พระราชวังบางปะอิน

    ๏ พระราชวังมีแต่ครั้ง         บุราณมา
    จอมกษัตริย์แห่งอยุธยา       ท่านสร้าง
    เรืองนามทั่วทิศา                 บางปะ อินแล
    ริมฝั่งลำน้ำกว้าง                แจ่มหล้าจรัสศรี ๚

    มีตำนานกล่าวว่า .. สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จประพาสทางน้ำเพื่อล่องเจ้าพระยา
    แล้วเรือพระที่นั่งเกิดล่มลงในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณเกาะบ้านเลน อยุธยา
    พระองค์จึงได้พบกับหญิงสาวชาวบ้านที่ชื่อ “อิน” แล้วต่อมาได้กำเนิดพระโอรส
    ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง”

    จากนั้นสมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ถวายเคหสถานเดิมของพระองค์ให้สร้างวัด
    แล้วพระราชทานชื่อว่า “วัดชุมพลนิกายาราม” และได้ให้ขุดสระน้ำขนาดใหญ่
    พร้อมกับสร้าง “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์” ไว้กลางสระน้ำ

    นับแต่นั้นมาพระราชวังแห่งนี้ก็เป็นที่เสด็จประพาสเพื่อความสำราญพระราชหฤทัย
    ของพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยาตลอดมา จนถึงคราวเสียกรุงจึงรกร้างไป

    ต่อมาเมื่อถึงยุครัตนโกสินทร์ พระราชวังบางปะอินได้รับการฟื้นฟูให้พลิกฟื้นขึ้นมา
    ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕ โดยมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆเพิ่มเติมดังนี้

    • เขตพระราชฐานชั้นนอก ได้แก่ หอเหมมณเฑียรเทวราช สภาคารราชประยูร
    พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์(ปลูกแทนของเดิม) และพระที่นั่งวโรภาษพิมาน
    • เขตพระราชฐานชั้นใน ได้แก่ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร หอวิฑูรทัศนา
    พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ พระตำหนักฝ่ายใน และอนุสาวรีย์ ๒ แห่ง

    - หอเหมมณเฑียรเทวราช : เป็นปรางค์ศิลายอดทรงปราสาทแบบขอม
    เป็นที่ประดิษฐานเทวรูป เพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
    โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๓

    - สภาคารราชประยูร : ตึกสองชั้นริมน้ำ ใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้า

    - พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ : เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทจตุรมุขกลางสระน้ำ
    ซึ่งจำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
    ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของสมเด็จพระปิยมหาราช

    - พระที่นั่งวโรภาษพิมาน : เป็นพระที่นั่งริมสระน้ำทรงตึกชั้นเดียวแบบยุโรป
    ใช้เป็นที่ประทับและออกท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการของรัชกาลที่ ๔

    - พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร : เป็นพระที่นั่งเรือนไม้สองชั้นแบบชาเลต์ของสวิส
    แต่ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๑ เหลือแต่หอน้ำทรงยุโรปเท่านั้น
    ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้มีการจัดสร้างขึ้นใหม่ โดยใช้คอนกรีตแทนไม้

    -  หอวิฑูรทัศนา : เป็นหอสูง ๔ ชั้น ตั้งอยู่กลางเกาะในพระราชอุทยาน
    สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๔ เพื่อใช้เป็นหอสำหรับชมทิวทัศน์และดูดาว

    - พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ : เป็นพระที่นั่งสองชั้นรูปทรงจีนที่งดงามมาก
    จัดสร้างโดยกลุ่มพ่อค้าจีนในไทย เพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายรัชกาลที่ ๕
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๒ โดยใช้วัสดุจากจีน มีชื่อภาษาจีนว่า “เทียนเม่งเต้ย”

    - พระตำหนักฝ่ายใน : เป็นหมู่พระตำหนักฝ่ายใน เป็นอาคารแบบตะวันตก
    มีทั้งชั้นเดียวและเรียงรายกันอยู่ทั่วไป แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่องค์เท่านั้น

    - อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทกุมารีรัตน์ : จัดสร้างด้วยหินอ่อน
    เพื่อรำลึกถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทกุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี
    ซึ่งเสด็จทิวงคตเนื่องจากเรือพระที่นั่งเกิดอุบัติเหตุล่มลงในแม่น้ำเจ้าพระยา
    ณ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในขณะที่กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปยัง
    พระราชวังบางปะอิน ในปี พ.ศ. ๒๔๒๔ มีการจารึกคำไว้อาลัยจากรัชกาลที่ ๕
    ที่ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เองไว้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

    - อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ : เป็นอนุสาวรีย์ที่สมเด็จพระปิยมหาราชจัดสร้างขึ้น
    เพื่อไว้อาลัยแด่พระอัครชายาเธอพระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์  
    พร้อมทั้งพระราชโอรสและพระราชธิดาอีกสามพระองค์

    พระราชวังบางปะอินในปัจจุบันนับได้ว่าเป็นประตูสู่พระนครศรีอยุธยา
    บริเวณเขตพระราชฐานทั้งชั้นนอกและชั้นในมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
    เหมาะอย่างยิ่งที่จะแวะเข้าไปชมความงามของพระที่นั่งและอุทยานต่างๆ

    นอกจากนี้การได้ล่องเรือรอบเกาะบางปะอินก็จะได้พบกับความเพลิดเพลิน
    ได้เห็นภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆ เกาะบางปะอินที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ
    แทบทุกบ้านจะมีศาลาท่าน้ำและมีเรือผูกไว้ เสมือนดั่งบ้านในกรุงที่มีโรงรถ
    ไม่ว่าจะไปกี่ครั้งกี่คราก็จะพบกับความรื่นรมย์ที่แสนจะประทับใจอย่างยิ่ง ๛

     
     

    จากคุณ : lek Isara - [9 ส.ค. 45 15:31:25 ]