ตามล่าหารัก (Gretna Green --by Julia Quinn) บทที่ 2

    เขาลดสายตาลงสบตาเธอ "เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่" เขาถาม แล้วก็เน้นเสียงเข้ม "ตัวคนเดียวบนถนนมืดๆอย่างนี้"


    ดวงตาของเธอ ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่มีวันใหญ่ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งเบิกกว้างและเธอทำท่าจะกระถดหนี บั้นท้ายของเธอไถลลากไปตามพื้นขณะที่มือของเธอพาตัวเองคลานถอยกรูด แองกัสคิดว่าเธอดูคล้ายลิงที่เขาเห็นในละครสัตว์นิดหน่อย


    "อย่าบอกนะว่าเธอกลัว'ฉัน' " เขาพูดอย่างหงุดหงิด


    ริมฝีปากสั่นระริกของเธอพยายามเหยียดออกเป็นอะไรสักอย่างที่เขาไม่อยากเรียกว่ารอยยิ้ม แม้ว่าแองกัสจะมีความรู้สึกว่าเจ้าตัวจะพยายามส่งมันให้เขาก็ตาม "เปล่าเลยค่ะ" เธอละล่ำละลัก สำเนียงของเธอยืนยันสัญชาติอังกฤษ "ฉันแค่…เอ่อ คุณคงเข้าใจ…" เธอผุดลุกกระวีกระวาดจนปลายเท้าสะดุดชายกระโปรง และทำให้ตัวเองเกือบล้มคะมำ "ฉันแค่ยังไม่เข้าที่นิดหน่อย" เธอโพล่งออกมา


    แล้วเจ้าหล่อนก็เหลือบสายตามาทางเขา พลางตั้งท่าจะถอยหนี เธอเขยิบไปข้างๆเพื่อที่จะได้สามารถจับตามองเขาไปพร้อมๆกับหาทางหนีทีไล่ไปด้วย


    "ให้ตายสิ! เห็นแก่…" เขาหยุดตัวเองก่อนที่จะสบถสาบานออกมาต่อหน้าแม่สาวน้อยผู้ดูท่าจะตัดสินใจว่าเขาเหมือนปีศาจหรือไม่ก็แอ็ตติลาชาวฮั่นไปเรียบร้อยแล้ว "ฉันไม่ใช่คนร้ายนะ" เขาขบฟัน


    มาร์กาเร็ตกำชายกระโปรงพลางขบกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างประหม่า เธอตกใจกลัวไปหมดตั้งแต่ผู้ชายพวกนั้นจับตัวเธอได้ และมือเธอก็ยังไม่หยุดสั่นตั้งแต่บัดนั้น แม้อายุจะยี่สิบสี่ปีแล้ว แต่มาร์กาเร็ตก็ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้ได้ช่วยเธอไว้ แต่เพื่ออะไรล่ะ? เธอไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายเธอ เพราะคำประกาศของเขาถึงความต้องการปกป้องผู้หญิงนั่นดูหนักแน่นจริงใจเกินกว่าจะเป็นเพียงคำปด แต่นั่นหมายความเธอจะเชื่อใจเขาได้จริงหรือ?


    ราวกับล่วงรู้ความคิดของเธอ เขาทำเสียงฮึดฮัดอย่างโมโห "เห็นแก่พระเจ้า แม่คุณ นี่ฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอนะ"
    มาร์กาเร็ตสะดุ้งเล็กน้อย ชาวสก็อตร่างใหญ่คนนี้พูดถูก และเธอรู้ว่าถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่คงจะต้องสั่งให้เธอคุกเข่าลงกราบเท้าเขาอย่างสุดซึ้งแน่ๆ แต่พูดกันตรงๆ เขาดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด นัยน์ตาของเขาขุ่นเคืองด้วยอารมณ์ และมีบางอย่างในตัวเขา..บางอย่างที่แปลกประหลาดยากจะบรรยาย…ที่ทำให้อวัยวะภายในเธอพลิกกลับไปมาอย่างประหม่า
    แต่ผู้หญิงตระกูลเพ็นนีแพกเกอร์ไม่ใช่คนขี้ขลาด และหลายต่อหลายปีมานี้เธอก็ได้สั่งสอนน้องๆของเธอเกี่ยวกับมารยาทผู้ดี เธอจะไม่ทำตัวเป็นพวกพูดอย่างทำอย่างแน่ "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดอย่างเร็ว หัวใจที่เต้นเร็วทำให้คำพูดของเธอตะกุกตะกัก "คุณ..อ่า..ช่วย.เอ่อ ชีวิตฉันไว้ ฉัน…เอ่อ ขอบคุณ และฉันเชื่อว่าครอบครัวของฉันก็จะต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน ฉันแน่ใจว่าถ้าฉันแต่งงานไปเมื่อไหร่ สามีของฉันก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันค่ะ"


    ผู้มีพระคุณของเธอยิ้มช้าๆแล้วพูดว่า "เธอยังไม่แต่งงานงั้นสิ"


    มาร์กาเร็ตถอยหลังสองก้าว "เอ่อ ยังค่ะ อ่า..ฉันต้องไปแล้ว"


    เขาหรี่ตาลง "เธอคงไม่ได้หนีตามใครมาที่นี่ใช่มั้ย

    เกร็ทน่ากรีนมีชื่อเสียงว่าสถานที่ที่หนุ่มสาวอังกฤษหนีตามมาแต่งงานกัน นั่นเป็นความคิดที่ *ไม่เข้าท่า* สิ้นดี ฉันมีเพื่อนแถวนี้ เขาเล่าว่าตามโรงแรมตอนนี้เต็มไปด้วยพวกผู้หญิงที่โดนล่วงเกินในระหว่างทางที่มาเกร็ทน่ากรีน แล้วถูกฝ่ายชายทิ้งไม่ยอมแต่งงานด้วย"


    "ฉัน ไม่ได้ หนีตามผู้ชายมานะ" เธอค้านเสียงแข็ง "ฉันดูไร้หัวคิดขนาดนั้นรึไง"


    "ไม่ใช่อย่างนั้น เอาเถอะ ลืมที่ฉันพูดก็แล้วกัน ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก" เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ "ฉันขี่ม้ามาทั้งวัน ทั้งเมื่อยทั้งเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว แต่ก็ยังหาน้องสาวฉันไม่เจอสักที ฉันดีใจที่เธอไม่เป็นไร แต่ฉันไม่มีเวลาจะมา…"


    กิริยาของเธอเปลี่ยนไปทันที "น้องสาวของคุณเหรอ?" เธอรีบเขยิบเข้ามาใกล้ทันที "คุณกำลังตามหาน้องสาวของคุณเหรอ บอกฉันหน่อยสิคะว่าน้องคุณอายุเท่าไหร่ เธอหน้าตายังไง แล้วคุณนามสกุลฟอร์นบี้ เฟอร์ริดจ์ หรือว่าฟิตช์"


    เขามองเธอราวกับว่าเธอมีเขางอกออกมา "เธอพูดบ้าอะไรของเธอ แม่คุณ ฉันชื่อ แองกัส กรีน"


    ":-)จริง" เธอสบถ แล้วก็นึกตกใจในคำพูดของตัวเอง "ฉันนึกว่าเราจะร่วมมือกันได้เสียอีก"


    "ถ้าเธอไม่ได้หนีตามผู้ชายมา แล้วเธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่"


    "น้องชายฉันน่ะสิ" มาร์กาเร็ตฮึ่มฮั่ม "เจ้าเด็กสมองฝ่อนั่นคิดว่าเขาต้องการจะแต่งงาน แต่พวกเจ้าสาวของเขาไม่มีคนไหนเข้าท่าซักคน"


    "พวกเจ้าสาว? พหูพจน์เหรอ? ฉันว่าจดทะเบียนซ้อนมันผิดกฏหมายอังกฤษนา"


    เธอตีหน้ายักษ์ใส่เขา "ฉันไม่รู้ว่าเขาหนีตามมากับคนไหนต่างหากค่ะ เขาไม่ยอมบอกฉันไว้ แต่ไม่ว่าจะคนไหนก็น่าสยองขวัญทั้งนั้น" พูดพลางตัวสั่น ทำท่าราวกับเพิ่งจะกลืนยาพิษลงไป "ฝันร้ายชัดๆ"


    ฝนห่าใหญ่เทลงมายังพวกเขา และโดยไม่ทันคิด แองกัสก็คว้าแขนหญิงสาวลากไปใต้ชายคาหลบฝน


    "ถ้าฉันตามตัวเอ็ดเวิร์ดเจอเมื่อไหร่ ฉันจะบีบคอเจ้าเด็กบ้านั่นให้ตาย" เธอพร่ำพูดไม่หยุด "เด็กบ้านั่นทำยังกะว่าฉันอยู่ว่างๆที่แลงคาสเชียร์อย่างนั้นล่ะ ฉันมีงานต้องทำเยอะแยะไปหมด ฉันไม่มีเวลามาเล่นไล่จับกับเขามาจนถึงสก็อตแลนด์หรอก ฉันยังมีน้องสาวอีกคนที่ต้องดูแล มีงานเลี้ยงแต่งงานที่ต้องวางแผน น้องสาวฉันจะแต่งงานอีกสามเดือนข้างหน้านี้ สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการก็คือการเดินทางขึ้นมาถึงที่นี่และ…"


    มือของเขากระชับแน่นเข้าที่ต้นแขนเธอ "เดี๋ยวก่อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เธอหุบปากฉับ "อย่าบอกนะว่าเธอเดินทางมาสก็อตแลนด์ตัวคนเดียว" คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ทำท่าราวกับกำลังได้รับความเจ็บปวดสุดแสน "อย่าบอกฉันอย่างนั้นเชียว"


    เธอเห็นไฟแลบเป็นประกายอยู่ในดวงตาสีดำสนิท แล้วถอยห่างออกมาเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อมีมือเขาตรึงอยู่ที่ต้นแขน "ฉันนึกแล้วว่าคุณต้องสติไม่ดี" เธอว่า มองซ้ายมองขวาคล้ายจะหาใครมาช่วยเธอจากคนบ้าร่างยักษ์


    แองกัสกระชากเธอเข้ามาใกล้ จงใจใช้ขนาดและความแข็งแรงกว่าของเขาข่มขู่เธอ "ตอบฉัน เธอออกเดินทางไกลขนาดนี้มาโดยไม่มีใครคุ้มครองเลย ใช่ หรือ ไม่ใช่"


    "ใช่?" เธอพูด พยางค์เดียวสั้นๆของเธอกระซิบออกมาราวกับคำถาม


    "พระเจ้าทรงโปรด! ผู้หญิง!" เขาระเบิดเสียง "เธอบ้าไปแล้วรึไง ไม่รู้หรือไงว่ามีอะไรเกิดขึ้นได้บ้างกับผู้หญิงที่เดินทางตามลำพัง นี่เธอไม่ห่วงความปลอดภัยตัวเองบ้างเลยเรอะ"


    มาร์กาเร็ตอ้าปากหวอ


    เขาปล่อยแขนเธอแล้วเริ่มเดินไปมา "พอฉันคิดว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง…." เขาสั่นศีรษะบรื๋อ บ่นอุบ "จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ ผู้หญิงอะไรโง่ชะมัดเลย"


    มาร์กาเร็ตกระพริบตาปริบๆพยายามจะทำความเข้าใจกับเรื่องทั้งหมด "คุณคะ" เธอเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง "คุณไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำไปนะ"


    เขาหมุนตัวกลับมา "เธอชื่ออะไร"


    "มาร์กาเร็ต เพ็นนีแพกเกอร์" เธอตอบก่อนจะทันคิดว่าบางทีเขาอาจจะสติไม่สมประกอบจริงๆ และเธออาจจะไม่ควรบอกความจริงกับเขา


    "เอาล่ะ" เขาว่า "ทีนี้ฉันก็รู้จักเธอแล้ว แล้วเธอก็เป็นคนโง่ คนโง่ที่ทำเรื่องโง่ๆ"


    "นี่นี่ เดี่ยวสิ!" เธอร้องโวยวาย เดินมาข้างหน้าแล้วโบกแขนใส่เขา "ฉันน่ะกำลังทำภารกิจที่สำคัญมากนะจะบอกให้ ความสุขชั่วชีวิตของน้องชายฉันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ คุณนึกว่าคุณเป็นใครมาว่าฉันอย่างนี้"


    "ก็คนที่ช่วยเธอจากการถูกข่มขืนน่ะสิ"


    "เฮอะ!" มาร์กาเร็ตร้องออกมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรตอบกลับดี


    เขายกมือขึ้นเสยผม "แล้วคืนนี้เธอจะทำยังไงต่อ"


    "นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ!"


    "เธอกลายเป็นธุระกงการของฉันตั้งแต่นาทีแรกที่ฉันเห็นเธอโดนรุมฉุดโดย.." แองกัสเอี้ยวคอกลับไป เพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมวายร้ายที่เขาตั๊นหน้าจนสลบเหมือดคนนั้นไปแล้ว

    ชายผู้เคราะห์ร้ายฟื้นแล้วและกำลังตั้งท่าจะย่องหนีไปอย่างเงียบกริบที่สุด


    "อย่าไปไหนนะ" แองกัสสั่งมาร์กาเร็ต

    เขาก้าวยาวๆสองก้าวก็คว้าคอเสื้อชายผู้นั้นปลายเท้าห้อยร่องแร่งอยู่ในอากาศ

    "นายมีอะไรจะพูดกับคุณผู้หญิงคนนี้มั้ย"


    ฝ่ายนั้นสั่นหัวดิก


    "ฉันคิดว่านายมีนะ"


    "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเขาหรอกค่ะ" มาร์กาเร็ตแย้งขึ้น ด้วยความพยายามจะช่วย


    แองกัสไม่สนใจเธอ "คำขอโทษไง คำขอโทษเพราะๆอย่างจริงใจ พร้อมกับประโยคที่ว่า 'ผมมันไอ้คนไม่มีหัวคิดเฮงซวยครับ' นั่นอาจจะทำให้อารมณ์ของฉันเย็นลงและไว้ชีวิตห่วยๆของนาย"


    ชายคนนั้นเริ่มสั่นเทาอย่างไม่อาจช่วยตัวเองได้ "ขอโทษครับ ขอโทษครับขอโทษครับ"


    "พอทีเถอะค่ะมิสเตอร์กรีน" มาร์กาเร็ตพูดอย่างเร็ว "ฉันคิดว่าเราน่าจะจบกันได้แล้ว คุณน่าจะปล่อยเขาไปซะ"


    "เธออยากจะเตะมันหน่อยมั้ย"


    มาร์กาเร็ตประหลาดใจ เธอไอค่อกแค่กเมื่อถามว่า "คุณว่าไงนะคะ"


    น้ำเสียงของเขากระด้างและราบเรียบผิดปกติเมื่อทวนประโยคเดิมอีกครั้ง "เธออยากจะเตะมันหน่อยมั้ย มันเกือบจะข่มขืนเธอนะ"


    มาร์กาเร็ตกระพริบตาปริบๆกับประกายประหลาดในดวงตาของเขา และเธอเกิดความรู้สึกอันน่าพรั่นพรึงว่าเขาอาจจะฆ่าผู้ชายคนนี้จริงๆถ้าเธอบอกเขา "ฉันเชื่อว่าฉันจัดการเตะสั่งสอนเขาไปพอสมควรแล้วเมื่อครู่นี้ มันค่อนข้างจะทำให้ฉันสาสมใจแล้วล่ะค่ะ"


    "ไม่ใช่คนนี้" แองกัสตอบ "เธอเตะกับศอกใส่ไอ้สองคนที่หนีไปแล้ว"


    "ฉันสบายดีแล้วจริงๆค่ะ"


    "เรื่องอย่างนี้ผู้หญิงมีสิทธิที่จะแก้แค้นได้นะ"


    "ไม่จำเป็นจริงๆค่ะ ฉันรับรองได้" มาร์กาเร็ตเหลือบสายตามองรอบๆ พยายามคิดหาโอกาสหลบหนี แองกัส กรีนคนนี้อาจจะช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เขาต้องเพี้ยนแน่ๆ


    แองกัสปล่อยคนในมือลงแล้วผลักไปข้างหน้า "ไสหัวไปก่อนที่ฉันจะฆ่านาย"


    มาร์กาเร็ตกำลังตั้งท่าจะย่องไปอีกทาง


    "ส่วนเธอ!" เขาตวาด "อย่าขยับ"



    -- อ่านต่อ ตอนที่ 3 --

    จากคุณ : Tigger - [6 มิ.ย. 45 09:31:14 A:203.170.221.95 X:]