ตามล่าหารัก Gretna Green by Julia Quinn บทที่ 11

    ผู้แปล> ้ิ*ไล่มดที่อยู่รอบๆ*  แล้วก็ เอ่อ..ตอนนี้ออกจะติดเรทสักเล็กน้อย อย่าว่ากันนะ^_^;

    ----
    บทที่ 11

    ริมฝีปากของเขาปัดแผ่วด้วยอาการนุ่มนวลราวกับขนนก หากเขาคว้าตัวเธอเข้ามาใกล้หรือบดริมฝีปากเข้ากับเธอ เธอคงจะถอยหนี แต่อาการลูบไล้เพียงบางเบานั้นตรึงเธอไว้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    มาร์กาเร็ตผละห่างออกมาเพื่อสบตาเขา นัยน์ตาดำสนิทคู่นั้นเผาผลาญไปด้วยความปรารถนาที่เธอไม่เคยคุ้น แต่เธอกลับรู้ดีว่าเขาต้องการอะไร

    "แองกัส" มาร์กาเร็ตกระซิบแผ่ว ยกมือขึ้นสัมผัสแก้มเขา ไรหนวดดำสนิทเริ่มผุดขึ้นมาตามผิวคางบ้างแล้ว มันช่างต่างจากน้องชายของเธอเหลือเกิน

    เขาวางมือทาบกับมือเธอ ดวงหน้าหันเบือนเข้าหา แล้วกดจุมพิตลงที่ฝ่ามือเธอ มาร์กาเร็ตสบตาเขาเหนือนิ้วมือเธอ ดวงตาคู่นั้นแน่วนิ่ง มันกำลังวอนขอ รอคำตอบจากเธอ

    "นี่มันอะไรกัน…" เธอพึมพำเสียงเบาหวิว "ฉันไม่เคย.. ไม่เคยคิดว่าฉันจะ…"

    "แต่ตอนนี้…" แองกัสกระซิบ "เธอต้องการฉัน"

    เธอพยักหน้า และรู้สึกตกใจในความจริงนั้น แต่เธอไม่สามารถโกหกเขาได้ อะไรบางอย่างในดวงตาของเขา ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าเขามองเห็นทะลุเข้าไปถึงภายในส่วนลึกที่สุดในหัวใจของเธอ ช่วงเวลาในยามนี้ช่างแสนประหลาด ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้น ไม่ใช่ที่นี่ ไม่ใช่เวลานี้

    มาร์กาเร็ตเลียริมฝีปากที่แห้งผาก "ฉันทำไม่ได้"

    แองกัสปัดปลายนิ้วเข้ากับริมฝีปากของเธอ "จริงหรือ.."

    ท่อนเสียงยั่วเย้าทำให้รอยยิ้มผุดพรายขึ้น เธอรู้สึกถึงอาการต่อต้านที่อ่อนละลายลง หญิงสาวโอนเอนเข้าหาความแข็งแกร่งของเขาโดยไม่รู้ตัว

    เธออยากจะโยนเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงทิ้งไปให้หมด ลืมเลือนว่าตัวเองเป็นใคร ลืมภาระหน้าที่ ศักดิ์ศรี และอยู่กับเขาที่นี่ เลิกเป็นมาร์กาเร็ต เพ็นนีแพ็กเกอร์ พี่สาว และผู้ปกครองโดยนิตินัยของ อลิเซีย และเอ็ดเวิร์ด เพ็นนีแพ็กเกอร์ ลูกสาวของเอ็ดมันด์ และแคทรีน เพ็นนีแพ็กเกอร์ เลิกเป็นสุภาพสตรีผู้อารีที่นำอาหารไปแจกคนยากจน หญิงสาวที่ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์อย่างเคร่งครัด และปลูกดอกไม้ในสวนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกครั้งเมื่อถึงยามฤดูใบไม้ผลิ

    นี่คือโอกาสที่เธอสามารถจะเลิกคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเป็นแค่..ผู้หญิงคนหนึ่ง

    ความคิดนั้นช่างยั่วยวนใจนัก

    แองกัสลูบนิ้วมือคลายรอยมุ่นที่หัวคิ้วของหญิงสาว "ทำไมเธอถึงดูกลัดกลุ้มอย่างนั้น" เขาเลื่อนกายเข้ามา แตะริมฝีปากบนหน้าผากนวลบางเบา "ฉันอยากจะจูบรอยย่นทั้งหลายนี่ ปัดเป่าความกลัดกลุ้มของเธอไปให้หมด"

    "แองกัส" มาร์กาเร็ตโพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สติสตังและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอจะหายไปเสียหมด "มีอะไรหลายอย่างที่ฉันอยากทำ หรือคิดว่าตัวเองอยากทำ แต่ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่เคยทำ แต่ฉันไม่สามารถ-- นี่คุณยิ้มทำไมน่ะ"

    "ฉันยิ้มเหรอ"

    เขารู้ดีว่าเขายิ้ม อีตาบ้า

    เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ "ก็แค่ ฉันไม่เคยเห็นใครทำหน้าตาได้น่าฟัดน่ากอดอย่างเธอมาก่อนเลย มาร์กาเร็ต เพ็นนีแพ็กเกอร์"

    มาร์กาเร็ตอ้าปากจะค้าน เพราะเธอไม่มั่นใจว่านั่นเป็นคำชมหรือไม่ แต่อีกฝ่ายยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากเธอเป็นเชิงห้ามไว้ก่อน

    "อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ" เขาพูด "เฉยๆไว้ ฟังฉันก่อน ..ฉันแค่จะจูบเท่านั้นเอง"

    หัวใจของเธอโลดขึ้น และหล่นวูบในเวลาเดียวกัน "แค่จูบเหรอ"

    "ระหว่างเรา มันไม่มีทางจะเป็นแค่ 'จูบ' หรอก"

    กระแสเสียงของเขาส่งอาการสั่นสะท้านไปทั่วร่างเธอ มาร์กาเร็ตเงยหน้าขึ้น รอรับรอยจุมพิต

    แองกัสสูดลมหายใจ จ้องมองเรียวปากนุ่มราวกับมันรวมความเย้ายวนของกิเลส และความสุขล้ำของสวรรค์ไว้ด้วยกัน เขาจูบเธออีกครั้ง และครั้งนี้ ไม่มีการยับยั้งชั่งใจอีกต่อไป ริมฝีปากของเขาครอบครองเธออย่างหิวกระหาย เต้นระริกด้วยความต้องการและแรงปรารถนา

    หญิงสาวผวาเยือก และเขารับลมหายใจของเธอด้วยริมฝีปาก

    เขารู้ว่าเขาต้องเดินหน้าอย่างช้าๆ และรู้ดีว่า ถึงแม้ร่างกายของเขาจะกรีดร้องด้วยความต้องการเพียงไหน แต่คืนนี้เขาไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจหยุดตัวเองไว้.. เขาลดร่างของเธอลงบนที่นอน โดยไม่แม้แต่จะถอนริมฝีปาก หวังเพียงจะได้รับรู้ถึงความสุขที่ได้รู้สึกถึงผิวกายนุ่มเนียนข้างใต้เขา

    เขาเพียงแต่จะจูบเธอเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้

    "โอ.. มาร์กาเร็ต" เขาคราง ริมฝีปากเลื่อนไปซุกไซ้ที่ลำคอขาว กระซิบไล้เสียงแผ่วไปตามผิวเนื้อจนหยุดนิ่งที่ซอกคอและเนินบ่า เขากดรอยจุมพิตตรงที่ผิวเนื้อขาวตัดกับสีดำของเสื้อโค้ตของเขา เขาไม่มีวันจะใส่เสื้อโค้ตตัวนี้โดยไม่นึกถึงว่ามันเคยสัมผัสเนื้อตัวของมาร์กาเร็ตอย่างแนบชิด ต่อให้กลิ่นอายของเธอจะเลือนหายไปแล้ว ความทรงจำในคืนนี้ก็คงจะทำให้เขานอนไม่หลับไปอีกหลายคืนอย่างแน่นอน

    นิ้วสั่นระริกของเขาปลดกระดุมเสื้อโค้ตออกจนแลเห็นเนินเนื้อใต้ลำคอที่บอกใบ้ถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องล่าง เขาแลเห็นเพียงแค่เงาจางๆที่ไหวน้อยๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ความรุ่มร้อนฉีดพล่านไปตามสายเลือด ลมหายใจแตกพร่าด้วยแรงอารมณ์

    กระดุมอีกสองเม็ดหลุดเลื่อนจากรังดุม แองกัสกดจุมพิตไล่เรื่อยไปตามผิวเนื้อที่เปิดเผยตัวออกมาทุกตารางนิ้ว กระซิบพร่าไปตลอดทาง "แค่จูบเท่านั้น"

    "แค่จูบ" มาร์กาเร็ตร้องประสาน เสียงของเธอเบาหวิว สั่นสะท้าน

    "แค่จูบเท่านั้น" เขาพึมพำเห็นด้วย และประทับริมฝีปากบนร่างกายเธอ

    เธอคราง.. แต่ในชั่วขณะนั้น อะไรบางอย่างเตือนเธอว่า เธอกำลังทำสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน

    เธอเพิ่งจะรู้จักผู้ชายคนนี้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง และเธอกลับ…..

    "นี่ฉันทำอะไร…" มาร์กาเร็ตหลับตา ครวญกระซิบกับตนเอง

    แองกัสขยับขึ้นมาแตะริมฝีปากกับหน้าผากเธอเบาๆ "อย่าเสียใจ มาร์กาเร็ตแสนหวานของฉัน ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอะไร อย่าให้ความเสียใจสอดแทรกเข้ามา"

    รอยแย้มยิ้มจางๆแต้มบนเรียวปากเธอ

    "สวยเหลือเกิน.." เขาประทับริมฝีปากกับเนินเนื้อขาวเนียน แล้วมาร์กาเร็ตก็หลงลืมตน

    แองกัสสูดลมหายใจเยือก เขาเงยหน้าขึ้น แล้วจับสาบเสื้อโค้ตทบเข้าหากันช้าๆ

    มือใหญ่ยังกุมอยู่กับชายทบอยู่หนึ่งนาทีเต็มๆ ลมหายใจของเขาสั้นกระชั้นขณะนัยน์ตาจับจ้องนิ่งไปยังความว่างเปล่าของผนังห้องเบื้องหน้า ดวงหน้าคมสันกระด้างจัด และจากสายตาอันอ่อนโลกของเธอ มันดูราวกับว่าเขากำลังอยู่ในความเจ็บปวดสุดแสน

    "แองกัส?" มาร์กาเร็ตพูดอย่างลังเล เธอไม่มั่นใจว่าเธอจะถามอะไรเขา จึงมีแต่ชื่อของเขาที่หลุดปากออกมา

    "เดี๋ยวก่อน" น้ำเสียงของเขาห้วนกระด้าง แต่มาร์กาเร็ตรู้ดีว่ามันไม่ได้มาจากความโกรธ เธอรอจนกระทั่งเขาหันศีรษะกลับมาสบตาเธอ แล้วบอกว่า "ฉันต้องไปจากห้องนี้"

    ริมฝีปากของเธอเผยอออกอย่างงุนงง "คุณต้องไปเหรอ?"

    เขาผงกศีรษะแข็งๆ แล้วถอยห่างจากตัวเธอ เขาก้าวสวบๆสองสามทีก็ถึงประตู มือของเขาคว้าที่จับประตู และเธอเห็นกล้ามเนื้อบนลำแขนของเขากระตุก

    แต่ก่อนที่เขาจะดึงประตูเปิดออก เขาก็หันกลับมา และทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง….

    แต่คำพูดนั้นชะงักค้างอยู่ที่ริมฝีปากของเขา…

    มาร์กาเร็ตก้มมองตามสายตาของเขามาที่ตัวเอง

    พระเจ้าช่วย! สาบเสื้อโค้ตเลื่อนแยกออกจากกันเมื่อเขาปล่อยมือ หญิงสาวคว้ามันพรึ่บ นึกดีใจที่แสงในห้องซ่อนสีหน้าแดงซ่านของตัวเองได้

    "ล็อคประตูห้องด้วย" เขาสั่ง

    "แน่นอนค่ะ" เธอรีบลุกขึ้น "เอ้า นี่คุณล็อค แล้วเอากุญแจไปเลย" เธอคว้าลูกกุญแจที่โต๊ะ แล้วยื่นส่งให้ด้วยมือซ้าย มือขวากำคอเสื้อโค้ตเข้ากับตัวแน่น

    เขาสั่นศีรษะ "เก็บมันไว้เถอะ"

    มาร์กาเร็ตขยับเข้าไปหาเขา "เก็บไว้…. คุณจะบ้าเหรอ แล้วคุณจะเข้าห้องได้ยังไงล่ะ"

    "เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันจะไม่เข้าห้อง"

    ปากของมาร์กาเร็ตอ้าและหุบอยู่หลายครั้ง ก่อนจะพูดว่า "แล้วคุณจะนอนที่ไหนล่ะ"

    เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ความร้อนรุ่มจากเนื้อตัวแทบสัมผัสได้ "ปัญหาก็คือ ฉันคงนอนไม่หลับ"

    "เอ้อ.. ฉัน…" เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รับรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอก็ไม่ได้เจนโลกขนาดที่จะโต้ตอบอะไรต่อไปได้ "ฉัน….."

    "นี่ฝนทำท่าจะตกอีกแล้วใช่มั้ยนี่" เขาพูดเสียงเข้ม

    มาร์กาเร็ตกระพริบตาปริบๆกับหัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน เธอเงี่ยหูฟังเสียงฝนที่หยดกระทบหลังคาดังเปาะแปะ "ฉัน… เอ่อ สงสัยจะใช่ค่ะ"

    "ดีแล้ว ขอให้หนาวเข้ากระดูกเถอะ"

    ว่าแล้วก็เดินโครมๆออกนอกห้องไป

    หลังจากนิ่งชะงักเหมือนเป็นอัมพาตไปหลายวินาที มาร์กาเร็ตก็วิ่งตื๋อไปที่ประตู ชะโงกศีรษะออกไปทันแลเห็นร่างใหญ่ของแองกัสเดินไหวๆลับมุมทางเดินไปพอดี หญิงสาวยืนเกาะประตูอยู่สิบวินาทีเต็มๆ ตัวค้างอยู่ที่ธรณีประตูอย่างไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่า ทำไมจึงได้ตะลึงงันขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะเขาจากไปอย่างกระทันหัน หรือเป็นเพราะเธอยอมให้เขาถือสิทธิให้สิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะให้ใครนอกจากคนที่จะมาเป็นสามี

    จะว่ากันตามจริงแล้ว เธอไม่เคยคิดถึงเจ้าสิทธินั่นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

    หรือว่า… มาร์กาเร็ตครุ่นคิด …สิ่งที่ทำให้เธอตกตะลึงถึงเพียงนี้ก็คือ การที่เธอนอนอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเขาก็เดินพรวดพราดไปที่ประตู และเขาก็ดูน่า… หลงใหล จนเธอมองตามอย่างลืมตัว และสาบเสื้อเปิดอ้าให้ใครมองเห็นทั้งโลก

    อย่างน้อยก็ให้แองกัสมองเห็น และสายตาที่เขาใช้มองเธอ….

    มาร์กาเร็ตสั่นศีรษะเรียกสติตัวเองกลับมา แล้วปิดประตูลง หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอก็ไขกุญแจล็อคลง ไม่ใช่ว่าเธอกังวลว่าแองกัสจะกลับมา เขาอาจจะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่คงที่นัก แต่เธอเชื่อว่าเขาไม่มีวันจะลงไม้ลงมือ หรือหากำไรเอากับเธอ

    เธอไม่รู้ว่าตัวเองรู้ได้อย่างไร แต่เธอก็รู้…

    แต่ใครจะไปไว้ใจพวกหัวขโมยหรือพวกไร้หัวคิดที่อาจจะเดินเพ่นพ่านอยู่ในโรงแรมริมทาง โดยเฉพาะที่เกรทน่ากรีนนี่ ซึ่งเธอก็เห็นอยู่ดาดดื่น เพราะใครๆก็พากันหนีตามกันมาที่นี่

    มาร์กาเร็ตถอนหายใจแล้วเคาะเท้าเบาๆ จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี

    แต่แล้วท้องของเธอก็ร้องโครก แล้วตอนนั้นเองที่เธอนึกถึงครานากันที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ

    ทำไมจะไม่ล่ะ ท่าทางดูน่าอร่อยจะตายไป

    หญิงสาวนั่งลง แล้วเริ่มรับประทาน

    -- มีต่อ --

    จากคุณ : Tigger - [20 มิ.ย. 45 07:11:35 A:203.147.22.6 X:]