เมื่อมาร์กาเร็ตเยี่ยมหน้าออกมาจากประตูห้องนอน แองกัสก็หายไปเรียบร้อยแล้ว มันทำให้เธอประหลาดใจ เธอเพิ่งจะรู้จักชาวสก็อตร่างยักษ์เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะไม่ทิ้งหญิงสาวที่มีชาติตระกูลอย่างเธอไว้เผชิญชะตากรรมคนเดียวในโรงแรมสาธารณะเช่นนี้
เธองับประตูตามหลังอย่างเงียบกริบ ด้วยไม่อยากดึงความสนใจมาที่ตัวเอง แล้วจึงเดินย่องไปตามทางเดิน อันที่จริงแล้ว เธอควรจะปลอดภัยในโรงแรมแคนนี่แมนแห่งนี้ เพราะแองกัสได้ประกาศก้องแล้วว่าเธอเป็นภรรยาของเขา คงมีแต่คนบ้ากับคนโง่เท่านั้นที่จะกล้าลองดีกับผู้ชายตัวโตขนาดแองกัส อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้มาร์กาเร็ตไม่อาจวางใจอะไรง่ายๆ
จะว่ากันไปแล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องโง่เง่าจริงๆก็ได้ที่เธอถ่อสังขารมาถึงเกร็ทนากรีนตามลำพัง แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอจะให้เอ็ดเวิร์ดแต่งงานไปกับพวกสาวๆปัญญาอ่อนที่เขาตามจีบอยู่ได้อย่างไร
เธอเดินไปถึงบันไดแล้วก็ก้มลงมองลู่ทาง
"หิวรึยัง"
มาร์กาเร็ตสะดุ้งโหยง ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ
แองกัสยิ้มกริ่ม "ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจนะ"
"คุณตั้งใจ" หญิงสาวพูดอย่างกล่าวหา
"เอาล่ะ เอาล่ะ" เขายอมรับ "ฉันตั้งใจ แต่เธอก็แก้แค้นคืนจนแก้วหูฉันเต้นระบำแล้วนี่"
"สมน้ำหน้า" เธอบ่นพึม "เล่นซ่อนหาเหมือนเด็กๆ"
"อันที่จริง" แองกัสอธิบาย พลางยื่นแขนให้เธอเกาะ "ฉันไม่ได้คิดจะซ่อนตัวอะไรหรอก ฉันหายไปเพราะฉันคิดว่าได้ยินเสียงน้องสาวของฉันน่ะ"
"จริงเหรอ? แล้วคุณเจอเธอหรือเปล่า? ใช่เธอมั้ย?"
แองกัสเลิกคิ้วดกหนาของเขาขึ้นสูง "รู้สึกเธอตื่นเต้นจังนะ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักน้องสาวของฉันด้วยซ้ำ"
"ก็ฉันรู้จักคุณไง" เธออธิบาย ลดตะเกียงลงขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของโรงแรม "และยิ่งคุณแกล้งแหย่ฉันมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งอยากให้คุณเจอน้องสาวคุณเร็วขึ้นเท่านั้น"
เรียวปากเขาเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเกเร "นี่ มิสเพ็นนีแพกเกอร์ ยอมรับออกมาเถอะน่าว่าเธอก็ชอบฉันน่ะ"
"ฉัน*พูด* " เธอเน้นคำ "ว่าคุณชอบแกล้งฉัน"
"แน่นอน ก็ฉันตั้งใจนี่นา"
นั่นทำให้เขาโดนจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออีกครั้ง
เขาโน้มตัวลงเขย่าคางเธอ "การได้แกล้งแหย่เธอเป็นเรื่องสนุกที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมาทีเดียว"
"ฉันไม่เห็นสนุกซักหน่อย" เธอบ่น
"สนุกสิ" เขาพูดอย่างร่าเริง ขณะนำเธอเดินเข้าไปในห้องอาหารเล็กๆ
"ฉันพนันได้เลยว่าฉันเป็นคนคนเดียวที่เธอรู้จักที่กล้าขัดใจเธอ"
"คุณพูดยังกับฉันเป็นพวกเผด็จการงั้นแหละ"
เขาดึงเก้าอี้บริการให้เธอนั่ง "แล้วถูกมั้ยล่ะ"
"ใช่" เธอพูดอุบอิบ "แต่ฉันไม่ใช่เผด็จการนะ"
"แน่นอน" เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม "แต่เธอชินกับการทำตามใจตัวเอง"
"คุณก็เหมือนกันน่ะแหละ" เธอโต้
"โดนใจ!"
"และนี่" เธอพูด "ก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นฟืนเป็นไฟนักที่น้องสาวของคุณขัดคำสั่ง คุณทนไม่ได้ล่ะสิที่เธอไม่ยอมเชื่อฟังคุณ"
แองกัสขยับตัวอย่างไม่เป็นสุขบนเก้าอี้ ตอนได้ซักไซ้ขุดคุ้ยนิสัยของอีกฝ่ายมันก็สนุกดีหรอก แต่อย่างนี้ชักไม่สนุกเสียแล้วสิ "แอนน์น่ะไม่เคยเชื่อฟังฉันมาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกแล้ว"
"ฉันไม่ได้บอกว่าเธอสงบเสงี่ยมเรียบร้อย หรือปฏิบัติตามทุกอย่างที่คุณพูดหรอกนะ
"
"จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ" แองกัสขัดแทบไม่หายใจ "ฉันรู้อยู่แล้วน่า
"
มาร์กาเร็ตทำเป็นไม่สนใจคำติดปากพิลึกๆของเขา "แต่ว่าแองกัส" เธอพูด พลางทำไม้ทำมือประกอบเน้นแทบจะทุกพยางค์ "น้องสาวของคุณน่ะเคยขัดคำสั่งของคุณโดยสิ้นเชิงขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่า ชนิดที่ทำให้คุณต้องยุ่งวุ่นวายไปหมดอย่างนี้น่ะ"
เขานิ่งไปชั่ววินาทีหนึ่ง แล้วสั่นศีรษะ
"เห็นมะ" หญิงสาวยิ้มแฉ่ง ท่าทางพออกพอใจในตัวเองอย่างที่สุด "นี่แหละ ถึงทำให้คุณงอนขนาดนี้"
สีหน้าของเขาแปรเป็นปั้นปึ่งอย่างน่าขบขัน "ผู้ชายเขาไม่งอนกันหรอก"
สีหน้าของเธอแปรเป็นปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออย่างน่าหมั่นไส้ "อ๋อ เหรอ ขอประทานโทษนะคะ แต่ฉันกำลังจ้องมองผู้ชายที่ขี้งอนที่สุดในโลกอยู่เชียวล่ะ"
ทั้งสองจ้องตากันเป๋งข้ามโต๊ะอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่แองกัสจะพูดว่า "ถ้าเธอเลิกคิ้วไปสูงกว่านี้ ฉันเห็นจะต้องออกแรงดึงมันลงมาจากตีนผมของเธอแน่ๆ"
มาร์กาเร็ตพยายามจะโต้กลับ แองกัสเห็นประกายในดวงตาเธอ แต่อารมณ์ขันพลุ่งขึ้นในตัวของเธอเสียก่อน
หญิงสาวระเบิดหัวเราะออกมา
ภาพของนางสาวมาร์กาเร็ต เพ็นนีแพกเกอร์ หัวเราะจนงอหาย ช่างน่าดูนัก และแองกัสไม่เคยนั่งมองใครที่ไหนหัวเราะได้อย่างมีความสุขอย่างนี้มาก่อนเลย ริมฝีปากของเธอโค้งออกเป็นรอยยิ้มเปิดกว้างอย่างน่าหลงใหล ดวงตาของเธอทอประกายขบขันเต็มที่ ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยแรงหัวเราะ เธออ้าปากหอบหายใจอยู่นานกว่าจะสงบลงได้
"โอ ตายแล้ว" เธอพึมพำ พลางเสยปอยผมสีน้ำตาลหยักอ่อนไหวที่หลุดรุ่ยออกมาจากหมุดปักผม "โอ..ผมฉัน"
แองกัสยิ้ม "เธอหัวเราะจนผมเสียทรงอย่างนี้ทุกทีหรือเปล่า ฉันว่า เป็นเอกลักษณ์ดีนะ"
เธอยืดตัวขึ้น และรีบตลบผมให้เข้าที่โดยอัตโนมัติ "จริงๆมันคงเตรียมจะหลุดออกมาตั้งแต่กลางวันแล้วล่ะ ฉันไม่ทันจะถอดหมุดออกมาเกล้าใหม่ก่อนแต่งตัวลงมาทานอาหารเย็น"
"เธอไม่ต้องยืนยันกับฉันขนาดนั้นหรอก ฉันมั่นใจว่าปกติเส้นผมของเธอคงเรียบกริบไม่กระดิกเลยสักเส้นแน่ๆ"
มาร์กาเร็ตขมวดคิ้ว เธอค่อนข้างจะภูมิใจในความเป็นระเบียบเรียบร้อยของตัวเอง แต่คำพูดของแองกัส..ซึ่งควรจะเป็นคำชม..กลับทำให้เธอรู้สึกแม่งๆอย่างไรบอกไม่ถูก
แต่ยังไม่ทันที่มาร์กาเร็ตจะคิดวิเคราะห์อย่างไรต่อไป จอร์จ เจ้าของโรงแรมก็ปรากฏตัวขึ้น
"อ้าว มากันแล้วนี่!" เขาทักเสียงสนั่น พลางวางจานชามลงบนโต๊ะไม้โครมคราม "แห้งสบายตัวแล้วล่ะสิ
ใช่มั้ย"
"ก็เท่าที่เราทำได้ล่ะ" แองกัสตอบ พร้อมกับผงกศีรษะหงึกๆเหมือนเวลาที่พวกผู้ชายทำท่าปลงสังเวชกับนิสัยบางอย่างของพวกผู้หญิง
มาร์กาเร็ตกลอกตา
"รู้มั้ย พวกคุณนี่โชคดีมหาวายร้ายจริงๆ" จอร์จบอก "เมียของผมทำแฮกกิสไว้เตรียมเสริฟพรุ่งนี้พอดิบพอดีเลย ไม่ต้องห่วง เอามาต้มอุ่นให้แล้วล่ะ แฮกกิสกินเย็นๆได้ที่ไหน"
มาร์กาเร็ตไม่คิดว่าแฮกกิสร้อนๆจะโอชารสกว่าแฮกกิสเย็นแต่ประการใด แต่เธอก็ไม่ได้เสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมา
แองกัสสูดหายใจซื้ด ทำจมูกฟุดฟิดพอเป็นพิธี "แม่เจ้าโวย แม็คคัลลัม" เขาว่า ด้วยน้ำเสียงเป็นคนสก็อตมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ "ถ้ารสชาติมันได้ครึ่งของกลิ่นล่ะก็ เมียนายนี่อัจฉริยะแท้ๆเลย"
"แน่นอน" จอร์จยิ้มแป้น ยกจานเปล่าสองใบวางข้างหน้าแขกของเขา "เจ้าหล่อนแต่งงานกับฉันไม่ใช่เรอะไง"
แองกัสหัวเราะก๊าก ตบหลังเจ้าของโรงแรมเป็นการเอิกเกริก
มาร์กาเร็ตรู้สึกถึงสารพัดคำพูดที่ขึ้นมาประดังรอที่หลอดคอ และต้องไอแค่กๆกล้ำกลืนลงไปอย่างลำบากยากเย็น
"รอเดี๋ยวนะ" จอร์จว่า "ผมขอไปเอามีดก่อน"
มาร์กาเร็ตรอจนฝ่ายนั้นไปแล้ว จึงโน้มตัวเข้าไปหาคนตรงข้าม เค้นถาม "นี่มันทำมาจาก อะไร น่ะ"
"เธอไม่รู้เหรอ" แองกัสถาม ท่าทางเพลิดเพลินกับกิริยาขนลุกขนพองของอีกฝ่าย
"ฉันรู้แต่ว่ากลิ่นมันเหลือจะทานทน"
"อ๊ะ อ๊ะ นี่หมายความว่าเธอดูถูกดูแคลนอาหารประจำชาติของฉันมาตั้งแต่เมื่อเย็นทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรงั้นเหรอ"
"บอกส่วนผสมฉันมาก็พอแล้ว" มาร์กาเร็ตกัดฟันกรอด
"หัวใจ ตับและไต บดเข้ารวมกัน" เขาตอบ เน้นแต่ละคำอย่างเห็นภาพพจน์ "จากนั้นก็ใส่ไขมันแข็ง หัวหอม ข้าวโอ๊ตบด ยัดไส้ในกระเพาะแกะ"
"ฉันทำบาปทำกรรมอะไร" มาร์กาเร็ตหันซ้ายขวาถามความว่างเปล่า "ถึงได้ต้องมาเจอของแบบนี้"
"โธ่" แองกัสพูดเอาใจ "เธอจะชอบล่ะสิไม่ว่า คนอังกฤษน่ะชอบกินเครื่องในนักนี่นา"
"ฉันปล่าวนะ ฉันไม่เคยกิน"
เขาสำลักเสียงหัวเราะ "งั้นสงสัยเธอคงตกที่นั่งลำบากแล้วล่ะคราวนี้"
นัยน์ตาของมาร์กาเร็ตตื่นตระหนก "ฉันไม่กินไอ้จานนี้นะ"
"เธอคงไม่อยากทำให้จอร์จเสียใจ ใช่มั้ย"
"ไม่อยาก แต่
"
"เธอบอกว่าเธอให้ความสำคัญกับมารยาทอย่างยิ่งไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ แต่
"
"เอ้า พร้อมรึยัง" จอร์จผลุบเข้ามาในห้องด้วยดวงตาเป็นประกาย "ผมจะเสริฟแฮกกิสโอชารสล่ะ" ว่าแล้วก็ลับมีดไปมาด้วยลวดลายขมีขมันชนิดที่ทำให้มาร์กาเร็ตอยากจะหดหน้าออกห่างอีกสักฟุตด้วยความกลัวว่าจมูกของเธอจะหดสั้นเป็นการถาวร
จอร์จวาดมีดควับๆสองสามทีก็ชำแหละแฮกกิสจานเด็ดออกมาเป็นที่เรียบร้อย
กลิ่นของมัน
"โอ พระเจ้า" มาร์กาเร็ตอ้าปากหอบหายใจเฮือก ไม่เคยมาก่อนเลยที่เธอได้อุทานเรียกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มอกเต็มใจเช่นนี้มาก่อน
"ไง คุณเคยเห็นอะไรน่ารักน่าชังขนาดนี้มั้ย" จอร์จสรรเสริญชื่นชม
"ฉันขอแบ่งครึ่งหนึ่งมาใส่จานฉันเดี๋ยวนี้เลย" แองกัสว่า
มาร์กาเร็ตยิ้มแหยๆ พยายามกลั้นหายใจ
"ส่วนของคุณผู้หญิงแค่นิดหน่อยก็พอ" แองกัสบอกแทน "เดี๋ยวนี้เธอไม่ค่อยอยากอาหารเหมือนเดิมสักเท่าไหร่"
"อ๋อ ใช่แล้ว" จอร์จร้อง "เจ้าตัวจ้อยน่ะเอง คุณคงยังท้องอ่อนอยู่มากเลยสิครับนี่"
มาร์กาเร็ตเดาว่า 'อ่อน' คงสามารถหมายถึง ก่อนปฏิสนธิ ได้ เธอจึงพยักหน้าหงึก
แองกัสเลิกคิ้วข้างหนึ่ง และมาร์กาเร็ตตีหน้ายักษ์ใส่เขา หงุดหงิดเหลือจะกล่าวที่เขาทำท่าประทับใจเหลือเกินที่เธอยอมเล่นละครโกหกไปกับเขาด้วย
"กลิ่นของมันอาจทำให้คุณวิงเวียนหน่อย" จอร์จบอก "แต่ไม่มีอะไรบำรุงเด็กได้เยี่ยมเท่าแฮกกิสดีๆสักจาน เพราะฉะนั้นอย่างน้อยคุณก็ควรจะลองหน่อย เอาขนาดที่ป้าทวดมิลลี่ของผมเรียกว่า ขนาด 'พอแล้วค่ะ ขอบคุณ' ก็แล้วกัน"
"วิเศษเลยค่ะ" มาร์กาเร็ตสำลักคำพูดออกมาได้สำเร็จ
"เอาล่ะ นี่เลย" จอร์จว่าพร้อมกับตักอาหารมาหย่อนแหมะตรงหน้าเธอ
มาร์กาเร็ตจ้องกองอาหารที่วางพูนอยู่ตรงหน้า ระงับอาการคลื่นเหียนที่จุกอกสุดความสามารถ ถ้านี่เรียกว่า ขนาด 'พอแล้วค่ะ ขอบคุณ' เธอตัวสั่นเมื่อพยายามจินตนาการ ขนาด 'ขออีกค่ะ ได้โปรด'
"บอกฉันหน่อยสิคะ" เธอว่า ด้วยอาการสงบเสงี่ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ป้าทวดมิลลี่ของคุณนี่รูปร่างเป็นยังไง"
"โอ๊ย เป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก แข็งแรงยังกะวัว แถมรูปร่างก็ใหญ่โตไม่แพ้กัน"
ดวงตาของมาร์กาเร็ตหล่นวูบลงมาที่จานของเธอ "ค่ะ" เธอพึมพำ "ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละค่ะ"
"ลองดูสิ" จอร์จคะยั้นคะยอ "ถ้าคุณชอบ ผมจะให้เมียผมทำ ฮักกามักกี้ พรุ่งนี้"
"ฮักกามักกี้?"
"อย่างเดียวกับแฮกกิสนั่นแหละ" แองกัสตอบอย่างเอื้อเฟื้อ "แต่ใช้กระเพาะปลาแทนกระเพาะแกะ"
"น่า
กินจังค่ะ"
"โอ๊ย งั้นผมจะบอกเธอให้เตรียมยัดไส้พรุ่งนี้เช้าเลย" จอร์จให้คำมั่นสัญญา
มาร์กาเร็ตมองอย่างขนพองสยองเกล้าเมื่อเจ้าของโรงแรมเดินหกหน้าหกหลังกลับเข้าไปในครัว
"เรากินอาหารเช้าที่นี่ ไม่ได้" เธอขู่ฟ่อข้ามโต๊ะ "ฉันไม่แคร์ ต่อให้เราต้องเปลี่ยนโรงแรมก็เถอะ"
== tbc chapt 9 ==
จากคุณ :
Tigger - [13 มิ.ย. 45 19:17:58 A:203.147.10.196 X:]