บุกแดนฝัน-7

    ตอนที่ 7 จ่ายฝัน

    “ พอล...ตื่นเถอะ ” เสียงทุ้มคุ้นหูตะโกนก้องอยู่ในโสตประสาทปลุกให้เด็กชายรู้สึกตัวตื่นขึ้น

    “ พี่นัท! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ฮะ ” พอลถามหลังจากรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ในตอนนี้ เตียงนุ่มสีฟ้าอ่อนลายไดโนเสาร์กับผ้าห่มลายเดียวกันที่เขาล้มตัวลงนอนทุกคืนกับโต๊ะเขียนหนังสือไม้อัดที่กองหนังสืออยู่เต็มโต๊ะช่วยดึงความคิดของเขาให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริง เศษแก้วสีรุ้งยังคงถูกกำไว้แน่นในมือ

    “พี่เข้ามาทางหน้าต่าง” ชายหนุ่มชาวแดนฝันพยักเพยิดไปทางหน้าต่างที่ยังคงเปิดอ้าอยู่
    “พี่จะชวนเราไปด้วยกันพี่จะเข้าไปในเมืองของชาวแดนฝัน” เนริออลบอก

    “ไปทำอะไรครับ” เขาถามพลางหย่อนเศษแก้วเก็บลงในกระเป๋ากางเกงตัวใหม่ข้างเตียง
    “พี่ต้องเอาเปกาซัสกับสฟิงค์สิบตัวไปส่งที่ธนาคารแห่งฝัน รับรองว่ากลับมาทันก่อนเช้าแน่” ชายหนุ่มเสริมเมื่อเห็นท่าทางลังเลของเด็กชาย
    “ตกลงครับว่าแต่เราจะขี่เปกาซัสไปรึเปล่า” พอลถาม เขายังติดใจกับการนั่งบนหลังเจ้าสัตว์สี่ขามีปีกขนสีทองตัวนั้น

    “คราวนี้เราจะนั่งเลื่อนไปแทนพี่มีสัมภาระเยอะเกินไปเจ้าเปกาซัสตัวเดียวแบกไปไม่หมดหรอก”

    เลยออกไปนอกหน้าต่างคือเปกาซัสจำนวนสามตัวถูกเทียมด้วยเลื่อนสีดำทะมึน
    เจ้าเปกาซัสสีทองตัวหน้าหันมาผงกหัวให้กับเด็กชายราวกับมันสามารถจดจำเขาได้ส่วนเปกาซัสสองตัวหลังนั้นเป็นสีขาวซึ่งคงเป็นตัวที่เขาพบในห้องทดลองที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
    สัมภาระในถุงกำมะหยี่สีดำใบใหญ่ถูกวางอยู่เบื้องหลังของเบาะนั่ง เมื่อเดินเข้ามาใกล้จึงเห็นได้ว่าเลื่อนสีดำเมื่อครู่ไม่ได้ดำสนิทอย่างที่เห็น ลวดลายแปลกตาถูกสลักลงบนตัวเลื่อนและท่ามกลางแสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ส่องผ่านกลีบเมฆมาทำให้สามารถแลเห็นถึงสีรุ้งแพรวพราวที่แฝงอยู่ภายใต้สีดำทะมึนนั้น

    ชายหนุ่มชาวแดนฝันผิวปากเพียงเบาๆ เป็นสัญญาณให้เปกาซัสทั้งสาม
    โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง การเดินทางท่ามกลางแสงจันทร์ครั้งนี้นับว่าเป็นการเดินทาง
    ที่แสนวิเศษสุดของเด็กชายเลยก็ว่าได้ สายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านมาให้ความเย็นสบายจนแทบง่วงงุน หากแต่วิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ที่ข้ามผ่านยามราตรีก็ได้เรียกความสนใจเขาไปไม่น้อย

    ดวงไฟตามบ้านเรือนและท้องถนนรวมไปถึงยวดยานพาหนะที่วิ่งผ่านไปมาทำให้เห็นได้ถึงสภาพของเมืองที่ดำเนินไป ตลอดเวลาไม่มีหยุดพัก ชีวิตของผู้คนบางส่วนถูกปลุกขึ้นหลังตะวันลับฟ้า และจะดำเนินไปจวบจนกระทั่งเช้าของวันใหม่
    สถานที่หลากแห่งที่เคยเงียบเหงาเมื่อยามกลางวันกลับเนื่องแน่นไปด้วยผู้คนในเวลานี้
    ทั้งผับ บาร์ ต่างๆผุดขึ้นมากมายตามถนนใหญ่ๆ ราวดอกเห็ดจนอดสงสัยไม่ได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้เมืองเหล่านี้จะมีสภาพเป็นอย่างไร

    พอลผล๊อยหลับไปได้ไม่นานเลื่อนเทียมเปกาซัสทั้งสามก็ได้เดินทางมาถึงชานเมืองของชาวแดนฝัน เขายังคงหลับอยู่จึงไม่มีโอกาสได้เห็นสีสันยามราตรีของนครแห่งนี้ ทั่วทั้งท้องถนนอากาศต่างเนื่องแน่นไปด้วยผู้สัญจรไปมา
    แมลงดวงไฟปีกแข็งเริ่มทำงานหนักตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน เมืองๆนี้ก็เช่นกันที่ดูจะคึกคักมากในยามราตรี ถนนเส้นหลักของเมืองถูกเปิดใช้ให้เป็นเส้นทางเข้าเมืองทั้งสิบเลนส์ ไม่มีผู้ใดที่จะสัญจรออกนอกเมืองเลยในเวลาเช่นนี้ ทุกคนที่มีหน้าที่ต่างมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง

    ใช้เวลาไม่นานนักเลื่อนสีดำก็เคลื่อนเข้ามาจอดบนอาคารทรงกรวยหลังใหญ่ใจกลางเมืองซึ่งทำจากผลึกแก้วคริสตัส อาคารหลังนี้คืออาคารปลีกย่อยเช่นอาคารข้างเคียงที่เชื่อมต่อกับอาคารใหญ่ด้วยท่อแก้วยักษ์

    “ที่นี่ที่ไหนครับ” เด็กชายงัวเงียลืมตาขึ้น
    “ธนาคารแห่งฝันไงพอล” ชายหนุ่มบอกพลางเอื้อมหยิบถุงสัมภาระด้านหลังก่อนเดินนำเด็กชายเข้าสู่ตัวอาคาร
    “พอลคงยังไม่รู้ว่าชาวแดนฝันทุกคนมีหน้าที่พิเศษที่ถูกถ่ายทอดต่อๆกันมาจากบรรพบุรุษของเรา หน้าที่เหล่านี้คือการแจกจ่ายความฝันไปสู่มนุษย์ทุกคนในยามค่ำคืน
    ความฝันมากมายถูกสร้างขึ้นโดยชาวแดนฝันกลุ่มหนึ่งและจะถูกจ่ายออกไปโดยผู้จ่ายฝัน
    มันมีทั้งความฝันอันสวยงามเพื่อตอบแทนความดีของพวกเขา ความฝันอันโหดร้ายเพื่อลงโทษผู้กระทำผิด ความฝันอันตื่นเต้นเพื่อสร้างจินตนาการให้มนุษย์ และความฝันอันเป็นบทเรียนเพื่อจะสอนให้เรียนรู้ในสิ่งใหม่
    ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องกระทำทุกค่ำคืน”

    “แล้วพี่นัททำอะไรล่ะครับ” เด็กชายถามด้วยความอยากรู้
    “พี่ก็มีหน้าที่จัดส่งพาหนะให้กับผู้จ่ายฝันไง ไม่งั้นเขาจะเดินทางโดยวิธีไหนล่ะ ส่วนแนทเป็นตำรวจในช่วงเวลานี้เขาก็มีหน้าที่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับผู้จ่ายฝัน

    และทั้งสองก็เดินเข้ามาถึงห้องไม้เล็กๆแห่งหนึ่ง ในห้องแห่งนี้มีเพียงสายพานที่กำลังเคลื่อนที่จากฟากหนึ่งของห้องไปยังอีกฟากหนึ่งและทะลุอุโมงค์แก้วออกไป บนสายพานมีลูกแก้วหลากสีสันวางอยู่แน่นขนัดจากผู้คนที่เข้าออกห้องนี้ ที่แห่งนี้คือห้องส่งความฝัน
    ความฝันทุกความฝันจากผู้ทอฝันทั้งหลายจะถูกจัดส่งจากที่นี่เพื่อจะได้รับการแยกภูมิภาคและจัดส่งให้ถูกกับบุคคลผู้ได้รับ

    เนริออลเดินต่อไปทางห้องด้านใน ห้องนี้กว้างขวางกว่าห้องแรกมาก
    ทั่วทั้งห้องถูกจัดแบ่งเป็นล๊อกๆอย่างเป็นระเบียบ สัตว์ในตำนานหลายพันธุ์ยืนเรียงรายอยู่ในแต่ละล๊อกมีทั้งยูนิคอร์ มังกร เปกาซัส และสัตว์แปลกๆที่ไม่รู้จักชื่ออีกมากมาย

    ชายหนุ่มชาวแดนฝันนำถุงกำมะหยี่สีดำที่แบกมาตลอดทางส่งให้เหล่าภูตตัวจิ๋วทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ดูแลที่นี่ พวกเขาช่วยกันขนกล่องแปดเหลี่ยมจำนวนสิบใบออกจากถุงก่อนหายวับเข้าไปหลังม่านใบไม้
    “นั่นนะหรือครับเปกาซัสกับสฟิงค์ของพี่” เด็กชายถาม

    “ใช่แต่พี่เก็บพวกเขาแต่ละตัวไว้ในกล่องไงก็คล้ายๆกับลูกแก้วนำสาสน์พวกนั้นเพียงแต่กรรมวิธีในการนำสัตว์ในกล่องออกมาจะยุ่งยากและต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่า แต่มันก็สะดวกในการขนส่งดีนะ” เขาเสริม
    “เราจะกลับกันเลยรึเปล่าครับ” เด็กชายถามเมื่อเห็นงานของชายหนุ่มเสร็จสิ้น
    “ยัง..พี่จะพาพอลไปดูส่วนที่เป็นธนาคารแห่งฝันเอาไหม”

    “อ้าว! แล้วที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
    “มันยังเป็นแค่ส่วนภายนอกเท่านั้น พี่จะพาเราไปดูส่วนที่เขาใช้จ่ายฝันกันยังไง”
    “จริงหรือเปล่า งั้นรีบไปกันนะครับ” เด็กชายกล่าวอย่างตื่นเต้น

    ชายหนุมชาวแดนฝันนำเด็กชายเดินผ่านท่อแก้วมุ่งสู่อาคารหลังใหญ่ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ภายในตัวอาคารกลิ่นอายแห่งความสดชื่นสดใสก็โถมเข้าสู่ทั้งสอง พื้นกระจกเงามันวาวสะท้อนภาพเบื้องบนลงมาทำให้เห็นในมุมมองที่แปลกใหม่ออกไป
    ผนังคริสตันที่เห็นอยู่ลิบๆสะท้อนแสงแวววาว เบื้องหน้าของพวกเขาคือ กลุ่มคนจำนวนนับร้อยที่กำลังต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ มีกำแพงคริสตัสสูงไม่เกินเอวกำหนดเส้นทางเดินให้คดเคี้ยวไปมาราวกับหางงู เหนือขึ้นไปจากฝูงชนเหล่านั้นคือดอกบัวบานที่สลักจากคริสตัสจำนวนสิบสองดอกล่องลอยอยู่
    ตรงกลางเกสรเป็นที่นั่งของเจ้าหน้าที่ที่รักษาความปลอดภัยในชุดไหมสีขาวทั้งสิบสองที่จะคอยสอดส่องดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยการรับดอกบัวเคลื่อนที่ไปรอบๆอาคาร พวกเขาจะหยุดสำรวจนาฬิกาลูกแก้วอันยักษ์ที่ลอยอยู่กึ่งกลางอาคารเป็นระยะๆ เพื่อบอกจำนวนลูกแก้วที่เหลืออยู่ทางด้านบน

    และเมื่อมองเลยไปถึงต้นทางของแถวที่ชาวแดนฝันนับร้อยเข้าแถวรออยู่จึงได้เห็นกระโจมเล็กๆที่มีสายพานซึ่งต่อมาจากห้องส่งความฝัน เพียงแต่ว่าบนสายพานตอนนี้คือถุงแก้วใสที่มีลูกแก้วอยู่ประมาณสิบลูกบรรจุไว้เสร็จสรรพ

    ชาวแดนฝันจำนวนเกือบยี่สิบคนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายลำเลียงความฝันในชุดไหมสีครามกำลังขะมักเขม้นกับการลำเลียงถุงที่ส่งมาตามสายพานให้กับผู้ที่ยืนเข้าแถวรออยู่ให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่บุคคลเหล่านั้นจะเดินเลยไปยังลานยานพาหนะเพื่อเลือกสัตว์ให้เหมาะสมในการเดินทางไปจ่ายฝัน

    ทุกสิ่งในที่นี้ดำเนินไปอย่างเป็นระบบราวเครื่องจักรกล ลูกแก้วจำนวนไม่มากนักที่ยังเหลืออยู่ด้านบนค่อยๆทยอยร่วงลงมาหลังจากที่ผู้จ่ายฝันคนสุดท้ายออกเดินทาง
    “โอ! แย่แล้ว” เสียงอุทานมาจากเจ้าหน้าที่ลำเลียงความฝันผู้หนึ่ง
    บริเวณพื้นกระจกในตอนนี้เกือบจะร้างผู้คนทำให้พอลและเนริออลสามารถวิ่งไปถึงกระโจมได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

    “เกิดอะไรขึ้น” เจ้าหน้าที่ทั้งสิบสองร่อนดอกบัวคริสตันลงมา ดูเหมือน
    ว่าบุคคลที่เหลืออยู่ในอาคารแห่งนี้ต่างมารวมกันบริเวณกระโจม
    “เรายังเหลือถุงความฝันอีกถุงหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวพร้อมกับชูถุงแก้วใสในมือให้ดู

    “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ระบบทุกอย่างเราจัดการไว้หมดแล้วทำไมถึงเกิดความผิดพลาดได้” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมไหมสีเงินบ่งบอกถึงตำแหน่งผู้จัดการความฝันพูดขึ้น
    “ความผิดพลาดของฝ่ายจัดการที่ลืมลบรายชื่อผู้จ่ายฝันคนหนึ่งไป เขาลาหยุดงานในวันนี้” หญิงสาวตัวเล็กผู้ติดตามชายชุดสีเงินรายงาน

    “ลูกแก้วลูกสุดท้ายใกล้ร่วงเต็มทีแล้ว ต้องรีบหาผู้จ่ายฝันรายใหม่มาทดแทน” เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในฝ่ายรักษาความปลอดภัยรายงาน

    “เหลือมังกรฟ้าอยู่เพียงตัวเดียว ปลายทางความฝันถุงนี้คือหมู่บ้านในหุบเขาทางใต้ ผู้ใดเคยขี่มังกรฟ้าบ้าง” ชายในชุดเงินถามด้วยสีหน้าหนักใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคนขี่มังกรฟ้าได้จนชำนาญพอจะไปจ่ายฝันในหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนั้น
    ชาวแดนฝันส่วนใหญ่มักจะมีสัตว์เลี้ยงเป็นเปกาซัสหรือสัตว์จำพวกนก ไม่ใช่มังกรยักษ์เช่นนี้
    “ถ้าพวกท่านไม่รังเกียจข้าจะขออาสาขี่มังกรฟ้าตัวนี้ไปส่งให้ท่านเอง” เนริออลกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน

    “ท่านคือผู้ใดกันโปรดแจ้งนามของท่านด้วย” ผู้จัดการความฝันถาม
    “ข้าชื่อเนริออลเจ้าหน้าที่หน่วยเพาะพันธุ์สัตว์ มังกรฟ้าตัวที่เหลืออยู่นั้นก็ส่งมาจากห้องเพาะพันธุ์ของข้า” ชายหนุ่มเสริมในตอนท้ายซึ่งทำให้สีหน้าของทุกคนดีขึ้น

    “โชคช่างเข้าข้างเสียจริงที่ท่านเนริออลมาได้ถูกจังหวะเช่นนี้ ข้าขอขอบคุณท่านมากในความช่วยเหลือที่ยื่นให้ เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งจะเดินทางไปพร้อมกับท่านเพื่อช่วยจ่ายฝัน” ผู้จัดการความฝันสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
    และก่อนที่ลูกแก้วลูกสุดท้ายจะร่วงลงมา มังกรฟ้าก็ออกทยานสู่อากาศพาบุคคลทั้งสามมุ่งสู่หมู่บ้านในหุบเขาทางตอนใต้

    แม้ทุกอย่างจะดูราบรื่นก็ไม่วายเกิดเรื่องเล็กๆน้อยๆขึ้นก่อนออกเดินทาง
    จนได้ ปัญหาเรื่องผู้ขี่มังกรฟ้าหมดลงก็จริงแต่ผู้ที่จะไปช่วยเนริออลจ่ายฝันนี่สิที่หายากเย็นเสียเหลือเกินทั้งๆที่เจ้าหน้าที่สามสิบกว่าคนในบริเวณนั้นต่างเคยผ่านงานนี้มาทั้งสิ้น

    “ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะเดินทางไปหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนั้น ข้าต้องกลับไปดูแลลูกทั้งสองของข้า” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้หนึ่งกล่าว

    “ข้าก็เช่นกัน ข้าสัญญากับภรรยาไว้แล้วว่าจะกลับบ้านทันทีที่งานเสร็จ ข้าไม่ต้องการผิดสัญญา”
    และอีกหลายๆข้ออ้างที่ถูกยกขึ้นมาใช้เพื่อให้ตนไม่ได้เดินทาง สุดท้ายผู้จัดการความฝันเลยให้เลขาส่วนตัวของเขาเดินทางไปด้วยโดยสัญญาว่าจะให้ค่าล่วงเวลาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หญิงสาวผู้นั้นจึงตกลงใจมาร่วมขบวน ครั้งนี้

    การเดินทางยามราตรีมุ่งสู่ทางใต้ครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก พอลจึงใช้เวลาทั้งหมดของการเดินทางกับการงีบหลับเพื่อพักเอาแรงบนขนสีครามอันอ่อนนุ่มและแสนจะปุกปุยของเจ้ามังกรฟ้า

    ประมาณสักหนึ่งชั่วโมงพวกเขาก็เดินทางข้ามหุบเขาสูงอันดำทะมึนมาถึงหมู่กระท่อมไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่กระจัดกระจายในป่าโปร่งราวสิบหลังคาเรือน กระท่อมหลังแรกที่มังกรฟ้าร่อนลงจอดคือกระท่อมไม้ไผ่สภาพทรุดโทรมที่ตั้งอยู่ริมบึงใส

    “จะเข้าไป แบบซานตาครอสเหรอ” พอลถามพลางนึกไปถึงนิทานในสมัยเด็กๆที่เคยฟังมา แต่แหมกระท่อมหลังนี่มันไม่มีปล่องไฟนี่น่าจะเข้าไปยังไงดี
    “พี่ปีนหลังคาไม่เป็นนะพอล เอาแค่ง่ายๆก็พอส่งทางประตูนี่แหละ”
    เนริออลหัวเราะพลางช่วยเลขาสาวผู้นั้นหยิบลูกแก้วออกมาเลือก

    หญิงสาวเลือกลูกแก้วสองดวงสีแดงและแสดออกมา
    “ช่วยเอาไปส่งทีละกัน” เธอพูดแกมสั่งจากนั้นก็เลยให้ความสนใจกับหน้าที่ที่ได้รับมา
    ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรดูเหมือนเขาจะชินเสียแล้วกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจึงชวนพอลเดินตรงไปยังบ้านหลังนั้นด้วยกัน

    “พี่จะเข้าไปจริงๆเหรอ?” พอลถามซ้ำคำถามเดิมด้วยความสงสัยเมื่อมาหยุดยืนอยู่ที่
    หน้าประตู

    จากคุณ : ไฟลี่ - [4 ส.ค. 45 09:56:19 A:210.203.182.144 X:]