์น้ำดำหลบอยู่ใต้บ่อน้ำคอยดูการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าอย่างเงียบๆ
ครืน...ครืนเสียงหินที่ถูกโยนและพังทลายลงทีละก้อนๆจนกระทั่งแสงแดดสามารถลอดผ่านเข้ามาสู่ในตัวถ้ำได้
พวกเราโจมตี!
และแล้วสงครามระหว่างหุ่นเหล็กและเหล่าสัตว์ป่าก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างมีภาษีเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเสียเปรียบกว่าใคร
มันได้ผลช้างตัวหนึ่งตะโกนขึ้นเมื่อพุ่งน้ำสาดเข้ายังหุ่นยนต์เหล็กซึ่งลงไปชักดิ้นชักงอพร้อมกับกระแสไฟลัดวงจร
เมื่อลำแสงสุดท้ายแห่งดวงตะวันสิ้นสุดลง ป่ามหัศจรรย์แห่งนี้ก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง ซากหุ่นยนต์มากมายยังคงเกลื่อนกลาดอยู่ตามพื้นหญ้า เลยออกไปทางชายป่า ควันไฟยังคงลุกไหม้ไม่จบสิ้นราวเป็นพยานถึงหายนะที่เพิ่งผ่านพ้นไป
พวกเราชนะแล้วครูภพเอ่ยขึ้นเรียบๆ ทุกคนทราบดีว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว แต่สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสงครามครั้งนี้กลับสร้างความปวดร้าวให้แก่เหล่าชาวเมืองเทมาริสทุกคน พวกเขาช่วยกันนำศพชาวเมืองทั้งหมดมาฝังลงยังบริเวณหน้าทะเลสาบอาร์เทมิส
พวกเราที่เหลืออยู่จะช่วยกันสร้างเมืองเทมาริสและป่าแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตที่สดสวยงามใหม่เช่นที่ผ่านมา เรา...เหล่าชาวเมืองทุกคนขอสัญญาท่านเจ้าเมืองกล่าวปฏิญาณต่อหน้าหลุมศพของผู้ที่จากไป
และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ แน่นอนว่านิทานยังไม่จบเพียงแค่นี้ แต่ส่วนตอนต่อไปของเรื่องนี้คงต้องรอให้ชาวเทมาริสสร้างเมืองของพวกเขาให้เสร็จสมบูรณ์เสียก่อนแล้วเราค่อยกลับมาดูพวกเขากันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
21 มี.ค. 2545
17 นาฬิกา 11นาที
--------------------------------------------
สำหรับเรื่องนี้ไฟลี่ขอจบไว้แค่เพียงเท่านี้นะคะ
ส่วนปริศนาและเรื่องต่างๆที่ยังคาใจอยู่
ไฟลี่ขอยกยอดไปต่อเอาภาคหน้าค่ะ(ซึ่งยังไม่มีเวลาเริ่ม
แต่งเลยค่ะ เปิดเทอมแล้ว ต้องเตรียมตัวเข้ามหาลัยด้วย)
ขอขอบคุณทุกๆคนนะคะที่ติดตามนิทานเรื่องนี้มาจนจบ
(โดยเฉพาะคุณGTWที่คอยแนะนำติชมตลอด ทำให้ไฟลี่
รู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนที่คอยตามอ่านงานของไฟลี่อยู่)
ถ้าหากมีคำแนะนำติชมอะไรก็บอกกล่าวกันได้นะคะ
ไฟลี่อยากขอให้ช่วยลงชื่อสักนิดนึงเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนหน่อยค่ะ
จากคุณ :
ไฟลี่ - [วันวิสาขบูชา 08:26:54 A:203.113.39.10 X:]