ตามล่าหารัก Gretna Green by Julia Quinn Chapter 9

    มาร์กาเร็ตมองอย่างขนพองสยองเกล้าเมื่อเจ้าของโรงแรมเดินหกหน้าหกหลังกลับเข้าไปในครัว "เรากินอาหารเช้าที่นี่ ไม่ได้" เธอขู่ฟ่อข้ามโต๊ะ "ฉันไม่แคร์ ต่อให้เราต้องเปลี่ยนโรงแรมก็เถอะ"

    "งั้นเธอก็ไม่ต้องกินฮักกามักกี้สิ" แองกัสเอาส้อมจิ้มอาหารเข้าปากคำโตพลางเคี้ยวกร้วมๆ

    "ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเล่า ในเมื่อคุณน่ะพร่ำบอกฉันขนาดนี้ว่าการไม่ชมเชยอาหารของเจ้าของโรงแรมน่ะเป็นมารยาทที่ไม่ดี"

    แองกัสยังเคี้ยวอาหารอยู่ เขาจึงสามารถรอดพ้นการไม่ตอบคำถามไปได้ จากนั้นก็หันไปคว้าเหล้าเอลที่เด็กรับใช้ของโรงแรมเอามาเสริฟให้เทพรวดลงลำคอ "เธอจะไม่ลองหน่อยรึไง" ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ไปที่แฮกกิสที่สงบนิ่งอยู่ในจานของมาร์กาเร็ต

    มาร์กาเร็ตสั่นหน้าดิก ดวงตาโตมีแววตระหนกฉายวาบขึ้น

    "ซักคำน่า" แองกัสเชิญชวน พลางสวาปามส่วนที่เหลือในจานของตัวเองด้วยความเอร็ดอร่อย

    "ฉันทำไม่ได้ แองกัส ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้ได้ไง แต่ฉันมีความรู้สึกประหลาดว่า ถ้าฉันกินไอ้เจ้าแฮกกิสเข้าไปคำเดียว ฉันต้องตายแน่ๆ"

    เขาล้างคอด้วยเหล้าเอลอีกรอบ แล้วหันมามองเธอด้วยแววตาเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่จะปั้นหน้าได้ แล้วถามว่า "แน่ใจนะ"

    หญิงสาวพยักหน้า

    "เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้น…." เขาเอื้อมมือไปยกจานของหญิงสาวขึ้น แล้วเทอาหารทั้งหมดในนั้นใส่จานของตัวเอง "จะปล่อยให้แฮกกิสดีๆเสียไปก็กระไรอยู่"

    มาร์กาเร็ตเหลียวมองไปรอบๆห้อง "ฉันสงสัยจังว่าที่นี่มีขนมปังรึเปล่า"

    "หิวรึไง"

    "ท้องกิ่วเลยล่ะ"

    "ถ้าเธอคิดว่าจะทนแขวนท้องรออีกสักสิบนาทีโดยไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนได้ก็รอเถอะ เดี๋ยวจอร์จก็คงเอาชีสกับพุดดิ้งหรือของหวานอะไรมาเสริฟแล้วล่ะ"

    การถอนหายใจของมาร์กาเร็ตแสดงถึงความโล่งอกอย่างสุดขีด

    "เธอน่าจะชอบของหวานของพวกเราชาวสก็อตนะ" แองกัสว่า "ไม่มีเครื่องในสัตว์อะไรอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว"

    แต่สายตาของมาร์กาเร็ตกลับจ้องเป๋งอยู่ที่อะไรบางอย่างนอกหน้าต่าง

    เดาว่าอีกฝ่ายคงพยายามมองอะไรข้างนอกจะได้ไม่ต้องคิดถึงความหิวแสบไส้ แองกัสจึงพูดต่อว่า "ถ้าโชคดี เราอาจจะได้กิน ครานากัน เธอต้องไม่เคยกินพุดดิ้งชนิดไหนที่อร่อยกว่านี้แน่"

    หญิงสาวไม่ตอบว่ากระไร เขาจึงได้แต่ยักไหล่ แล้วตักแฮกกิสใส่ปากตัวเองจนหมด จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ มันอร่อยอะไรอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองหิวถึงปานนี้ และไม่มีอะไรจะอิ่มท้องได้ดีกว่าแฮกกิสดีๆสักมื้อหนึ่ง มาร์กาเร็ตไม่รู้หรอกว่าเธอพลาดอะไรไปบ้าง

    พูดถึงมาร์กาเร็ต.. เขาหันกลับไปมองเธอ เจ้าหล่อนยังตั้งหน้าตั้งตาเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างจนแองกัสเริ่มสงสัยว่าเจ้าหล่อนสายตาสั้นหรือเปล่า

    "แม่ฉันทำครานากันอร่อยที่สุดในแถบนี้ของทะเลสาบล็อคโลมอนด์" แองกัสพล่ามต่อไป ด้วยความตั้งใจว่าจะต้องมีใครสักคนเป็นผู้นำในบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร "ครีม โอ๊ตมีล น้ำตาล เหล้ารัม.. โอย ฉันชักจะน้ำลายสอซะแล้ว แค่…"

    มาร์กาเร็ตสูดลมหายใจเข้าแรง แองกัสแทบทำส้อมในมือหล่น อะไรบางอย่างในท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาว ทำให้เลือดในกายของเขาเย็นเยียบ

    "เอ็ดเวิร์ด" เธอกระซิบเสียงแผ่ว แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นความกราดเกรี้ยวที่สามารถทำให้สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อคเนสเผ่นหางจุกก้นไปได้ หญิงสาวลุกพรวดพราดขึ้นแล้ววิ่งตัวปลิวออกไปจากห้องทันที

    แองกัสวางส้อมลง กลิ่นหอมหวนของครานากันโชยอบอวลออกมาจากเตาอบในครัว เขาอยากจะกระแทกหัวเข้ากับโต๊ะด้วยความอึดอัดคับข้องใจ

    มาร์กาเร็ต? (เขามองไปทางประตูที่เธอเพิ่งออกไป)

    หรือ ครานากัน? (เขาส่งสายตาละห้อยไปทางห้องครัว)

    มาร์กาเร็ต?

    หรือ ครานากัน?

    "[^_^]" แองกัสสบถ แล้วลุกขึ้นยืน แน่นอน ต้องเป็นมาร์กาเร็ต

    ยามเมื่อเขาหันหลังให้ครานากัน ชายหนุ่มมีความรู้สึกราวกับว่าการเลือกครั้งนี้เป็นการกำหนดชะตาชีวิตของเขาเสียแล้ว

    พายุฝนหยุดแล้ว แต่ความชุ่มชื้นในอากาศยังปะทะใบหน้าของมาร์กาเร็ตยามเมื่อเธอพุ่งพรวดออกมาจากโรงแรมแคนนี่แมน หญิงสาวมองเลิ่กลั่กไปรอบๆ เธอเห็นเอ็ดเวิร์ดจากหน้าต่างของโรงแรมแน่ๆ เธอมั่นใจมาก

    หางตาของเธอแลเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเคลียคลออยู่ไกลๆ เอ็ดเวิร์ด ผมสีทองของชายหนุ่มประกาศตัวเขาอย่างชัดเจน

    "เอ็ดเวิร์ด!" มาร์กาเร็ตตะโกนลั่น ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางชายหนุ่มผู้นั้น "เอ็ดเวิร์ด เพ็นนีแพกเกอร์!"

    แต่เขาไม่มีท่าทางจะได้ยินเธอ มาร์กาเร็ตจึงยกชายกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งถลาข้ามถนนไปหา ปากร้องเรียกชื่อเมื่อเข้าไปใกล้

    "เอ็ดเวิร์ด!"

    ชายหนุ่มผู้นั้นหันมา

    และเธอไม่รู้จักเขามาก่อนเลย

    "ข ข ข ขอโทษค่ะ" มาร์กาเร็ตพูดอึกอัก เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างคิดไม่ถึง "ฉันคิดว่าคุณเป็นน้องชายฉัน"

    ชายหนุ่มผมทองผู้หล่อเหล่าคนนั้นก้มศีรษะนิดหนึ่งอย่างมีมารยาท "ไม่เป็นไรครับ"

    "คืนนี้หมอกมันลงน่ะค่ะ ฉันมองไกลๆจากหน้าต่างก็เลย…"

    "ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมไม่ถือสาอะไรหรอก แต่ถ้าคุณไม่ว่าอะไร…" ชายหนุ่มผู้นั้นโอบแขนรอบหญิงสาวข้างตัวเขา "ผมกับภรรยาเห็นจะต้องขอตัวก่อน"

    มาร์กาเร็ตผงกศีรษะแล้วจ้องมองคนทั้งสองเดินหายไปที่มุมถนน พวกเขาเป็นคู่แต่งงานใหม่ มาร์กาเร็ตแน่ใจเช่นนั้น กระแสเสียงของชายหนุ่มอบอุ่นอย่างยิ่งเมื่อกล่าวคำว่า 'ภรรยา'

    พวกเขาเป็นคู่แต่งงานใหม่ และคงจะเหมือนกับใครอีกหลายคนในเกร็ทน่ากรีนนี้ ทั้งสองอาจจะหนีตามกันมา ครอบครัวของทั้งสองคงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ดูจะมีความสุขกันดี ตอนนั้นเองที่มาร์กาเร็ตรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เธอรู้สึกเศร้าสร้อย แก่ชรา และหงอยเหงาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    "เธอต้องวิ่งเตลิดออกมาก่อนเวลาของหวานทุกครั้งเลยรึไง"

    เธอหันกลับมามอง แองกัส… ทำไมคนตัวใหญ่ขนาดเขาจึงสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น เขากำลังยืนค้ำหัวเธอ ท้าวสะเอว ดวงตาเป็นประกายอย่างโกรธๆ มาร์กาเร็ตพูดอะไรไม่ออก เธอไม่มีแรงเหลือจะพูดอะไรต่อทั้งนั้น

    "ฉันเดาว่าคนที่เธอเห็นคงไม่ใช่น้องชายของเธอสินะ"

    มาร์กาเร็ตสั่นหัว

    "ถ้าอย่างนั้น ในนามของพระเจ้า แม่คุณ! เรากลับไปกินข้าวต่อกันได้หรือยัง"

    รอยยิ้มบางๆปรากฎบนริมฝีปากของเธอโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีการต่อว่าต่อขานว่า 'ยัยผู้หญิงหน้าโง่ เธอวิ่งเตลิดออกมาคนเดียวตอนกลางคืนอย่างนี้ได้ยังไง' มีแต่ 'เรากลับไปกินข้าวต่อกันได้หรือยัง'

    ผู้ชายบ้าอะไรไม่รู้

    "ก็ดีเหมือนกันค่ะ" เธอตอบ คล้องแขนเข้ากับเขาเมื่อชายหนุ่มยื่นเสนอให้ "ฉันอาจจะยอมลองชิมแฮกกิสด้วยก็ได้ แต่แค่ลองชิมนะ ฉันว่ายังไงฉันก็คงไม่ชอบมันหรอก แต่ก็อย่างที่คุณว่า ลองชิมเป็นมารยาทสักหน่อย"

    เขาเลิกคิ้ว บางอย่างบนใบหน้าของเขา คิ้วดกหนา ดวงตาดำเข้ม และจมูกที่บิดเล็กน้อย ทำให้หัวใจของมาร์กาเร็ตลืมเต้นไปสองจังหวะ

    "ให้ตายสิ" ชายหนุ่มว่า พลางเดินกลับไปยังโรงแรม "เธอทำให้ฉันประหลาดใจได้ไม่หยุดจริงๆ นี่เธอจะบอกว่าเธอฟังที่ฉันพูดด้วยเหรอเนี่ย"

    "ฉันตั้งใจฟังที่คุณพูดแทบทุกคำแหละ" มาร์กาเร็ตปกป้องตัวเอง

    "เธอเสนอตัวจะลองชิมแฮกกิสเพราะว่าฉันกินอาหารส่วนของเธอล่ะสิ"

    มาร์กาเร็ตแก้ตัวไม่ขึ้นเพราะหน้าแดงขึ้นมาเสียก่อน

    "อะฮ้า!" เขายิ้มกริ่มอย่างลำพองใจ "เดี๋ยวเถอะ ฉันจะให้เธอกินฮักกามักกี้พรุ่งนี้เช้า"

    "งั้นฉันขอกินแค่เจ้าคราโนโปลีที่คุณพูดถึงอย่างเดียวได้มั้ยล่ะ ที่คุณบอกว่ามีครีม โอ๊ตมีล แล้วก็น้ำตาลน่ะ"

    "เขาเรียกว่าครานากัน เอาล่ะ ถ้าเธอจะกรุณาอดใจไม่ตีฝีปากใส่ฉันไปจนกระทั่งถึงโรงแรมได้ล่ะก็ ฉันอาจจะใจอ่อนบอกให้มิสเตอร์แม็คคาลัมเสริฟครานากันให้เธอก็ได้"

    "โอ๊ย เป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ" มาร์กาเร็ตแดกดัน เลียนสำเนียงสก็อตของเขาโดยไม่รู้ตัว

    แองกัสชะงักกึก "จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ เธอเริ่มจะเหมือนผู้หญิงสก็อตเข้าไปทุกทีแล้ว!"

    "ทำไมคุณถึงชอบพูดอย่างนั้นเรื่อยเลย" มาร์กาเร็ตถาม

    ถึงคราวที่แองกัสจะต้องกระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงบ้าง "ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยพูดว่าเธอเหมือนคนสก็อตจนถึงเมื่อตะกี้นี้เลยนะ"

    "อย่ามาทำไก๋เลยน่า ฉันหมายถึงที่คุณชอบพูดถึง บุตรแห่งพระเจ้า, เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์, แล้วก็วีรบุรุษชาวสก๊อตของคุณน่ะ"

    เขายักไหล่ ยกมือดันประตูโรงแรมแคนนี้แมนเข้าไป "มันเป็นคำสวดเล็กๆน้อยๆของฉันน่ะ"

    "ฉันว่าวิคาร์ของคุณคงไม่คิดว่ามันถูกต้องตามธรรมเนียมนักหรอก"

    "ที่นี่เราเรียก วิคาร์ ของเธอว่า บาทหลวง น่ะ แล้วเธอคิดว่าใครเป็นคนสอนคำเมื่อกี้ให้ฉันกันล่ะ"

    มาร์กาเร็ตเกือบสะดุดหกล้มเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องรับประทานอาหารเล็กๆแห่งนั้นอีกครั้ง "นี่คุณล้อเล่นใช่มั้ย"

    "ถ้าเธอคิดจะมาอยู่ในสก็อตแลนด์สักพักล่ะก็ เธอควรจะรู้ว่าพวกเราชาวสก็อตน่ะทำอะไรติดดินมากกว่าพวกเธอทางใต้นัก"

    "ฉันไม่เคยได้ยินคำว่า 'ทางใต้' ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกถูกดูถูกอย่างนี้มาก่อนเลย" มาร์กาเร็ตพึมพำ

    แองกัสเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ แล้วก็นั่งลงบ้าง จากนั้นก็ร่ายอรรถาบทของตัวเองต่อไป

    "คนที่มีหัวคิดหน่อยควรจะรู้ว่าเวลาที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตก เขาควรจะหันไปหาสิ่งที่เขาสามารถเชื่อถือได้มากที่สุด สิ่งที่เขาสามารถพึ่งพิงได้"

    มาร์กาเร็ตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาและสยดสยองไปพร้อมกัน "คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ"

    "เวลาที่ฉันรู้สึกว่าจะต้องสวดถึงพระเป็นเจ้าน่ะสิ ฉันจะพูดว่า 'จีซัส, วิสกี้, และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ' มันชัดเจนออกจะตายไป"

    "คุณมันบ้า คลุ้มคลั่ง ประสาทเสีย"

    "ถ้าฉันเป็นคนอารมณ์ร้อนกว่านี้นะ" เขาพูด ส่งสัญญาณให้เจ้าของโรงแรมนำชีสมาให้ "ฉันอาจจะเอาเรื่องเธอก็ได้"

    "คุณสวดถึงโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซได้ยังไง" หญิงสาวไม่ยอมแพ้

    "โอ๊ย ไม่เห็นจะเป็นไงเลย ฉันมั่นใจว่าเขาต้องมีเวลาคอยสอดส่องดูแลฉันมากกว่าจีซัสอยู่แล้ว พระองค์ต้องคอยดูแลคนทั้งโลกเลยนี่ แม้แต่พวกต่างชาติอย่างเธอ"

    "มันไม่ถูกต้อง" มาร์กาเร็ตสั่นศีรษะอย่างดื้อดึง "มันไม่ถูกต้องที่สุด"

    แองกัสกาหัวแกรกๆ แล้วก็พูดว่า "เอาชีสหน่อยมั้ย"

    == tbc ==

    จากคุณ : Tigger - [16 มิ.ย. 45 16:05:21 A:203.147.11.69 X:]