บทที่ ๕
แผนการร้าย
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันนี้อาจจะเล่าให้ฟังสั้นไปหน่อย และเรื่องของมันท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเอง ข้าพเจ้าเล่าตามที่เรื่องมันเกิดขึ้น
คืนวันนั้นข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับ บางทีอาจเป็นเพราะความตื่นเต้นจากการยิงปืนอย่างหนักและต้องแข่งขันกับคนที่ข้าพเจ้าไม่ชอบหน้าผู้ที่โกงข้าพเจ้าเอาไว้ในอดีต ไม่ต้องไปพูดถึงความตึงเครียดของร่างกายท่ามกลางความหนาวเย็นและพายุที่แรงจัด หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าความคิดของข้าพเจ้าถูกก่อกวนจากการมาของคู่หูประหลาด ฮารุต และ มารุต ที่มาตามหาข้าพเจ้าจากสถานที่ห่างไกลถึงเจ็ดพันไมล์โดยที่เขาไม่รู้รายละเอียดอื่นใดของตัวข้าพเจ้ารู้เพียงแค่ชื่อพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือบางทีอาจเป็นเพราะภาพที่พวกเขาแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นเมื่ออยู่ใต้อำนาจควันจาก "ใบยา"ของพวกเขา-หรือจากการสะกดจิตของเขา-ยังค้างคารบกวนสมองของข้าพเจ้าอยู่
หรือว่าประการสุดท้าย ความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่คู่หมั้นคนสวยของเจ้าบ้านเล่าเรื่องในวัยเด็กของเธอให้ฟังซึ่งเธอยืนยันว่าไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลย และภายในชั่วโมงนั้นสองคนสำคัญที่พูดถึงก็มาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของข้าพเจ้าและตัวเธอ (และข้าพเจ้าอาจจะพูดได้ว่าเมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรกข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาต้องเป็นคนเดียวกัน) ก่อกวนและปั่นหัวข้าพเจ้าให้เกิดการนึกฝันไปเอง หรือว่าเรื่องทั้งหมดรวมกันทำให้เกิดผลทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายก็คือว่าข้าพเจ้านอนไม่หลับ
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่ข้าพเจ้านอนครุ่นคิดอยู่กับความรำคาญจากเสียงระฆังนาฬิกาบอกเวลาของปราสาทแรกนอลที่ครั้งหนึ่งมันเคยประดับอยู่ที่หอคอยของโบสถ์และจะตีบอกเวลาทุกสิบห้านาทีด้วยเสียงดังซ้ำ ๆ อันร้ายกาจ ข้าพเจ้าสรุปว่า ฮารุต กับ มารุต เป็นคู่หูชาวอาหรับพเนจรธรรรมดาอย่างเช่นที่ข้าพเจ้าเคยเห็นพวกนั้นเล่นกลอยู่ตามท่าเรือในอาฟริกา จากนั้นเมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาตอนสิบห้านาทีข้าพเจ้าสรุปว่าป่าช้าช้างที่เห็นจากอำนาจควันของใบยามีอยู่จริงอย่างไม่ต้องสงสัยและข้าพเจ้าต้องไปเอางาช้างที่มีค่าหลายพันปอนด์มาให้ได้ก่อนที่จะตาย ต่อมาอีกสิบห้านาทีหลังจากนั้นข้าพเจ้าสรุปว่ามันไม่มีป่าช้าช้าง-แม้ว่าสหายเก่าของข้าพเจ้า ด็อกกีตาห์ หรือว่าคุณพี่จอห์นเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าพเจ้าฟัง-แม้แต่ชาวพื้นเมืองที่เขาเคยกล่าวถึงที่มีชื่อเรียกว่าพวกเคนด้าห์ผู้นับถือเด็กหรือน่าจะเป็นรูปสลักของเด็ก
ตอนนี้เรื่องราวของชาวอียิปต์โบราณที่ข้าพเจ้ารู้จักเป็นอย่างดีเพราะเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าอ่านอย่างหลงไหลอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสพวกเขาก็นับถือทารกด้วยคือ ฮอรัสเทพผู้ปลดปล่อย และเทพทารกมีมารดาที่มีนามว่าเทวีไอซิสผู้มีสัญลักษณ์เป็นรูปจันทร์เสี้ยว เทวีผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ เทวีผู้เป็นเจ้าแห่งเวทย์มนต์ผู้ที่พระนับหมื่นบูชา ไม่เพียงแค่ เฮโรโดตัส กับคนอื่น ๆ เท่านั้นที่บอกเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อะพูลีอัส บอกพวกเราเอาไว้อย่างนั้น ? และโดยความบังเอิญอย่างน่าประหลาดคุณโฮลมส์ก็มีสัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวอยู่เหนือหน้าอกของเธอ และเมื่อตอนที่เธอเป็นเด็ก ชายสองคนนั้นหรือคนอื่นที่คล้ายพวกเขาเป็นอย่างมากได้ชี้รอยสัญลักษณ์ให้อีกคนดู และข้าพเจ้าได้เห็นพวกเขาจ้องมองอย่างไม่วางตาเมื่อคืนนี้ และในความฝันจากแรงกระตุ้นของควัน "ทารกสวรรค์" หรืออีกนัยหนึ่ง เทพฮอรัส หรือว่าฝาแฝดของเทพฮอรัส เทพคา ข้าพเจ้าคิดว่าชาวอียิปต์เรียกอย่างนั้น ตื่นขึ้นต่อหน้าเธอจุมพิตเธอและมอบสร้อยคอของเทพให้ และทั้งหมดนั้น มันหมายความว่าอย่างไรกัน ?
ข้าพเจ้าหลับไปในความงุนงงกับเรื่องสุดท้ายว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันนี่ จนกระทั่งในไม่ช้านาฬิกา[^_^]ส่งเสียงปลุกข้าพเจ้าขึ้นมาอีกและข้าพเจ้าต้องกลับไปสู่เรื่องผจญภัยอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนี้ใกล้จะเช้าอยู่แล้ว และข้าพเจ้ารู้สึกว่าความหวังที่จะได้นอนพักผ่อนหายไปจนหมดสิ้น แม้ว่าจะตื่นอยู่อย่างทรมานที่สุด และสิ่งที่มากไปกว่านั้นความรู้สึกอึดอัดจากความกลัวอย่างน่าประหลาดว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นกับคุณโฮลมส์ ความกลัวนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดข้าพเจ้าต้องลุกขึ้น จุดเทียนไขแล้วแต่งตัว และบังเอิญว่าข้าพเจ้ารู้ว่าคุณโฮลมส์นอนอยู่ที่ไหน ห้องที่เธอพักซึ่งข้าพเจ้าเห็นเธอเดินเข้าไปอยู่ระเบียงเดียวกับข้าพเจ้าตรงสุดทางเดินใกล้หัวบันไดที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันนำไปยังที่ใด ในหีบหนังของข้าพเจ้าที่ถูกส่งมาจากทางบ้านของคุณแมนเนอร์ ท่ามกลางของใช้ทั้งหลายเป็นปืนพกลำกล้องแฝดขนาดเล็กด้วยความเคยชินข้าพเจ้าบรรจุลูกกระสุนและดินปืนเอาไว้เสมอ นอกจากเชื้อปะทุที่เก็บเอาไว้ในกล่องหนังขนาดเล็กพร้อมกับลูกปืนและดินปืนสำรองที่คาดอยู่กับเข็มขัดปืน ข้าพเจ้าเอามันออกมาใส่เชื้อปะทุแล้วยัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของข้าพเจ้า จากนั้นย่องออกมาจากห้องแล้วยืนแอบอยู่ข้างหลังนาฬิกาเรือนสูงตรงทางเดิน เฝ้ามองไปที่ประตูห้องของคุณโฮลมส์ และเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าข้าพเจ้าจะเสียหายอย่างใดบ้างถ้าใครสักคนเกิดมาเห็นเข้า
สักประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาจากแสงของดวงจันทร์ที่กำลังจะตกลับไปซึ่งลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ข้าพเจ้าเห็นบานประตูเปิดออกแล้วคุณโฮลมส์ก้าวออกมา เธอยังคงสวมชุดนอนอยู่และยังสวมสายสร้อยที่ ฮารุต กับ มารุต มอบให้เธอเอาไว้ เจ้าสิ่งนี้ข้าพเจ้าแน่ใจจากแสงวูบวาบของหินสีแดง
อีกทั้งมันยังส่องประกายไปที่ใบหน้าของเธอแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอกำลังเดินละเมอ
เลื่อนลอยไปอย่างเงียบเชียบราวกับว่าเป็นภูตผีเธอเดินข้ามเฉลียงแล้วหายไป ข้าพเจ้าตามติดไปและทันเห็นว่าเธอเดินลงไปตามบันไดเวียนแบบโบราณที่ข้าพเจ้าเคยเห็นตามกำแพงของปราสาท ข้าพเจ้าตามหลังเธอไปถุงเท้าที่สวมอยู่ช่วยให้ไม่เกิดเสียง คลำทางไปอย่างระมัดระวังในความมืดของบันไดเพราะว่าข้าพเจ้าไม่กล้าจุดไม้ขีด เบื้องล่างข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนกำลังควานหากลอนประตู จากนั้นเสียงบานประตูลั่นเอียดจากบานพับแล้วมีแสงสว่างสาดเข้ามา เมื่อข้าพเจ้ามาถึงช่องประตูมองเห็นร่างของคุณโฮลมส์ โผข้ามท้องร่องสวนที่เป็นคูของกำแพงปราสาทซึ่งน้ำแห้งไปแล้ว สวนที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นเมื่อพวกเราเดินผ่านไปยังจุดซุ่มยิงจุดแรกที่เรายิงปืนเมื่อวานนี้ ปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้เตี้ย ๆ มีทางเดินนำไปยังถนนทางด้านหลังของปราสาท
ข้ามสวนไปร่างของคุณโฮลมส์ล่องระลิ่วไปและข้าพเจ้าตามหลังไปติด ๆ หมอบกำบังตัวไปข้างหลังพุ่มไม้ราวกับว่ากำลังติดตามล่าสัตว์ใหญ่ซึ่งข้าพเจ้าทำเหมือนอย่างนั้นจริง ๆ เธอผ่านเข้าไปตามหมู่ไม้เตี้ย ๆ และตอนนี้เธอไปเร็วยิ่งขึ้น เพราะว่าเธอยิ่งไปยิ่งเร็วขึ้นเหมือนกับก้อนหินที่กลิ้งลงจากภูเขา มันราวกับว่ามีอะไรบางอย่างดึงดูดเธอ เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่าเธอต้องถูกเรียกตัวด้วยอะไรบางอย่างที่เพิ่มความแรงบนความหลับไหลของเธอมากยิ่งขึ้นทุกทีเมื่อเธอเข้าไปใกล้มัน เป็นชั่วครู่ร่างของเธอหายไปในร่มเงาของต้นไม้สูง จากนั้นโดยทันใดข้าพเจ้าเห็นเธออีกครั้งหนึ่ง ยืนอยู่เกือบนิ่งในที่โล่งจากการปะทะของสายลมที่พัดไปตามแนวของต้นเอ็ลมอันเป็นแนวเขตของถนนด้านหลัง แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วเพราะสองร่างในเสื้อคลุมที่ก้าวเข้าไปหาเธอข้าพเจ้าจำได้ว่าเป็น ฮารุต กับ มารุต
เธอยืนอยู่ตรงนั้นสองแขนยื่นไปข้างหน้า และใกล้เธอเข้ามาก้าวย่างมาเหมือนกับสิงโตที่ย่องเข้าหากวางคือ ฮารุต กับ มารุต มากไปกว่านั้นระหว่างคาคบของต้นเอ็ลมที่โค่นลงมาข้าพเจ้าเห็นบางสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนรถม้ามีประทุนปิดจอดอยู่บนถนน อีกทั้งข้าพเจ้าได้ยินเสียงกีบเท้ามากระทืบลงบนพื้นที่เป็นน้ำแข็ง ข้าพเจ้าวิ่งอ้อมไปตามแนวขอบของที่โล่งไม่กว้างนักระวังตัวให้อยู่ในเงามืด ระหว่างที่วิ่งไปข้าพเจ้าขึ้นนกปืนที่ยังอยู่ในกระเป๋า โดยทันทีข้าพเจ้าโผล่พรวดออกไปและยืนอยู่ระหว่าง ฮารุต กับ มารุต และคุณโฮลมส์
พวกเราไม่พูดอะไรกันสักคำ ข้าพเจ้าคิดว่าภายใต้จิตสำนึกของพวกเราทั้งสามคนกังวลที่จะไม่ปลุกให้ผู้หญิงตื่นขึ้นมา รู้ดีว่าถ้าเราทำอย่างนั้นจะเป็นภาพที่ตื่นตระหนกมาก หลังจากที่เขาเคลื่อนตัวเข้ามาหาข้าพเจ้าเพื่อยืนขนาบข้าง แน่นอนว่าไร้สาระ ฮารุต กับ มารุต ชักมีดโค้งรูปร่างน่ากลัวออกมาจากเสื้อคลุมแล้วก้มหัวให้ แม้แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ทิ้งความสุภาพ ข้าพเจ้าก้มหัวตอบและเมื่อข้าพเจ้ายืดตัวขึ้นเจ้านักเสี่ยงโชคชาวตะวันออกก็พบว่าข้าพเจ้าเล็งหัวใจของ ฮารุต ไว้ด้วยปืนของข้าพเจ้า จากนั้นด้วยสำเหนียกซึ่งมีอยู่ในจิตใจของผู้เจนโลก พวกเขาก็เห็นว่าเกมได้จบลงแล้วเพราะว่าข้าพเจ้าสามารถยิงเขาได้ทั้งสองคนก่อนที่คมมีดจะสัมผัสร่างข้าพเจ้า
"ครั้งนี้ท่านเป็นผู้ชนะ โอ ผู้พิทักษ์ยามราตรี" ส่งเสียงกระซิบมาจากฮารุตอย่างเบา ๆ "แต่คราวหน้าท่านจะต้องแพ้ สุภาพสตรีสาวสวยคนนั้นเป็นของเราและประชาชนชาวเคนด้าห์ขาว เพราะเธอมีเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ของดวงจันทร์เสี้ยว เสียงเรียกจากทารกแห่งสวรรค์ร่ำร้องอยู่ในจิตใจของเธอ และจะนำเธอกลับคืนสู่ดินแดนเทพทารกเช่นเดียวกับที่นำตัวเธอมาหาเราในคืนนี้ ตอนนี้ท่านพาเธอกลับไปเสียขณะที่ยังหลับอยู่ โอ ท่านผู้กล้าหาญและชาญฉลาด สมกับที่ได้ฉายาว่า ผู้พิทักษ์ยามราตรี"
จากนั้นพวกเขาจากไปและในไม่ช้าข้าพเจ้าได้ยินเสียงม้าวิ่งไปตามถนน
ชั่วขณะนั้นข้าพเจ้าลังเลใจว่าจะวิ่งออกไปยิงม้าดีหรือไม่ ข้อควรพิจารณาสองข้อตรึงข้าพเจ้าเอาไว้ ข้อแรกเลยถ้าข้าพเจ้าวิ่งออกไปยิง ปืนของข้าพเจ้าก็จะไม่มีลูกกระสุน หรือแม้แต่ว่าข้าพเจ้าจะยิงม้าไปตัวหนึ่งและเก็บลูกปืนอีกลำกล้องเอาไว้ข้าพเจ้าก็จะสังหารคนได้เพียงคนเดียว ปล่อยให้ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งป้องกันตัวจากคมมีดของอีกคนหนึ่ง ข้อพิจารณาประการที่สองคือว่าตอนนี้เหมือนกับในตอนแรกข้าพเจ้าไม่ปรารถนาที่จะปลุกคุณโฮลมส์ให้ตื่นขึ้นมา
ข้าพเจ้าคืบตัวเข้าไปหาเธอและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ลองจับมือที่ยื่นออกมาข้างหนึ่งของเธอดู เธอหันตัวและเดินมากับข้าพเจ้าเหมือนกับว่ารู้จักกันทั้งหมดนั้นเธอยังหลับสนิทอยู่ ดังนั้นเราจึงพากันเดินกลับไปที่ปราสาท ผ่านเข้าประตูที่ยังเปิดทิ้งอยู่ ขึ้นบันไดตรงไปยังห้องพักของเธอ ตรงธรณีประตูข้าพเจ้าปล่อยมือจากเธอ ภายในห้องมืดมากข้าพเจ้ามองไม่เห็นอะไรเลย แต่ข้าพเจ้าฟังจนได้ยินเสียงคนทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าเธอจะปลอดภัยไปชั่วขณะหนึ่ง ข้าพเจ้าปิดประตู บานประตูเป็นแบบที่ผลักออกมาสู่ด้านนอกแบบที่ทำกันในสมัยโบราณ ข้าพเจ้าจึงเอาโต๊ะตัวเล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างทางเดินมาขวางเอาไว้
จากคุณ :
Sv
- [14 ส.ค. 45 07:59:14 ]