จิตใจของแองกัสกำลังร่าเริง สมองของเขากำลังนึกถึงอาหารเช้าแบบสก็อตที่จะเลือกไปเป็นของกำนัลให้สาวน้อยของเขา ต้องมีซุปข้าวต้มหนึ่งล่ะ สโคนแบบสก็อตก็ต้องเอาไปด้วย แต่เขาก็อยากจะให้เธอลองปลารมควันอันมีชื่อเสียงของประเทศเขาด้วยนี่นา
จอร์จบอกเขาว่าเขาพอจะหาซื้อปลาสดๆได้จากพ่อค้าร้านขายปลาฝั่งตรงข้าม แองกัสขอบอกขอบใจเจ้าของโรงแรมแล้วเปิดประตู ก้าวเท้าออกจากโรงแรมไปได้แค่ครึ่งก้าว
เท้าเขายังไม่สัมผัสพื้นถนนด้วยซ้ำเมื่อเขาเห็นมัน รถม้าของเขา จอดนิ่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยมีม้าที่ดีที่สุดของเขาสองตัวเทียมอยู่
ซึ่งทั้งหมดนี้หมายความได้ประการเดียว
"แอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!"
น้องสาวของเขาผงกศีรษะขึ้นมาจากมุมรถม้าโดยอัตโนมัติ ริมฝีปากอ้ากว้างอย่างตระหนก แล้วเขาก็เห็นมันพึมพำเป็นชื่อของเขา
"แอนน์ กรีน!" เขาคำราม "หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!"
สาวน้อยชะงักตัวแข็งกึก เขาวิ่งโผนข้ามถนนไปทันที
"แองกัส กรีน!" เสียงตะโกนลั่นดังตามมาข้างหลัง "หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!"
เขาชะงักกึก
มาร์กาเร็ต?
แอนน์เขยิบออกมาจากมุมรถม้าเล็กน้อย อาการตื่นกลัวในแววตาเธอเริ่มแทนที่ด้วยความสงสัยใคร่รู้
แองกัสหันไปมอง มาร์กาเร็ตกำลังจ้ำโครมๆมาทางเขาด้วยท่าทีนิ่มนวลและเป็นสุภาพสตรีราวกับวัวบ้า เธอยังเป็นเหมือนเดิม มุ่งมั่นกับเป้าหมายเพียงอย่างเดียว โชคไม่ดีที่ว่า เป้าหมายที่ว่านั่นเป็นเขา
"แองกัส" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเอาการเอางานอย่างที่ทำให้เขาคิดว่าเธอรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ "คุณทำอะไรรุนแรงไม่ได้นะ"
"ฉันไมได้จะทำอะไรรุนแรงสักหน่อย" เขาพูดด้วยความอดทน "ฉันแค่จะบีบคอน้องสาวฉันเท่านั้น"
แอนน์ผวา
"เขาพูดเล่นน่ะ" มาร์กาเร็ตรีบแก้ตัวให้ "เขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ"
"คุณเป็นใครคะ" แอนน์ถาม
"ฉันเปล่าพูดเล่น!" แองกัสโวยวาย เขาชี้นิ้วไปที่น้องสาวของตน "เธอ หาเรื่องใส่ตัวเองนะคราวนี้!"
"เธอแค่กำลังโตเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นเอง" มาร์กาเร็ตพูด "จำที่คุณบอกฉันเมื่อคืนได้มั้ยคะ เรื่องเอ็ดเวิร์ดน่ะ"
แอนน์หันไปหาพี่ชาย "เธอเป็นใครคะ"
"เอ็ดเวิร์ดหนีออกจากบ้านไปเป็นทหาร" แองกัสฮึ่มฮั่ม "ไม่ใช่ฝันเฟื่องไปลอนดอน"
"อ๋อ งั้นแสดงว่าลอนดอนนี่อันตรายยิ่งกว่าเข้าร่วมกองทัพอีกงั้นสิ" มาร์กาเร็ตขบฟัน "อย่างน้อยเธอก็ไม่มีโอกาสต้องถูกยิงเป็นรูหรือแขนหักขาขาดกลับมาจากสงคราม อีกอย่าง การไปงานเลี้ยงเปิดตัวที่ลอนดอนไม่ใช่ฝันเฟื่องสักหน่อย มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงอายุขนาดเธอนะ"
หน้าของแอนน์แช่มชื่นขึ้นทันตาเห็น
"ก็ดูเธอสิ!" แองกัสประท้วง โบกไม้โบกมือไปทางน้องสาวของเขาขณะตายังจับจ้องที่มาร์กาเร็ต "ดูสิว่าแอนน์น่ะสวยขนาดไหน พวกเสือผู้หญิงจอมเจ้าชู้ทั้งหลายต้องตามเธอเป็นพรวนแน่ ฉันมีหวังต้องคอยเอาไม้ตะพดไล่ฟาดพวกนั้นตายพอดี"
มาร์กาเร็ตหันไปมองน้องสาวของแองกัส แอนน์นับว่าเป็นคนหน้าตาน่ารักทีเดียว เรือนผมสีดำกับดวงตาดำสนิทเช่นเดียวกับพี่ชาย แต่ไม่มีทางที่ใครจะเรียกเธอว่าเป็นสาวสวยในวงสังคมได้อย่างเด็ดขาด ยกเว้น แองกัส
ใจของมาร์กาเร็ตอ่อนยวบ เธอไม่ได้คิดเลยว่าแองกัสรักน้องสาวของเขาขนาดไหน เธอวางมือลงบนท่อนแขนของเขา "บางทีนี่อาจจะถึงเวลาปล่อยให้เธอโตขึ้นได้แล้วนะคะ" หญิงสาวพูดเบาๆ "คุณบอกว่าคุณมีญาติผู้ใหญ่อยู่ที่ลอนดอนไม่ใช่หรือ เธอไม่ได้ตัวคนเดียวหรอกค่ะ"
"ป้าเกอร์ทรูดเขียนจดหมายมาบอกแล้วว่าให้ฉันไปอยู่กับท่านได้" แอนน์พูด "ท่านบอกว่าท่านอยากให้มีคนไปอยู่เป็นเพื่อนมานานแล้ว ฉันคิดว่าท่านคงเหงา"
คางของแองกัสเชิดรั้นราวกับวัวดื้อ "อย่ามาอ้างป้าเกอร์ทรูดหน่อยเลย ตัวเองจะไปลอนดอนก็เพราะตัวเองอยากไปเองตากหาก ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงป้าเกอร์ทรูดอะไรหรอก"
"ก็ใช่ ฉันอยากจะไปลอนดอน ฉันไม่เคยบอกว่าฉันไม่อยากไปนี่ ฉันแค่อยากจะบอกว่า การไปลอนดอนของฉันมันมีประโยชน์สำหรับคนอื่นด้วย ก็แค่นั้นเอง"
แองกัสตีหน้ายักษ์ใส่เธอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ข:-)ทึงใส่ มาร์กาเร็ตกลั้นหายใจเมื่อเห็นความละม้ายคล้ายคลึงเป็นที่สุดในตัวสองพี่น้องในยามนี้ เธอรีบเดินเข้าไปขวาง แล้วเงยหน้าขึ้น (แอนน์สูงกว่าเธอประมาณหกนิ้ว และแองกัสค้ำหัวเธอไปเกินฟุต) "เธอเป็นคนที่มีจิตใจดีมากนะจ๊ะ แอนน์ แองกัส คุณไม่คิดเหรอว่าแอนน์พูดมาก็มีเหตุผลนะ"
"เธออยู่ข้างไหนกันแน่" แองกัสฮึ่มฮั่ม
"ฉันไม่ได้อยู่ข้างใครทั้งนั้น ฉันแค่พยายามจะทำตัวมีเหตุผลเท่านั้นเอง" มาร์กาเร็ตดึงแขนเขาไปข้างๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำเบา "แองกัส เหตุการณ์นี้น่ะมันเหมือนกับที่คุณพยายามจะอธิบายให้ฉันฟังเมื่อคืนนี้เปี๊ยบเลยนะ"
"ไม่เห็นจะเหมือนกันตรงไหนเลย"
"ทำไมจะไม่ล่ะ"
"น้องของเธอเป็นผู้ชาย แต่น้องฉันเป็นผู้หญิงนะ"
มาร์กาเร็ตจ้องเขาตาคมกริบ "นั่นหมายความว่ายังไงไม่ทราบ ฉันก็เป็นแค่ 'ผู้หญิง' เหมือนกันใช่มั้ย"
"ก็ใช่ เธอน่ะ.. เธอน่ะ.." เขาพยายามไขว่คว้าหาคำตอบจากอากาศ หน้าตาของเขาเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความคิดอย่างหนัก "ก็เธอคือ มาร์กาเร็ต นี่"
"ทำไมนะ" หญิงสาวลากเสียง "ฉันถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูกอย่างนั้น"
"มันไม่ใช่การดูถูกสักหน่อย" เขาแย้ง "ฉันแค่ชมเชยความฉลาดเฉลียวของเธอ เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนๆ เธอน่ะ.. เธอน่ะ
"
"งั้นแสดงว่าคุณดูถูกน้องสาวตัวเองงั้นสิ"
"ใช่" แอนน์ส่งเสียงโพล่งขึ้น "พี่ดูถูกฉัน"
แองกัสหมุนตัวขวับ "อย่าแอบฟังสิ"
"โอ๊ย..ขอทีเหอะ" แอนน์ทำหน้านิ่ว "พี่น่ะพูดเสียงดังจนไปถึงกลาสโกว์แล้ว"
"แองกัส" มาร์กาเร็ตยกมือขึ้นกอดอก "คุณคิดว่าน้องสาวของคุณเป็นคนฉลาดมั้ย"
"ฉันคิดอย่างนั้นน่ะสิ จนกระทั่งแม่คุณหนีออกจากบ้านนี่แหละ"
"ถ้าอย่างนั้นกรุณาให้ความเชื่อใจและนับถือในตัวเธอบ้าง เธอไม่ได้หลับหูหลับตาหนีออกจากบ้านนะ เธอติกต่อป้าของคุณเพื่อหาที่อยู่และผู้ปกครองดูแลขณะที่เธออยู่ในลอนดอนเรียบร้อยแล้ว"
"เธอเลือกสามีเองได้ที่ไหนล่ะ" เขาบ่นพึม
มาร์กาเร็ตหรี่ตา "อ้อ แสดงว่าคุณเลือกเองจะดีกว่างั้นสินะ"
"ฉันไม่มีทางให้เธอแต่งงานโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากฉันแน่"
"งั้นก็ไปกับเธอสิ" มาร์กาเร็ตคะยั้นคะยอ
แองกัสถอนหายใจยาว "ฉันไปไม่ได้ ไปตอนนี้ไม่ได้ ฉันบอกเธอแล้วว่ารอไว้ปีหน้าก่อน ฉันทิ้งงานซ่อมแซมที่ค้างอยู่ที่บ้านของเราไม่ได้ แล้วยังมีระบบชลประทานแบบใหม่ที่เพิ่งลง
."
แอนน์มองมาร์กาเร็ตอย่างขอร้อง "ฉันไม่อยากรอจนถึงปีหน้านะคะ"
มาร์กาเร็ตมองสองพี่น้องตระกูลกรีน พยายามหาทางออกให้ เป็นเรื่องน่าแปลกที่เธอจำเพาะเจาะจงต้องมาอยู่ท่ามกลางเรื่องทะเลาะของครอบครัวที่เธอไม่เคยรู้จักมักจี่มาก่อนจนกระทั่งเช้านี้ด้วยซ้ำ
แต่มันกลับดูเป็นเรื่องที่เป็นธรรมชาติสำหรับเธอเสียเหลือเกิน หญิงสาวหันไปทางแองกัสด้วยสายตานิ่งมั่นแล้วพูดว่า "ฉันขอเสนอทางออกได้มั้ยคะ"
เขายังไม่ละสายตาจากน้องสาวของเขาเมื่อพูดว่า "เอาเลย"
มาร์กาเร็ตกระแอม แต่เขาไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ เธอจึงตัดสินใจพูด "ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เธอไปลอนดอนตอนนี้เลย แล้วคุณค่อยตามไปหาเธอในอีกเดือนสองเดือนข้างหน้าล่ะค่ะ วิธีนี้ เธอจะอาจจะพบคนที่เธอถูกใจ แล้วคุณก็มีโอกาสจะได้เจอหน้าชายหนุ่มคนนั้นก่อนที่เรื่องบานปลายกันไป แล้วคุณก็มีเวลากลับไปดูงานที่บ้านให้เสร็จด้วย"
แองกัสนิ่วหน้า
มาร์กาเร็ตพูดต่อว่า "ฉันรู้ว่าแอนน์ไม่มีทางที่จะแต่งงานโดยที่คุณยังไม่รับรู้แน่" เธอหันไปหาแอนน์ด้วยสายตาเร่งร้อน "ใช่มั้ย แอนน์"
แอนน์ใช้เวลาคิดคำตอบนานจนมาร์กาเร็ตต้องกระทุ้งเจ้าหลอ่นแล้วถามซ้ำ "ใช่มั้ย แอนน์"
"แน่นอนค่ะ" แอนน์คลำสีข้างเสียงอ่อยๆ
มาร์กาเร์ตยิ้มแป้น "เห็นมั้ยคะ เป็นทางออกที่สวยงามขนาดไหน ว่าไงคะ แองกัส แอนน์"
แองกัสเอามือนวดหัวคิ้วตัวเอง แล้วเลื่อนไปที่ขมับราวกับว่าจะทำให้ความกดดันของเขาหายไปได้ วันนี้เริ่มต้นด้วยความสมบูรณ์แบบออกขนาดนั้น นั่งมองมาร์กาเร็ตหลับไหล ข้าวเช้าก็รออยู่ และเขาก็เคยมั่นใจว่าจะลากตัวน้องสาวกลับไปบ้านกับเขาได้
แล้วตอนนี้มาร์กาเร็ตกับแอนน์กลับมาตั้งป้อมเอากับเขา พยายามจะทำให้เขาเชื่อว่า พวกหล่อน
ไม่ใช่เขา.. รู้ดีที่สุด รวมพลังกันสองคนแล้ว แองกัสรู้สึกเหมือนจะสู้ไม่ได้
เขารู้สึกว่าดวงหน้าของเขาอ่อนโยนลง และความตั้งใจของเขาเริ่มหลอมเหลว และเขารู้ว่าพวกผู้หญิงรู้สึกถึงชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม
"ถ้ามันจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น" มาร์กาเร็ตอาสา "ฉันจะเดินทางไปกับแอนน์ด้วยก็ได้ ฉันคงตามไปไม่ถึงลอนดอน แต่อย่างนั้นก็ส่งเธอถึงแลงคาสเชียร์"
"ไม่ได้!"
มาร์กาเร็ตงุนงงกับความหนักแน่นของคำปฎิเสธของเขา "อะไรนะคะ"
แองกัสท้าวเอวพลางจ้องเขม็งลงมาที่หญิงสาว "เธอจะไม่ไปแลงคาสเชียร์"
"ฉันจะไม่ไปงั้นเหรอ?"
"เธอจะไม่ไป?" แอนน์ถามเป็นลูกคู่ แล้วหันไปหามาร์กาเร็ตพลางถาม "ขอโทษนะคะ คุณชื่ออะไรคะ"
"มิสเพ็นนีแพ็กเกอร์ แต่ฉันคิดว่าเราน่าจะเรียกชื่อต้นกันได้แล้ว ฉัน มาร์กาเร็ตจ้ะ"
แอนน์พยักหน้า "ฉันจะรู้สึกยินดีมากค่ะถ้าคุณจะร่วมเดินทางไปด้วย.."
"เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" แองกัสยืนยัน
ดวงตาสองคู่หันมาหาเขาขวับ
แองกัสรู้สึกปั่นป่วนในท้อง
"แล้ว.." มาร์กาเร็ตพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร "คุณคิดว่าฉันจะทำอะไรไม่ทราบ"
แองกัสไม่รู้ว่าคำพูดนั้นมาจากไหน ไม่รู้ว่าความคิดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขาจ้องมองมาร์กาเร็ต แล้วเขาก็หวนระลึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันขึ้นมาทันที เขารู้สึกถึงรอยจุมพิต และเสียงหัวเราะของเธอ เขาเห็นรอยยิ้ม และจิตใจอันอ่อนหวาน เธออาจจะเจ้รากี้เจ้ราการและดื้อเกินไป เตี้ยเกินไปสำหรับผู้ชายรูปร่างขนาดเขา แต่อะไรบางอย่างในหัวใจของเขามองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปจนหมด เพราะเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉลาดเฉลียวสีเขียวอันงดงามนั้นแล้ว สิ่งที่เขาโพล่งออกมาได้มีเพียงแค่
"แต่งงานกับฉัน"
-- มีต่อ --
จากคุณ :
Tigger - [26 มิ.ย. 45 09:30:59 A:203.170.223.175 X:]