เทวรูปงาช้าง
บทที่ ๑
อัลลันสอนยิงปืน
ตอนนี้ข้าพเจ้า อัลลัน ควอเตอร์เมน จะมาเล่าเรื่องซึ่งบางทีอาจจะเป็นเรื่องผจญภัยแปลกประหลาดที่สุดที่บังเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าผู้ซึ่งตลอดชีวิตแทบจะเรียกได้ว่าห่างไกลจากเรื่องซึมเซาหรือน่าเบื่อหน่าย
ท่ามกลางเรื่องราวอันหลากหลายนี้เป็นการบอกเล่าถึงสงครามกับพวกเคนด้าห์ดำ และการตายของจานาช้างที่เป็นเทพเจ้าของพวกเขา บ่อยครั้งจนถึงเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่เสมอว่าเจ้าสัตว์ร้ายนี้มันเป็นเพียงแค่สัตว์ยักษ์ในป่าแค่นั้นหรือ มันไม่น่าจะเป็นไปได้หรือแม้แต่จะเป็นไปได้ แต่ท่านผู้ที่มาอ่านเรื่องนี้ในกาลข้างหน้าอาจจะตัดสินเรื่องนี้ได้เอง
อีกทั้งท่านอาจจะมีความเห็นเกี่ยวกับความเชื่อถือของพวกเคนด้าห์ขาวและการกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีมนต์วิเศษ และเรื่องมนต์วิเศษพวกนี้ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงเพียงครั้งเดียว แม้ว่ามันจะคงอยู่มาโดยตลอด เป็นเรื่องที่ไม่มีการผิดพลาด ขอยกตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง ฮารุต และ มารุต เชื่อมั่นในคำทำนายที่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถสังหารจานาลงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงเชิญข้าพเจ้ามาสู่ดินแดนของพวกเคนด้าห์ แม้ว่าในที่สุดจะเป็นฮานส์ที่เป็นผู้สังหารมัน เจ้าสัตว์ร้ายจานาเกือบจะสังหารข้าพเจ้าอยู่แล้ว
ตอนนี้เข้าเรื่องกันเสียที
จากเรื่อง "บุปผาศักดิ์สิทธิ์" ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วว่าเพราะเหตุใดข้าพเจ้าจึงเดินทางไปประเทศอังกฤษพร้อมกับสุภาพบุรุษหนุ่มที่ชื่อว่า สครูป ส่วนหนึ่งเพื่อที่จะดูแลเขาให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากเกิดอุบัติเหตุจากการล่าสัตว์ และอีกส่วนหนึ่งเพื่อพยายามหาประโยชน์จากกล้วยไม้มหัศจรรย์เพื่อสหายของข้าพเจ้าคุณพี่จอห์นตามที่พวกคนขาวเรียก หรือด็อกกีตาห์ตามการเรียกของพวกพื้นเมือง ผู้ซึ่งกล่าวกันโดยทั่วไปว่าเขาเป็นคนบ้า ซึ่งที่จริงแล้วเขาเป็นคนฉลาดอย่างยิ่ง เขาฉลาดมากที่พยายามติดตามค้นหาเรื่องที่ดูเหมือนกับว่าจะสิ้นหวังแล้วอย่างแท้จริงมานานกว่ายี่สิบปี จนกระทั่งด้วยความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยของข้าพเจ้านำเขาไปสู่ความสำเร็จ และเรื่องทั้งหมดนี้ก็เล่าไว้แล้วในตอน "บุปผาศักดิ์สิทธิ์" ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงแต่เพียงเล็กน้อยในที่นี้ เพื่อที่จะอธิบายว่าข้าพเจ้ามาอยู่ในประเทศอังกฤษได้อย่างไร
ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ประเทศอังกฤษข้าพเจ้าพักอยู่ไม่กี่วันกับคุณสครูป หรือน่าจะเป็นคู่หมั้นของเขากับญาติพี่น้องของเธอยังบ้านอันงดงามในเมืองเอซเซ็ก ระหว่างที่ข้าพเจ้าพักอยู่ที่นั่นพวกเขาพาข้าพเจ้าไปชมสถานที่สวยงามมาก เป็นปราสาทเก่าแก่โอฬารมีป้อมประตูก่อด้วยอิฐที่ได้รับการปฏิสังขรณ์เป็นอย่างดีจนเป็นที่พำนักอาศัยอันทันสมัยงดงาม มีชื่อเรียกว่า "แรกนอล" อันเป็นที่พำนักของท่านบารอนเจ้าของชื่อนั้น
ข้าพเจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงอันใหญ่โตของท่านลอร์ดแรกนอล ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่วเหมือนกับคไรช์ตันผู้มีชื่อเสียง กล่าวกันว่าท่านรูปหล่ออย่างที่สุด มีการศึกษาดีเยี่ยม-ท่านได้รับเกียรติ์นิยมสองสาขาจากวิทยาลัย เป็นยอดนักกีฬาด้วย-เคยเป็นกัปตันเรือแข่งของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด เป็นนักพูดที่ได้รับการยอมรับในสภาขุนนาง นักกีฬาล่าสัตว์ที่เคยยิงเสือและสัตว์ใหญ่ในอินเดีย เป็นกวีที่มีผลงานดียิ่งได้รับการตีพิมพ์โดยใช้นามแฝง เป็นทหารที่ดีจนลาออกจากราชการ และท้ายที่สุดเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอย่างเหลือล้น เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติมากมาย เหมืองถ่านหินหลายแห่งและเมืองทั้งเมืองทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ
"ให้จ้าวหักคอเถอะ !" ข้าพเจ้าอุทานเมื่อจบรายการเกียรติคุณอันยาวเหยียดของท่านลอร์ดผู้มีชื่อเสียง "ดูเหมือนว่าท่านจะเกิดมาพร้อมกับมีช้อนทองเต็มกล่องอยู่เต็มปาก ผมหวังว่าคงไม่มีสักอันหลุดลงไปติดคอท่าน" ขอเพิ่มอีกหน่อย "บางทีท่านอาจจะไม่มีโชคในความรัก"
"แต่ท่านเป็นผู้มีโชคดีหมดทุกเรื่อง" เสียงตอบจากสุภาพสตรีสาวที่ข้าพเจ้าสนทนาอยู่ด้วย-เธอคือคู่หมั้นของคุณสครูป นางสาวแมนเนอร์-"เพราะท่านมีคู่ครองที่ฉันขอบอกว่า น่ารักที่สุด อ่อนหวานที่สุด และเฉลียวฉลาดที่สุดในประเทศอังกฤษ และทั้งคู่รักใคร่ชื่นชมกันอย่างที่สุด"
"ให้จ้าวหักคอเถอะ !" ข้าพเจ้าอุทานอีกหน "ผมสงสัยจังว่าจะมีโชคเคราะห์อะไรรออยู่ระหว่างลอร์ดแรกนอลกับสุภาพสตรีน่ารักสมบูรณ์แบบคนนั้น ?"
และข้าพเจ้าก็โชคร้ายที่ได้รู้ในวันหนึ่ง
และเรื่องมันก็ดำเนินต่อเมื่อในเช้าวันต่อมา มีคนถามข้าพเจ้าว่าอยากไปชมความอัศจรรย์ของปราสาทแรกนอลไหม ข้าพเจ้าตอบว่า "ไปแน่นอน" ที่จริงแล้วข้าพเจ้าอยากที่จะไปเห็นตัวท่านลอร์ดแรกนอลเองเลยถ้าเป็นไปได้ เพราะความสมบูรณ์เพียบพร้อมไปทุกอย่างของท่านประทับใจชาวอาณานิคมจน ๆ เช่นข้าพเจ้าผู้ที่ไม่เคยมีโอกาสทอดสายตามองคนผู้ดีพร้อมมาก่อนเลย คนชั่วร้ายข้าพเจ้าพบเห็นมาเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนที่ดีพร้อมเลยสักคนเดียว-อย่างน้อยก็ที่เป็นผู้ชาย อีกทั้งอาจจะเป็นไปได้ว่าข้าพเจ้าอาจจะมีโอกาสได้เห็นสุภาพสตรีที่งามพร้อมซึ่งเป็นคู่ครองของเขาสักแวบหนึ่ง ชื่อของเธอข้าพเจ้าเข้าใจว่าชื่อฮอน คุณโฮลมส์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงกล่าวว่าไม่มีอะไรที่ข้าพเจ้าจะชื่นชอบยิ่งไปกว่าการได้ไปชมปราสาทหลังนี้
ที่นั่นเราจึงนั่งรถม้าผ่านไปท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็นเพราะว่าเป็นเดือนธันวาคม เมื่อเราไปถึงคุณสครูปบอกพวกเราว่าท่านลอร์ดแรกนอลที่เขารู้จักเป็นอย่างดีออกไปยิงปืนอยู่ในสวน แต่ว่าเขาสามารถพาเพื่อนเข้าเยี่ยมชมสถานที่ได้ ดังนั้นเราสามคนจึงพากันเข้าไปเพราะว่าคุณแมนเนอร์ผู้ซึ่งคุณสครูปจะแต่งงานด้วยในไม่ช้าเป็นผู้พาพวกเรามาด้วยรถม้าของเธอ คนรับใช้ตรงทางเข้าพาพวกเราไปยังประตูใหญ่ของปราสาทและส่งต่อพวกเรากับชายผู้หนึ่ง เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อเซาเวจ มีเสียงกระซิบบอกข้าพเจ้าว่าเขาเป็นผู้รับใช้ส่วนตัวของท่านลอร์ด
ข้าพเจ้าจำชื่อเขาได้เพราะดูเหมือนว่าข้าพเจ้าไม่เคยพบใครที่ดูท่าทางดุดันมากเท่านี้ ที่จริงแล้วท่าทางของเขาเหมือนกับท่านดยุ๊กปลอมตัวมาตามที่ข้าพเจ้าจินตนาการเอาเองเพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นท่านดยุ๊กตัวจริงมาก่อนเลย เขาแต่งกายด้วยเสื้อโคทสีดำปล่อยชายไม่มีตำหนิ ท่าทางของเขานุ่มนวลเรียบร้อย สุภาพจนเหมือนกับจะเป็นการถากถางแต่เต็มไปด้วยร่องรอยของการวางท่าภาคภูมิอยู่ในที เขาเป็นคนหน้าตาดี จมูกสวยนัยน์ตาเหมือนเหยี่ยว ศีรษะเริ่มมีร่องรอยว่าจะล้าน อายุของเขาน่าจะอยู่ระหว่างสามสิบห้าถึงสี่สิบปี และจากท่าทีที่เขาบังคับเอาหมวกและไม้เท้าที่ข้าพเจ้าอยากจะถือเอาไปด้วยแสดงถึงอะไรบางอย่าง ข้าพเจ้ารู้สึกกับตัวเองว่าบางทีน่าจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นพวกที่จิตใจไม่ปกติอาจจะทำลายรูปภาพหรือศิลปวัตถุด้วยไม้เท้า และไม่เห็นหนทางที่จะบอกข้าพเจ้ายอมมอบให้แต่โดยดีโดยที่ไม่แสดงข้อสงสัยของเขา เขาจึงยึดเอาไปเสียพร้อมทั้งหมวกด้วย
ต่อมาภายหลังคุณแซมมวล เซาเวจ แจ้งให้ทราบว่าข้าพเจ้าเดาถูกในข้อสันนิษฐานนี้ เขากล่าวว่าเขาคิดว่าโดยพิจารณาจากการแต่งกายที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ข้าพเจ้าคงจะเป็นคนที่มีอันตรายพวกหนึ่งตามที่เขาอ่านมาจากหนังสือ พวกที่เรียกกันว่า "ฮานาคิซท" พวกชอบก่อความวุ่นวาย ข้าพเจ้าเขียนตามที่เขาออกเสียงเลยทำให้มันเป็นคำประหลาด ชายคนนี้ไร้ที่ติเป็นคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีในระดับหนึ่ง แต่ข้อผิดที่ทำให้ทุกอย่างเสียหาย เขาออกเสียงตัว "เอช" ไม่แน่นอน สามส่วนออกเสียงได้ถูกต้อง แต่ส่วนที่สี่ขอบอกว่าเป็นที่เห็นได้อย่างเด่นชัดว่าคำที่ต้องมีกลับหายไปและคำที่ไม่มีกลับมีขึ้นมา เขาบรรยายไปร้อยแปดถึงประวัติความเป็นมาในภาพของท่านลอร์ดแรกนอลจนแทบจะทำให้บันทึกประวัติศาสตร์ของกิบบอนที่มีชื่อเสียงเสียหายไปหมด เสียงตัว "เอช" ที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ สุดที่จะทนทานได้ มันเหมือนกับอาการสะดุ้งเมื่อถูกน้ำเย็นราดลงบนหลัง ข้าพเจ้าไม่เคยรู้ประวัติของต้นตระกูลเขาเป็นเรื่องหนึ่งที่เขาไม่เคยพุดถึง บางทีอาจเป็นเพราะว่าตัวเขาเองก็ยังคลุมเครืออยู่ แต่ถ้าหากว่าท่านเอิลที่มีสายเลือดนอร์มันแต่งงานกับสาวสวยลูกแม่ครัวชาวบ้าน ข้าพเจ้าก็พอจะจินตนาการได้ว่าแซมมวล เซาเวจคือลูกที่เกิดจากการแต่งงานนั้น นอกจากนั้นแล้วเขาเป็นคนดีและเป็นผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งและข้าพเจ้าให้ความนับถือเขาเป็นอย่างมาก
ในโอกาสนี้เขาพาเราตระเวณไปทั่วปราสาทส่วนมากเป็นห้องที่เปิดให้ชมได้ทั่วไป ให้พวกเราดูทรัพย์สินมีค่ามากมาย ข้าพเจ้าคิดว่าอย่างน้อยมีรูปภาพสองร้อยภาพจากจิตรกรที่มีชื่อเสียงและที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งจะทำให้เขามีโอกาสได้แสดงความสามารถพิเศษ ถ้าหากว่าผู้ฟังจะไม่สนใจความถูกต้องของของประวัติศาสตร์นัก ขอบอกตามตรงว่าข้าพเจ้าเริ่มจะหมดความสนใจในรายละเอียด เพราะว่าในเดินธันวาคมปราสาทอันใหญ่โตทำให้รู้สึกหนาวเย็นมากกว่าปกติ คุณสครูปกับคุณแมนเนอร์ดูเหมือนจะอบอุ่นสบายดี บางทีอาจเป็นเพราะไฟจากความรักและความชื่นชมภายในจิตใจของเขาทั้งสอง แต่ว่าข้าพเจ้าไม่มีใครจะให้ชื่นชมนอกจากนายเซาเวจอุณหภูมิสามสิบองศาจึงบังเกิดผลโดยตรงกับตัวข้าพเจ้า
ในที่สุดเราเดินตัดจากห้องขนาดใหญ่มาสู่ห้องแสดงภาพขนาดเล็กเป็นห้องที่อบอุ่นสบายดี ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นห้องอ่านหนังสือของท่านลอร์ดแรกนอล หยุดพักอยู่สักครู่ข้างเตาผิงข้าพเจ้าสังเกตเห็นภาพหนึ่งที่กำแพงเพราะม่านถูกรูดเปิดออกมาจึงถามนายเซาเวจว่านั่นเป็นภาพของใครกัน
"ภาพนั้นหรือครับท่าน" เขาตอบพร้อมกับวางท่าอย่างภาคภูมิ "เป็นภาพของสุภาพสตรีที่จะเป็นนายหญิงของที่นี่ในอนาคต ซึ่งเจ้านายของผมท่านเก็บเอาไว้ดูเป็นส่วนตัว"
คุณแมนเนอร์หัวเราะคิกคักขึ้นมา ข้าพเจ้าจึงพูดตัดบทว่า
"โอ ขอบคุณมาก มันเป็นลางไม่ดีที่ทำอย่างนั้น !"
จากนั้นสังเกตจากประตูห้องที่เปิดอยู่จากห้องโถงที่หมวกของข้าพเจ้าถูกนำไปเก็บไว้ ข้าพเจ้าทำเป็นอ้อยอิ่งอยู่ขณะที่คนอื่นพากันหายเข้าไปในห้องแสดงภาพขนาดเล็ก ข้าพเจ้าเข้าไปเอาของข้าพเจ้าออกมาแล้วออกไปที่สวนตั้งใจที่จะเดินเล่นอยู่ที่นั่นจนกว่าจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นและคุณสครูปกลับออกมา ขณะที่ข้าพเจ้าเดินลงไปตามเฉลียงซึ่งข้าพเจ้ายังจำได้นกยูงหลายตัวที่ดูหนาวเย็นเป็นอย่างมากพากันเกาะนิ่งอยู่ เหมือนกับว่าเจ้านกที่ซื่อสัตย์เหล่านั้นรู้หน้าที่ของมันว่าพวกมันเป็นเครื่องประดับสถานที่ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะหนาวเย็นมาก ข้าพเจ้าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ปรากฏว่ามันดังมาจากหมู่ต้นไอเล็คซ์โอ๊กซึ่งอยู่ห่างออกไปห้าร้อยหลาและข้าพเจ้ารู้สึกว่ามันเป็นเสียงปืนไรเฟิลขนาดเล็กไม่ใช่เสียงปืนลูกซอง
จากคุณ :
Sv
- [16 ก.ค. 45 08:02:58 ]