 |
ศาลาวัด
ช่วงนี้ก็อยู่ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายส่วนใหญ่ก็นิยมเข้าวัดเข้าวา บ้างก็ไปทำบุญตักบาตร บ้างก็ไปสนทนาธรรมหรือฟังเทศน์ฟังธรรมกันตามอัธยาศัย หรือบางท่านเมื่อเข้าวัดไปแล้วอาจเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆวัดเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ เพราะบรรยากาศในวัดส่วนใหญ่นั้นจะร่มรื่น เงียบสงบ เมื่อเดินเข้าไปแล้วก็สบายใจ แม้วัดในใจกลางเมืองบางแห่งอาจจะไม่สงบนัก เพราะอาจมีผู้คนมากมายพลุกพล่าน แต่เมื่อได้เห็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ด้วยศิลปไทยที่อ่อนช้อยงดงามก็พอเพลินได้
สิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่งในวัดที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเรานอกจากโบสถ์และวิหารแล้ว ก็ยังมีศาลวัดให้เป็นที่พักพิง ให้พักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้แต่นั่งฟังเทศน์ฟังธรรม ใช่แล้วครับวันนี้พี่เล็กนำเกร็ดความรู้ในเรื่องของ ศาลาวัด มาเล่าให้ฟังกัน
ในช่วงแรกนี้จะขอทบทวนรูปแบบของศาลาวัดประเภทต่างๆ ที่มีมาแต่โบราณ โดยคัดลอกเนื้อหาจากหนังสือศิลปกรรมไทยฯ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๓๖ ซึ่งได้อธิบายลักษณะของศาลาวัดประเภทต่างๆไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้ท่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากสำนักราชบัณฑิตย์ฯ
เมื่อทุกท่านได้รู้จักศาลาวัดประเภทต่างๆตามแบบแผนโบราณแล้ว พี่เล็กก็จะมาพูดคุยพร้อมยกตัวอย่างเรื่องของศาลาวัดประเภทต่างๆในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งที่ยังคงเดิมและเปลี่ยนแปลงไป ด้วยการนำรูปภาพและคำอธิบายสั้นๆ จากวัดวาอารามต่างๆ ในกรุงเทพฯ ที่พี่เล็กได้ไปเสาะแสวงหามาให้ชมได้กัน
ตอนนี้ขอเชิญท่านมารู้จักกับ ศาลาวัด ประเภทต่างๆได้ดังนี้
๏ ศาลาการเปรียญ : อาคารทางศาสนาที่พระสงฆ์ใช้แสดงธรรม
แต่เดิมศาลาการเปรียญจะมีลักษณะเป็นศาลากว้างๆ สร้างด้วยไม้ มีทั้งชนิดที่มีฝาและไม่มีฝา พื้นที่ใช้สอยด้านข้างด้านหนึ่งทำยกพื้นสูง ใช้เป็นที่ตั้งพระพุทธรูปและที่นั่งของสงฆ์ เรียกว่า อาสน์สงฆ์
ทางด้านสกัดทั้ง ๒ ด้านของศาลาการเปรียญ มักมีศาลาขนาดเล็กสร้างขวางอยู่ เรียกว่า "ศาลาขวาง" หลังหนึ่งใช้เป็นที่ตักบาตรในเทศกาลต่างๆ ส่วนอีกหลังหนึ่งใช้เป็นที่เตรียมอาหารถวายพระเมื่อมีงานพิธีต่างๆ
ลักษณะของศาลาการเปรียญดังกล่าวมานั้น ได้ยึดถือมาตั้งแต่โบราณ จนเรียกได้ว่าเป็นประเพณี ต่อมาเมื่อนิยมสร้างโบสถ์ วิหาร และศาลาการเปรียญ ให้อยู่บริเวณเดียวกัน และมีระเบียบการก่อสร้างเป็นแบบเดียวกัน ศาลาการเปรียญจึงสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน มีผังพื้น รูปทรง และการตกแต่งคล้ายกับอุโบสถและวิหาร โดยให้อุโบสถเป็นประธาน วิหาร และศาลาการเปรียญขนาบซ้ายขวาหรือหน้าหลัง
๏ ศาลาราย : อาคารขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นศาลาโล่งๆ ไม่มีฝา พนักหรือลูกกรง สร้างเป็นหลังๆ เรียงรายรอบอุโบสถ วิหาร มีทั้งอยู่ในกำแพงแก้ว เช่นที่วัดโปรดเกศเชษฐาราม และอยู่นอกกำแพงแก้ว เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ( วัดพระแก้ว )
ศาลารายบางวัดสร้างติดกับกำแพงวัดด้านใน โดยให้กำแพงแก้วเป็นฝาด้านหนึ่ง เช่นที่วัดราชโอรสาราม วัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร ศาลารายนี้ยกพื้นสูงประมาณ ๔๕ ซม. หรือสูงขนาดคนนั่งห้อยเท้าได้ สร้างไว้เพื่อนั่งพักคอย ก่อนที่จะร่วมพิธีในอุโบสถ วิหาร และใช้เป็นที่นั่งฟังเทศน์ หรือนั่งสวดมนต์ในบางโอกาส
๏ ศาลาลอย : อาคารขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นศาลา ๒ ชั้น โดยใช้กำแพงวัดเป็นผนังชั้นล่างด้านหนึ่ง ชั้นล่างทึบ มีประตูเป็นทางเข้าออก มีหน้าต่างหรือช่องแสงพอสมควร ชั้นบนมีลักษณะโล่งๆไม่มีผนัง แต่มีราวลูกรงหรือพนักโดยรอบ ประโยชน์ใช้สอยแต่เริ่มแรก คงเป็นที่สำหรับเลี้ยงภัตตาหาร หรือเป็นที่แสดงธรรม เช่น ที่วัดมหรรณพาราม วัดราชนัดดาราม วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.
๏ ศาลาดิน : สิ่งก่อสร้างขนาดเล็ก สูงจากพื้นดินเพียงเล็กน้อย สร้างเป็นหลังเดียวโดดๆ เช่นที่วัดศาลาปูน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรืออาจสร้างโดยใช้กำแพงวัดเป็นฝาด้านหนึ่ง เช่น ที่วัดไพชยนต์พลเสพย์ สมุทรปราการ บางวัดใช้กำแพงแก้วเป็นฝาชั้นกลาง ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง ๒ ด้าน เช่น วัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร หรือสร้างคร่อมกำแพงแก้วโดยมีประตูอยู่ตรงกลาง เช่นที่วัดโสมนัสวิหาร วัดหนัง กรุงเทพมหานคร วัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี
๏ ศาลาท่าน้ำ : อาคารขนาดเล็กสร้างอยู่ริมน้ำ สำหรับวัดที่มีแม่น้ำลำคลองเป็นทางสัญจรที่สำคัญ ลักษณะเป็นศาลาโล่งๆ มีทางเดินผ่านกลาง เพื่อไปยังบันไดท่าน้ำ ทางเดินนี้จะยกสูง เพื่อให้เดินได้สะดวกในฤดูน้ำหลาก พื้นศาลาทั้ง ๒ ข้างยกสูงเป็นที่นั่งพอห้อยเท้าได้และมีพนักล้อม ปลายสุดของทางเดินจะมีบันไดสำหรับขึ้นลงท่าน้ำ เช่นที่วัดระฆังโฆษิตาราม กทม.
จากหนังสือ : ศิลปกรรมไทยฯ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๓๖
ขอเปิดกระทู้ ศาลาวัด ในช่วงแรกไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวว่างๆ จะทะยอยลงรูปภาพมาให้ดูกันคร่าวๆก่อน แล้วหลังจากนั้นจะมาเป็นชุดๆจ้ะ ... โปรดติดตาม ๛
๏ เดินทางไปทั่วทั้ง พารา สอดส่องสุดสายตา ห่าง-ใกล้ อารามที่มีศา- ลาวัด ขอถ่ายภาพเพียงให้ เพื่อนพ้องศึกษา ๚
ภาพ : ศาลาการเปรียญวัดราชสิทธาราม
จากคุณ :
lek Isara - [2 ส.ค. 45 12:20:40 ]
|
|
|
|
|