บุกแดนฝัน-10-ตอนจบ

    ตอนที่ 10 ทางเดินที่จำต้องเลือก

    “ท่านเชื่อคำพูดของเขาแค่ไหน” เนริออลถามหลังจากเดินออกมาจากห้องพัก
    “ข้าเชื่อในคำพูดของเขา ไม่มีใครสามารถโกหกข้าได้สำเร็จ” ชายชรากล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ
    “ผมยังไม่ได้บอกพี่เรื่องนึงเลยครับ” แล้วเด็กชายก็เล่าเรื่องดาวตกในเช้ามืดวันนั้นให้ทั้งสองฟัง
    “เท่าที่ฟังมาอาจเป็นไปได้ว่าชายผู้นั้นถูกบางสิ่งครอบงำจิตใจในระหว่างที่เขาบาดเจ็บและจิตใจอ่อนแอลง

    “ถ้าอย่างนั้นไอ้เจ้าสิ่งนั้นมันหายไปไหนเสียล่ะ” เนริออลเปรยขึ้น
    “ข้าขอตัวก่อน” ฟาเรดาเอ่ยขึ้นก่อนวิ่งผละจากไปอย่างรวดเร็ว
    “อะไรของเขานะ” เด็กชายถามด้วยท่าทางงุนงง

    พอลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน การเดินทางไปมาระหว่างบ้านโรงเรียนและโรงพยาบาลไม่ใช่สิ่งที่น่าสนุกเลย
    “เจ้าหาทางผ่านภูเขาไฟได้รึยัง” เสียงใสๆถามขึ้น และคราวนี้มันทำให้เด็กชายสะดุ้งขึ้นทันทีเพราะเขามั่นใจว่าตนเองไม่ได้กำลังฝันอยู่เป็นแน่
    “เธอพูดได้เหรอ” เขาหันไปถามภูตน้อย
    “ใช่ เพียงแต่ตอนที่ข้าเพิ่งฟักตัวออกมาใหม่ๆข้าไม่มีพลังมากพอจึงทำได้แค่เพียงติดต่อกับเจ้าทางความฝันว่าแต่เจ้าเถอะหาทางได้รึยัง” เธอถามย้ำ

    “ผม...”
    “คงยังไม่ได้หาสินะ เฮ้อ! เจ้านี่ชักช้าจริง เจ้าไม่มีเวลามากนักหรอกนะอีกไม่นานปีศาจร้ายจะเริ่มแผนการของมันอีกครั้ง”
    “หมายความว่าไง มันจะทำร้ายพวกเด็กๆอีกเหรอ”
    “ไม่หรอกข้าว่าครั้งต่อไปมันจะไม่เอาแค่พวกเด็กๆแล้ว ในตอนแรกที่มันเอาแค่พวกเด็กก็เพราะว่าพลังของมันยังมีขีดจำกัด แต่ตอนนี้ยิ่งนานวันเข้ามันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ข้าว่าทางที่ดีที่สุดเจ้าควรไปเข้าเฝ้าองค์เนติราลได้แล้ว”

    “แต่ผมหาทางข้ามภูเขาไฟไปไม่ได้นี่ครับ เอ! เดี๋ยวก่อนไฟนั่นมันไฟอะไรกันแน่”
    “มันเป็นไฟแห่งโลกันต์”

    เวลาผ่านไปไม่ถึง24ชั่วโมงด้วยซ้ำทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เสร็จสรรพมันเริ่มต้นจากการที่เด็กชายเล่าความฝันและคำบอกเล่าของแฟรี่ให้เนริออลฟัง ชายหนุ่มชาวแดนฝันดูท่าทางตื่นเต้นและตกใจในสิ่งที่ได้รับรู้มา และต่อจากนั้นเรื่องราวของเด็กชายก็ได้แผ่กระจายไปทั่วในหมู่ของชาวแดนฝัน
    ซึ่งตัวของพอลเองไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวของเขานั้นจะกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ลูสและทุกคนในโรงพยาบาลต่างขะมักเขม้นช่วยเตรียมการกันอย่างแข็งขัน ดังนั้นยังไม่บ่ายดีทุกสิ่งก็ถูกเตรียมขึ้นพร้อมที่จะเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์เนติราล

    “พี่เอาเพริกอลมาให้” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับจูงเจ้าสัตว์พันธุ์ผสมเข้ามาในลานกว้างซึ่งเป็นที่เตรียมพิธี เจ้าเพริกอลดูต่างไปมากจากที่เด็กชายเห็นเมื่อวันก่อนตัวของมันโตขึ้นขนาดเท่าม้าตัวใหญ่ๆตัวหนึ่งเกล็ดตามลำตัวที่เคยประดับประดาไว้ด้วยสองสีบัดนี้มันมีเพียงสีเขียวเข้มมันเป็นเงาวาวทั่วทั้งตัว

    “พี่ให้มันกินยาเร่งการเจริญเติบโต” ชายหนุ่มบอกเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของเด็กชาย
    “มันเชื่องแล้วก็รักเจ้าของมากนะ ไปหานายใหม่ของเจ้าสิ” เนริออลยื่นสายบังเหียนให้กับพอล เด็กชายรับมันมาพลางลูบแผงคอมันอย่างรักใคร่ เพริกอลเองก็มีท่าที่ยินดีที่ได้นายใหม่มันแลบลิ้นสีชมพูของมันออกมาเลียใบหน้าเด็กน้อยอย่างรักใคร่

    “พอแล้วๆ ผมจั๊กจี๋” เด็กชายหัวเราะพร้อมกับดันหัวของมันออกห่าง
    “ได้เวลาแล้ว” ชายหนุ่มเตือนพอลให้เตรียมตัวให้พร้อม
    บริเวณลานกว้างของโรงพยาบาลถูกจัดขึ้นเพื่อทำพิธี โดยมีลูสหัวหน้าแพทย์เป็นผู้ดูแลทั้งหมดเนื่องจากเขาเป็นผู้เดียวที่สามารถเชื่อมต่อดินแดนแห่งความฝันกับโลกมนุษย์ได้ ลูกแก้วสีส้มใสดวงใหญ่ล่องลอยอยู่กลางลานกว้าง
    ด้านล่างลูกแก้วดวงนั้นคือเส้นลวดสีดำที่ขดเป็นวงกลมขนาดใหญ่พอให้เด็กชายและเพริกอลเข้าไปยืนได้ การเดินทางครั้งนี้เด็กชายมีผู้รวมทางสองตัวด้วยกันคือ แฟรี่ภูตนำทางและเพริกอลพาหนะของเขา

    ทันทีที่ทั้งสามเดินเข้าไปในวงล้อมของเชือก พิธีก็เริ่มต้นขึ้นลูสในฐานะประธานในพิธีก็เริ่มรายเวทมนต์ ริมฝีปากของเขาขยับไปมาตลอดเวลาพร้อมกับคทาไม้ในมือที่ถูกกวัดแกว่งอยู่ตลอดเวลา ประกายแสงสีแดงเปล่งออกมาจากปลายของคทาไม้ มันค่อยๆสว่างขึ้นๆก่อนจะพรุ่งตรงไปยังลูกแก้วใสดวงนั้น

    ลูกแก้วใสได้รับมนต์และพลังงานอันมหาศาล จากชายผู้ขมังเวทย์มันจึงเริ่มทำงานทันที ลูกแก้วใสเปล่งประกายสีส้มอ่อนพร้อมๆกับเริ่มหมุนตัวอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆเร็วขึ้นๆ พร้อมๆกับแสงที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดขึ้นทุกที และเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่แสงนั้นจะพุ่งลงมายังตัวเด็กชาย

    “เพล้ง!” ลูกแก้วสีแดงใสแตกกระจายร่วงหล่นลงสู่พื้นจากลำแสงสีฟ้าที่พุ่งเข้ามามาทำลายล้าง
    ความชุลมุนเกิดขึ้นในทันที โชคดีของเด็กชายที่มีปีกของเพริกอลบดบังเขาไว้จากเศษแก้วอันแหลมคม ไม่เช่นนั้นตัวเขาเองคงต้องเป็นคนที่เจ็บหนักที่สุด
    “ใครบังอาจทำลายพิธีของข้า” ลูสกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

    “ท่าน!” เนริออลอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นฟาเรดายืนจังก้าอยู่บริเวณประตูทางเข้า
    เป็นไปได้อย่างไร...ฟาเรดาผู้ที่เคยช่วยเหลือเรามาตลอดเวลากลับกลายมาทรยศหักหลังกันได้
    “เจ้าหน้าที่...จับมันซะ” ลูสออกคำสั่งเสียงกร้าว

    แต่ยังไม่ทันที่ใครจะขยับตัว เจ้าหน้าที่รวมไปถึงบุคคลทั้งหมดในลานกว้างแห่งนี้ก็ถูกตรึงแน่นด้วยเชือกไร้ตัวตน ไม่สามารถขยับเขยือนไปไหนได้
    “ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้ท่านฟาเรดา” เนริออลถามด้วยความรู้สึกปวดร้าว

    “ข้าไม่มีทางเลือก พวกเจ้ากำลังถูกมันหลอกอยู่ต่างหาก”
    “หมายความว่าไง”
    “คนที่ทรยศไม่ใช่ข้าแต่เป็น.. มัน” ชายชรากล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหัวหน้าแพทย์โรงพยาบาลแห่งฝัน

    “ไม่จริง ท่านลูสไม่มีทางทำเช่นนี้ได้” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
    “ท่านลูสไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่หากท่านยังมีสติดี มิใช่ถูกควบคุมอยู่”
    “ฮะๆ..ข้าไม่น่าประมาทเจ้าเลยฟาเรดา สมแล้วที่เป็นมือเอกของอาณาจักรแห่งฝัน น่าเสียดายที่เจ้ามัวแต่หวังความปลอดภัยของเจ้าเด็กนั่นจนลืมนึกถึงหัวหน้าแพทย์แก่ๆที่แสนจะน่ารักท่านนี้” ลูสหรือเจ้าสิงที่ร่างเขาอยู่กล่าว

    “เจ้า...” ฟาเรดากัดกรามแน่น
    ลูสถอดเสื้อคลุมตัวยาวของเขาออกเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่ทำให้หลายๆคนต้องเบือนหน้าหนีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงบัดนี้กลับผอมแห้งเหลือเพียงกระดูกแถมยังเกรอะไปด้วยคราบเลือดที่ยังแห้งไม่สนิทดีนัก บริเวณหน้าอกของเขามีสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายปลิงเกาะอยู่สิบกว่าตัว

    “หัวหน้แพทย์ของพวกเจ้าเป็นคนหัวแข็งและจงรักภักดีต่อแผ่นดินเสียเหลือเกิน ข้าจึงจำเป็นที่จะต้องแทงหัวใจของมันก่อนยืดชีวิตไว้ด้วยปลิงทะเลดำ” เจ้าปีศาจร้ายกล่าวอย่างไม่ทุกร้อน

    ปลิงทะเลดำ..สัตว์ต้องห้ามของนครแห่งฝัน มันเป็นสัตว์ที่สามารถช่วยยืดชีวิตผู้ได้รับบาดเจ็บได้พร้อมๆกับดูดกลืนวิญญาณ ความฝัน ไปจนหมดสิ้น ร่างที่เหลือจึงมักเป็นเพียงแค่ซากศพที่เดินได้เท่านั้น

    ฟาเรดาคลายมนต์ให้กับทุกคนในลานกว้างยกเว้นลูสเพียงคนเดียว ดังนั้นทั้งหมดจึงยืนล้อมรอบหัวหน้าแพทย์อยู่ด้วยความสงสารจับใจ
    “ท่านฟาเรดาทำอะไรสักอย่างสิ” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน

    “นั่นสิ..ทำเลย จะฆ่าข้าหรือจะปล่อยให้ข้าฆ่าเจ้าเด็กนั่น” ปีศาจร้ายในร่างของลูสกล่าวยุ
    ชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีแต่ดูเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ในความคิดของฟาเรดาและทุกๆคน ชายชราไม่สามารถตัดใจทำร้ายหัวหน้าแพทย์ได้ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเพราะนั่นเท่ากับเป็นการฆ่าเขาทั้งเป็นเช่นกัน

    “ท่านตัดสินใจเถอะ พวกเรายอมรับในการตัดสินใจของท่านทุกอย่าง” เนริออลเอ่ยขึ้น
    “ข้า..ข้าจะพยายามอย่างที่สุด” เขาตัดสินใจลองเสี่ยงดู
    ชายชราเดินตรงเข้าไปยังร่างของหัวหน้าแพทย์ เขาสะกดลูสให้แน่นิ่งอีกครั้งพร้อมกับชี้คทาไม้ไปยังร่างที่ถูกเข้าสิง เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ประกายไฟจากคทาไม้ก็พุ่งตรงเข้าล้อมร่างที่ถูกเข้าสิงทันที

    “โอ๊ย...” ปีศาจร้ายในร่างร้องออกมาอย่างโหยหวน มันพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อที่จะหลุดจากกองไฟที่กำลังลุกไหม้ท่วมตัวอยู่ในขณะนี้ และแล้วบรรดาปลิงทะเลดำที่เคยเกาะอยู่เต็มตัวต่างพากันร่วงหลนลงมาเป็นแถว พร้อมๆกับเลือดสีแดงข้นที่เริ่มไหลนองออกมาจากบาดแผล

    “อย่าพยายามช่วยข้าเลยท่านฟาเรดา ท่านทำเช่นนี้จะทำให้ปีศาจร้ายหนีรอดออกไปได้ ฆ่าข้าเสียเถอะ” เสียงดังตรงเข้าสู่โสตประสาทของชายชราดูเหมือนว่าหัวหน้าแพทย์จะสามารถดึงจิตของตนเองกลับเข้ามาได้แล้ว
    “โอ๊ย..ปล่อยข้าออกไป” เสียงร้องยังคงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เหนือขึ้นไปเล็กน้อยบนศรีษะของหัวหน้าแพทย์ บัดนี้ได้บังเกิดควันดำขึ้นจับตัวกันเป็นกลุ่ม เจ้าปีศาจร้ายกำลังหาทางหนี

    ดวงตาของชายชราปรากฎแว่วแห่งความสับสนขึ้น ชั่วชีวิตที่ผ่านมากว่าเจ็ดสิบปีนี้เขายังไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน

    และก่อนที่ชายชราหรือใครๆจะตัดสินใจทำอะไรลงไปลูสได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่เขามีอยู่ตัดขั้วหัวใจปลิดชีวิตตนเองเสีย!!

    จากคุณ : ไฟลี่ - [8 ส.ค. 45 17:38:03 A:210.203.183.192 X:]