. . . เมืองลับแล . . . (Invisible Cities ) . . .๒ /๑



    "ข้าหลวงนายอื่นๆเตือนฉันเรื่องข้าวยากหมากแพง  การรีดนาทาเร้น และแผนการกบฏหรือไม่ก็บอก เรื่องเหมืองพลอยขี้นกการเวก(turquoise)ที่พึ่งพบใหม่ ขนตัวมาเต็นที่ราคาดีมีกำรี้กำไร หรือข้อเสนอส่งดาบชาวมาดาคัสคาไปสมทบ แล้วเจ้าเล่า? ท่านข่านผู้เกรียงไกรตรัสถามนายโปโล "เจ้ากลับจากดินแดนห่างไกลพอ ๆกัน   แต่เล่าได้แต่เพียงความคิดที่เกิดแก่คนนั่งอยู่ตรงธรณีประตู เพลิดเพลินกับอากาศเย็นสบายตอนหัวค่ำ  แล้วจะมีประโยชน์อันใดที่เจ้าได้ท่องเที่ยวไปมานี้?
                                                                                             
    "พะยะค่ะ มันเป็นหัวค่ำ. เราเนั่งบนขั้นบันไดพระราชวังของพระองค์ มีลมอ่อน ๆ โชยเบาๆ" มาร์โกโปโลตอบ  "ประเทศใดก็ตามที่คำของหม่อมฉันได้กล่าวถวาย พระองค์จักทรงทอดพระเนตรเห็นมันจากตำแหน่งที่สูงที่ทรงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ตลอด   แม้นอกเหนือจากปราสาทราชวัง ก็ยังมีหมู่บ้านบนเรือนยกเสาสูงแลลมอ่อน ๆ พัดกลิ่นไอดินปากแม่น้ำโชยมา  

    "ข้ายอมรับว่า ข้าเห็นมีเพียงชายเพ่งสมาธิ  คิดเลื่อนเปื้อน แต่เจ้าเล่า? เจ้าข้ามเกาะแก่ง ทุ่งราบแลขุนเขานานา แต่เจ้าทำเหมือนไม่ได้ขยับกายไปจากที่นี่เหมือนกัน"

    นายชาวเวนิสตระหนักดีว่าเมื่อใดองค์กุ๊บไลทรงกริ้วเขา  องค์จักรพรรดินั้นเห็นได้ชัดว่าทรงต้องการให้คิดปฏิบัติตามอย่างพลทหารที่ผึกมา ดังนั้น คำตอบและข้อโต้แย้งของมาร์โกกลายเป็นวิวาทะบังเกิดขึ้นและลุกลามต่อไปในเศียรขององค์ข่าน  กล่าวคือ ระหว่างสองสิ่งนั้น ไม่สำคัญเลยว่าคำถามหรือคำตอบ สิ่งใดจะได้ถูกเอ่ยออกมาดัง ๆ    หรือ คิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดในสองสิ่งนั้นต่อไปในความเงียบ อันที่จริงทั้งคู่ต่างเงียบเสียงลงแล้ว ดวงตาสลึมสลือ เอนหลังหนุนหมอนอิง นอนแกว่งไกวในเปลญวน สูบยาจากกล้องอำพันปลายยาว

    มาร์โก โปโลจินตนาการว่าได้ตอบ( หรือ องค์กุ๊บไลข่าน ทรงจินตนาการถึงคำตอบของเขา)ว่า ยิ่งใครไปในย่านอันไม่คุ้นเคยของเมืองที่ห่างไกล  เขาก็ยิ่งเข้าใจนครอื่นที่ผ่านมาก่อนถึงที่นั่นมากขึ้น เขาทบทวนลำดับการเดินทางแล้วทบทวนอีก จนเขาบรรลุเข้าใจถึงท่าที่เขาออกเรือมา แลสถานที่คุ้นเคยต่าง ๆ  ในวัยหนุ่ม สภาพแวดล้อมของบ้าน แลจัตุรัสเล็กๆ ในเมืองเวนิสนครที่เขากระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงครั้งยังเยาว์

    ณ บัดนี้ องค์กุ๊บไลข่านทรงขัดจังหวะเขา หรือทรงจินตนาการว่าได้ขัดจังหวะเขา หรือมาร์โกโปโลจินตนาการเอาเองว่าถูกขัดจังหวะ ด้วยคำถาม เช่น "เจ้าไปข้างหน้าพร้อมกับหันศีรษะกลับมาด้านหลังเสมอหรือ?"  หรือ  "สิ่งที่เจ้าเห็นมักอยู่ข้างหลังหรือ?"   หรือทำนองว่า "การเดินทางของเจ้าเกิดแต่เพียงในอดีตหรือ?"

    คำถามทั้งหมดนี้มากจน มาร์โก โปโลอาจอธิบาย หรือจินตนาการว่ากำลังอธิบาย หรือถูกจินตนาการว่ากำลังอธิบาย หรืออธิบายแก่ตนเองสำเร็จในบั้นปลายว่าสิ่งที่เขาแสวงหานั้นมักอยู่ ณ เบื้องหน้าเขา และแม้จะดูราวกับว่เกี่ยวข้องกับอดีต แต่เป็นอดีตที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กที่ละน้อยเมื่อเขาเดินทางต่อไปข้างหน้า เนื่องด้วยอดีตของนักเดินทางแปรไปตามเส้นทางที่เขามุ่งตามไป มิใช่อดีต ณ เวลานั้น แต่นั่นคือ อดีตยิ่งห่างไกลไปทุกวันวารที่ผ่านเพิ่มมาอีกแต่ละวัน  เมื่อมาถึงนครใหม่แต่ละเมือง นักเดินทางพานพบอีกครั้งกับอดีตของตนที่เขามิเคยรู้ว่าตัวเองมี ความแปลกที่ซึ่งท่านไม่ได้รู้สึกต่อไป หรือไม่รู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนอนรอท่านอยู่แล้วในต่างแดน ที่ซึ่งมิได้เครอบครอง

    มาร์โกเข้าสู่เมืองหนึ่ง ที่' เขาเห็นใครบางคนใช้ชีวิตอยู่จตุรัส หรือยามหนึ่งที่อาจเป็นชีวิตเขา' บัดนี้เขาอาจไปอยู่แทนที่ชายผู้นั้น  หากเขาได้หยุดกาลเวลา เมื่อนานมาแล้ว' หรือหากเมื่อนานมาแล้ว ที่สี่แยก แทนที่จะใช้ถนนสายหนึ่งที่เขาได้เลือกก็ใช้ทางตรงข้ามเสีย  และหลังจากพเนจรมายาวนาน เขาได้มาอยู่ในสถานที่ของชายผู้อยู่ที่จตุรัสนั้น  บัดนี้ ไม่ว่าจากอดีตแท้จริงหรือสมมติของเขานั้น  เขาถูกกันออกไป' เขามิอาจหยุดนิ่ง'  เขาต้องไปยังเมืองอื่น ๆ  ที่ซึ่งอดีตอื่น ๆ รอคอยเขาอยู่  หรืออะไรบางสิ่งที่ซึ่งอาจเป็นอนาคตที่เป็นไปได้ของเขาแลบัดนี้ อาจเป็นปัจจุบันของใครคนอื่น อนาคตทียังมิบรรลุเป็นเพียงกิ่งก้านสาขาของกิ่งตายแห่งอดีต

    "การเดินทางทำให้อดีตของเจ้ากลับมีชีวิตใหม่หรือ?" นั่นคือข้อคำถามขององค์ข่าน ณ บัดนี้ ที่คำถามอาจถูกกำหนดได้เช่นกัน' "การเดินทางชดเชยอนาคตของเจ้าได้หรือ?"

    แลคำตอบของมาร์โก คือ "สถานที่อื่นเป็นดั่งกระจกที่ฉายภาพตรงข้าม  นักเดินทางจดจำส่วนเรื่องส่วนน้อยของเขาได้ค้นพบเรื่องส่วมมากที่หาใช่เเรื่องของเขาไม่และจะมิมีวันที่จะเป็นไปได้ "








    (มีต่อ)

    จากคุณ : ส.ค.ศ.๔๙๑๔ - [30 พ.ค. 45 00:49:06 A:202.57.160.159 X:]