เขาลดสายตาลงสบตาเธอ "เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่" เขาถาม แล้วก็เน้นเสียงเข้ม "ตัวคนเดียวบนถนนมืดๆอย่างนี้"
ดวงตาของเธอ ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่มีวันใหญ่ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งเบิกกว้างและเธอทำท่าจะกระถดหนี บั้นท้ายของเธอไถลลากไปตามพื้นขณะที่มือของเธอพาตัวเองคลานถอยกรูด แองกัสคิดว่าเธอดูคล้ายลิงที่เขาเห็นในละครสัตว์นิดหน่อย
"อย่าบอกนะว่าเธอกลัว'ฉัน' " เขาพูดอย่างหงุดหงิด
ริมฝีปากสั่นระริกของเธอพยายามเหยียดออกเป็นอะไรสักอย่างที่เขาไม่อยากเรียกว่ารอยยิ้ม แม้ว่าแองกัสจะมีความรู้สึกว่าเจ้าตัวจะพยายามส่งมันให้เขาก็ตาม "เปล่าเลยค่ะ" เธอละล่ำละลัก สำเนียงของเธอยืนยันสัญชาติอังกฤษ "ฉันแค่
เอ่อ คุณคงเข้าใจ
" เธอผุดลุกกระวีกระวาดจนปลายเท้าสะดุดชายกระโปรง และทำให้ตัวเองเกือบล้มคะมำ "ฉันแค่ยังไม่เข้าที่นิดหน่อย" เธอโพล่งออกมา
แล้วเจ้าหล่อนก็เหลือบสายตามาทางเขา พลางตั้งท่าจะถอยหนี เธอเขยิบไปข้างๆเพื่อที่จะได้สามารถจับตามองเขาไปพร้อมๆกับหาทางหนีทีไล่ไปด้วย
"ให้ตายสิ! เห็นแก่
" เขาหยุดตัวเองก่อนที่จะสบถสาบานออกมาต่อหน้าแม่สาวน้อยผู้ดูท่าจะตัดสินใจว่าเขาเหมือนปีศาจหรือไม่ก็แอ็ตติลาชาวฮั่นไปเรียบร้อยแล้ว "ฉันไม่ใช่คนร้ายนะ" เขาขบฟัน
มาร์กาเร็ตกำชายกระโปรงพลางขบกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างประหม่า เธอตกใจกลัวไปหมดตั้งแต่ผู้ชายพวกนั้นจับตัวเธอได้ และมือเธอก็ยังไม่หยุดสั่นตั้งแต่บัดนั้น แม้อายุจะยี่สิบสี่ปีแล้ว แต่มาร์กาเร็ตก็ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้ได้ช่วยเธอไว้ แต่เพื่ออะไรล่ะ? เธอไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายเธอ เพราะคำประกาศของเขาถึงความต้องการปกป้องผู้หญิงนั่นดูหนักแน่นจริงใจเกินกว่าจะเป็นเพียงคำปด แต่นั่นหมายความเธอจะเชื่อใจเขาได้จริงหรือ?
ราวกับล่วงรู้ความคิดของเธอ เขาทำเสียงฮึดฮัดอย่างโมโห "เห็นแก่พระเจ้า แม่คุณ นี่ฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอนะ"
มาร์กาเร็ตสะดุ้งเล็กน้อย ชาวสก็อตร่างใหญ่คนนี้พูดถูก และเธอรู้ว่าถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่คงจะต้องสั่งให้เธอคุกเข่าลงกราบเท้าเขาอย่างสุดซึ้งแน่ๆ แต่พูดกันตรงๆ เขาดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด นัยน์ตาของเขาขุ่นเคืองด้วยอารมณ์ และมีบางอย่างในตัวเขา..บางอย่างที่แปลกประหลาดยากจะบรรยาย
ที่ทำให้อวัยวะภายในเธอพลิกกลับไปมาอย่างประหม่า
แต่ผู้หญิงตระกูลเพ็นนีแพกเกอร์ไม่ใช่คนขี้ขลาด และหลายต่อหลายปีมานี้เธอก็ได้สั่งสอนน้องๆของเธอเกี่ยวกับมารยาทผู้ดี เธอจะไม่ทำตัวเป็นพวกพูดอย่างทำอย่างแน่ "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดอย่างเร็ว หัวใจที่เต้นเร็วทำให้คำพูดของเธอตะกุกตะกัก "คุณ..อ่า..ช่วย.เอ่อ ชีวิตฉันไว้ ฉัน
เอ่อ ขอบคุณ และฉันเชื่อว่าครอบครัวของฉันก็จะต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน ฉันแน่ใจว่าถ้าฉันแต่งงานไปเมื่อไหร่ สามีของฉันก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันค่ะ"
ผู้มีพระคุณของเธอยิ้มช้าๆแล้วพูดว่า "เธอยังไม่แต่งงานงั้นสิ"
มาร์กาเร็ตถอยหลังสองก้าว "เอ่อ ยังค่ะ อ่า..ฉันต้องไปแล้ว"
เขาหรี่ตาลง "เธอคงไม่ได้หนีตามใครมาที่นี่ใช่มั้ย
เกร็ทน่ากรีนมีชื่อเสียงว่าสถานที่ที่หนุ่มสาวอังกฤษหนีตามมาแต่งงานกัน นั่นเป็นความคิดที่ *ไม่เข้าท่า* สิ้นดี ฉันมีเพื่อนแถวนี้ เขาเล่าว่าตามโรงแรมตอนนี้เต็มไปด้วยพวกผู้หญิงที่โดนล่วงเกินในระหว่างทางที่มาเกร็ทน่ากรีน แล้วถูกฝ่ายชายทิ้งไม่ยอมแต่งงานด้วย"
"ฉัน ไม่ได้ หนีตามผู้ชายมานะ" เธอค้านเสียงแข็ง "ฉันดูไร้หัวคิดขนาดนั้นรึไง"
"ไม่ใช่อย่างนั้น เอาเถอะ ลืมที่ฉันพูดก็แล้วกัน ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก" เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ "ฉันขี่ม้ามาทั้งวัน ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว แต่ก็ยังหาน้องสาวฉันไม่เจอสักที ฉันดีใจที่เธอไม่เป็นไร แต่ฉันไม่มีเวลาจะมา
"
กิริยาของเธอเปลี่ยนไปทันที "น้องสาวของคุณเหรอ?" เธอรีบเขยิบเข้ามาใกล้ทันที "คุณกำลังตามหาน้องสาวของคุณเหรอ บอกฉันหน่อยสิคะว่าน้องคุณอายุเท่าไหร่ เธอหน้าตายังไง แล้วคุณนามสกุลฟอร์นบี้ เฟอร์ริดจ์ หรือว่าฟิตช์"
เขามองเธอราวกับว่าเธอมีเขางอกออกมา "เธอพูดบ้าอะไรของเธอ แม่คุณ ฉันชื่อ แองกัส กรีน"
":-)จริง" เธอสบถ แล้วก็นึกตกใจในคำพูดของตัวเอง "ฉันนึกว่าเราจะร่วมมือกันได้เสียอีก"
"ถ้าเธอไม่ได้หนีตามผู้ชายมา แล้วเธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่"
"น้องชายฉันน่ะสิ" มาร์กาเร็ตฮึ่มฮั่ม "เจ้าเด็กสมองฝ่อนั่นคิดว่าเขาต้องการจะแต่งงาน แต่พวกเจ้าสาวของเขาไม่มีคนไหนเข้าท่าซักคน"
"พวกเจ้าสาว? พหูพจน์เหรอ? ฉันว่าจดทะเบียนซ้อนมันผิดกฏหมายอังกฤษนา"
เธอตีหน้ายักษ์ใส่เขา "ฉันไม่รู้ว่าเขาหนีตามมากับคนไหนต่างหากค่ะ เขาไม่ยอมบอกฉันไว้ แต่ไม่ว่าจะคนไหนก็น่าสยองขวัญทั้งนั้น" พูดพลางตัวสั่น ทำท่าราวกับเพิ่งจะกลืนยาพิษลงไป "ฝันร้ายชัดๆ"
ฝนห่าใหญ่เทลงมายังพวกเขา และโดยไม่ทันคิด แองกัสก็คว้าแขนหญิงสาวลากไปใต้ชายคาหลบฝน
"ถ้าฉันตามตัวเอ็ดเวิร์ดเจอเมื่อไหร่ ฉันจะบีบคอเจ้าเด็กบ้านั่นให้ตาย" เธอพร่ำพูดไม่หยุด "เด็กบ้านั่นทำยังกะว่าฉันอยู่ว่างๆที่แลงคาสเชียร์อย่างนั้นล่ะ ฉันมีงานต้องทำเยอะแยะไปหมด ฉันไม่มีเวลามาเล่นไล่จับกับเขามาจนถึงสก็อตแลนด์หรอก ฉันยังมีน้องสาวอีกคนที่ต้องดูแล มีงานเลี้ยงแต่งงานที่ต้องวางแผน น้องสาวฉันจะแต่งงานอีกสามเดือนข้างหน้านี้ สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการก็คือการเดินทางขึ้นมาถึงที่นี่และ
"
มือของเขากระชับแน่นเข้าที่ต้นแขนเธอ "เดี๋ยวก่อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เธอหุบปากฉับ "อย่าบอกนะว่าเธอเดินทางมาสก็อตแลนด์ตัวคนเดียว" คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ทำท่าราวกับกำลังได้รับความเจ็บปวดสุดแสน "อย่าบอกฉันอย่างนั้นเชียว"
เธอเห็นไฟแลบเป็นประกายอยู่ในดวงตาสีดำสนิท แล้วถอยห่างออกมาเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อมีมือเขาตรึงอยู่ที่ต้นแขน "ฉันนึกแล้วว่าคุณต้องสติไม่ดี" เธอว่า มองซ้ายมองขวาคล้ายจะหาใครมาช่วยเธอจากคนบ้าร่างยักษ์
แองกัสกระชากเธอเข้ามาใกล้ จงใจใช้ขนาดและความแข็งแรงกว่าของเขาข่มขู่เธอ "ตอบฉัน เธอออกเดินทางไกลขนาดนี้มาโดยไม่มีใครคุ้มครองเลย ใช่ หรือ ไม่ใช่"
"ใช่?" เธอพูด พยางค์เดียวสั้นๆของเธอกระซิบออกมาราวกับคำถาม
"พระเจ้าทรงโปรด! ผู้หญิง!" เขาระเบิดเสียง "เธอบ้าไปแล้วรึไง ไม่รู้หรือไงว่ามีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างกับผู้หญิงที่เดินทางตามลำพัง นี่เธอไม่ห่วงความปลอดภัยตัวเองบ้างเลยเรอะ"
มาร์กาเร็ตอ้าปากหวอ
เขาปล่อยแขนเธอแล้วเริ่มเดินไปมา "พอฉันคิดว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง
." เขาสั่นศีรษะบรื๋อ บ่นอุบ "จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ ผู้หญิงอะไรโง่ชะมัดเลย"
มาร์กาเร็ตกระพริบตาปริบๆพยายามจะทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมด "คุณคะ" เธอเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง "คุณไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำไปนะ"
เขาหมุนตัวกลับมา "เธอชื่ออะไร"
"มาร์กาเร็ต เพ็นนีแพกเกอร์" เธอตอบก่อนจะทันคิดว่าบางทีเขาอาจจะสติไม่สมประกอบจริงๆ และเธออาจจะไม่ควรบอกความจริงกับเขา
"เอาล่ะ" เขาว่า "ทีนี้ฉันก็รู้จักเธอแล้ว แล้วเธอก็เป็นคนโง่ คนโง่ที่ทำเรื่องโง่ๆ"
"นี่นี่ เดี่ยวสิ!" เธอร้องโวยวาย เดินมาข้างหน้าแล้วโบกแขนใส่เขา "ฉันน่ะกำลังทำภารกิจที่สำคัญมากนะจะบอกให้ ความสุขชั่วชีวิตของน้องชายฉันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ คุณนึกว่าคุณเป็นใครมาว่าฉันอย่างนี้"
"ก็คนที่ช่วยเธอจากการถูกข่มขืนน่ะสิ"
"เฮอะ!" มาร์กาเร็ตร้องออกมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรตอบกลับดี
เขายกมือขึ้นเสยผม "แล้วคืนนี้เธอจะทำยังไงต่อ"
"นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ!"
"เธอกลายเป็นธุระกงการของฉันตั้งแต่นาทีแรกที่ฉันเห็นเธอโดนรุมฉุดโดย.." แองกัสเอี้ยวคอกลับไป เพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมวายร้ายที่เขาตั๊นหน้าจนสลบเหมือดคนนั้นไปแล้ว
ชายผู้เคราะห์ร้ายฟื้นแล้วและกำลังตั้งท่าจะย่องหนีไปอย่างเงียบกริบที่สุด
"อย่าไปไหนนะ" แองกัสสั่งมาร์กาเร็ต
เขาก้าวยาวๆสองก้าวก็คว้าคอเสื้อชายผู้นั้นปลายเท้าห้อยร่องแร่งอยู่ในอากาศ
"นายมีอะไรจะพูดกับคุณผู้หญิงคนนี้มั้ย"
ฝ่ายนั้นสั่นหัวดิก
"ฉันคิดว่านายมีนะ"
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขาหรอกค่ะ" มาร์กาเร็ตแย้งขึ้น ด้วยความพยายามจะช่วย
แองกัสไม่สนใจเธอ "คำขอโทษไง คำขอโทษเพราะๆอย่างจริงใจ พร้อมกับประโยคที่ว่า 'ผมมันไอ้คนไม่มีหัวคิดเฮงซวยครับ' นั่นอาจจะทำให้อารมณ์ของฉันเย็นลงและไว้ชีวิตห่วยๆของนาย"
ชายคนนั้นเริ่มสั่นเทาอย่างไม่อาจช่วยตัวเองได้ "ขอโทษครับ ขอโทษครับขอโทษครับ"
"พอทีเถอะค่ะมิสเตอร์กรีน" มาร์กาเร็ตพูดอย่างเร็ว "ฉันคิดว่าเราน่าจะจบกันได้แล้ว คุณน่าจะปล่อยเขาไปซะ"
"เธออยากจะเตะมันหน่อยมั้ย"
มาร์กาเร็ตประหลาดใจ เธอไอค่อกแค่กเมื่อถามว่า "คุณว่าไงนะคะ"
น้ำเสียงของเขากระด้างและราบเรียบผิดปกติเมื่อทวนประโยคเดิมอีกครั้ง "เธออยากจะเตะมันหน่อยมั้ย มันเกือบจะข่มขืนเธอนะ"
มาร์กาเร็ตกระพริบตาปริบๆกับประกายประหลาดในดวงตาของเขา และเธอเกิดความรู้สึกอันน่าพรั่นพรึงว่าเขาอาจจะฆ่าผู้ชายคนนี้จริงๆถ้าเธอบอกเขา "ฉันเชื่อว่าฉันจัดการเตะสั่งสอนเขาไปพอสมควรแล้วเมื่อครู่นี้ มันค่อนข้างจะทำให้ฉันสาสมใจแล้วล่ะค่ะ"
"ไม่ใช่คนนี้" แองกัสตอบ "เธอเตะกับศอกใส่ไอ้สองคนที่หนีไปแล้ว"
"ฉันสบายดีแล้วจริงๆค่ะ"
"เรื่องอย่างนี้ผู้หญิงมีสิทธิที่จะแก้แค้นได้นะ"
"ไม่จำเป็นจริงๆค่ะ ฉันรับรองได้" มาร์กาเร็ตเหลือบสายตามองรอบๆ พยายามคิดหาโอกาสหลบหนี แองกัส กรีนคนนี้อาจจะช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เขาต้องเพี้ยนแน่ๆ
แองกัสปล่อยคนในมือลงแล้วผลักไปข้างหน้า "ไสหัวไปก่อนที่ฉันจะฆ่านาย"
มาร์กาเร็ตกำลังตั้งท่าจะย่องไปอีกทาง
"ส่วนเธอ!" เขาตวาด "อย่าขยับ"
-- อ่านต่อ ตอนที่ 3 --
จากคุณ :
Tigger - [6 มิ.ย. 45 09:31:14 A:203.170.221.95 X:]