*** THE IVORY CHILD *** เทวรูปงาช้าง *** บทที่ ๘ ออกเดินทาง

    บทที่ ๘
    ออกเดินทาง
     

    เย็นวันนั้นเมื่อหีบห่อสัมภาระถูกรื้อออกมาและเก็บเอาไว้ในโรงเก็บของเรียบร้อยแล้ว       และเตรียมการส่งบางหีบที่บรรจุพวกอาหารกระป๋องและของใช้อย่างอื่น ๆ อีกเอาไว้ก่อน        ซึ่งดูแล้วมันหนักเกินไปสำหรับรถบรรทุกของชาวสก็อต      ลอร์ดแรกนอลและข้าพเจ้าสนทนากันต่อ         อย่างแรกเลยเราแก้ห่อปืนออกและตรวจดูเครื่องกระสุนซึ่งมีเป็นจำนวนมากและยังจะมีเพิ่มมาอีก

     ปืนยิงช้างทุกชนิดวางเรียงรายกันไปอย่างสวยงาม        ราคาแพงที่สุดและฝีมือดีที่สุดที่เงินจะหาซื้อได้ในเวลานั้น         มันทำให้ข้าพเจ้าตัวสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่จ่ายไปเพื่อพวกมัน      ขณะที่ภาพของปืนที่ยืนพิงเรียงรายกันไปตามพนังห้องนั่งเล่นของข้าพเจ้าทำให้ผู้เฒ่าฮานส์ออกอาการปลื้มปิติ         เป็นเวลานานที่เขาพินิจพิจารณาดูพวกมัน       เอามือตบเบา ๆ ไปที่พานท้ายปืนทีละกระบอกและตั้งชื่อให้มันทุกกระบอกราวกับว่าพวกมันมีชีวิต        จากนั้นเปล่งเสียงร้องขึ้น

    "ด้วยอาวุธพวกนี้เจ้านายต้องสังหารปีศาจร้ายได้แน่       แต่ยังไงขอให้เจ้านายเอาดรุณีน้อยไปด้วย"-มันเป็นปืนเก่าแก่โปรดปรานของข้าพเจ้าและรูปร่างของมันเป็นเพียงแค่ของเล่น        แต่ถึงกระนั้นมันก็รับใช้ข้าพเจ้ามาเป็นอย่างดีในอดีต        สำหรับผู้ที่เคยอ่านเรื่อง "มารี" และ "บุปผาศักดิ์สิทธิ์" คงจะจำได้      "เพราะว่าเจ้านาย       ถึงอย่างไรเมียเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยพิสูจน์ให้เห็นอยู่เสมอว่าซื่อสัตย์กว่าสาวสวยวัยรุ่นที่ผู้ชายหาซื้อมาทีหลัง       แม้ว่าเธอจะมีข้อบกพร่องบ้าง      แต่ใครจะบอกได้ว่าผู้หญิงใหม่ปิดบังเอาไว้มากแค่ไหน     แม้ว่ามันจะมีรอยสักสวยงามเพียงใด ?    และเขาชี้ไปที่รอยแกะสลักอย่างสวยงามบนปืน

    ข้าพเจ้าแปลถ้อยคำพวกนี้ให้ลอร์ดแรกนอลฟัง         มันทำให้เขาหัวเราะซึ่งข้าพเจ้าดีใจเพราะจนถึงตอนนี้ข้าพเจ้ายังไม่เห็นแม้แต่รอยยิ้มของเขาเลย          ข้าพเจ้าขอกล่าวเพิ่มเติมถึงปืนล่าสัตว์พวกนี้ว่ามีไม่น้อยกว่าห้าสิบกระบอกเป็นปืนไรเฟิลชั้นดีสำหรับทางการทหาร       พวกมันเป็นปืนไรเฟิลลำกล้องโตของบริษัทสไนเดอร์ที่เพิ่งเปิดตัวเข้าสู่ตลาด         พร้อมกับปืนพวกนี้บรรจุมาในหีบดีบุกเป็นเครื่องกระสุนจำนวนมากมายมหาศาล          ถึงแม้ว่ากฎข้อบังคับจะไม่เข้มงวดนักเหมือนในตอนนี้        ข้าพเจ้าก็พบกับอุปสรรคเป็นอย่างมากในการเอาอาวุธพวกนี้ออกจากด่านศุลกากร            อย่างไรก็ดีลอร์ดแรกนอลมีหนังสือจากทบวงการเมืองขึ้นที่มีอำนาจปกครองแคว้นนาตาล       และการให้คำรับรองจากพวกเราว่าอาวุธพวกนี้จะใช้สำหรับป้องกันตัวในการเดินทางไปดินแดนที่ยังไม่ได้สำรวจเพียงอย่างเดียวไม่ได้เอามาขาย      พวกมันทั้งหมดจึงได้รับการอนุญาตให้นำเข้ามาได้          โชคดีที่พวกเรามารู้ในตอนหลังว่าเรื่องนี้ได้เตรียมการไว้ให้แล้ว

    คืนนั้นก่อนที่เราจะเข้านอนข้าพเจ้าเล่าให้ลอร์ดแรกนอลฟังถึงการเดินทางไปค้นหาบุปผาศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียด        ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความเพลิดเพลินมาก         อีกทั้งข้าพเจ้าเล่าถึงการผจญภัยของข้าพเจ้าที่สาหัสกว่าในการเป็นประธานของบริษัทเหมืองทองแท้จำกัดและจุดจบอันขมขื่นของมัน

    "มันให้บทเรียนว่า"      เขาให้ความเห็นเมื่อข้าพเจ้าเล่าจบลง       "คนที่เก่งกาจกับเรื่องหนึ่ง      ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งในเรื่องอื่นด้วย       สำหรับคุณผมขอตัดสินว่าเป็นนักยิงปืนฝีมือดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง        และคุณยังเป็นนายพรานผู้ยิ่งใหญ่และนักสำรวจ       แต่เมื่อมาทำงานบริษัทมันก็พังไม่ได้เรื่อง ควอเตอร์เมน !   แต่ว่า"  เขากล่าวต่อไป   "ผมควรจะขอบคุณบริษัทเหมืองทองแท้      เพราะถ้าไม่ได้เป็นเพราะมันและเพื่อนขี้โกงของคุณ นายยาคอบ       ผมคงไม่ได้พบกับคุณ"

    "ไม่ใช่หรอก"     ข้าพเจ้าตอบ     "บางทีคุณอาจไม่ได้พบอยู่ดี       เพราะเมื่อถึงตอนนี้ผมอาจจะไปไกลในใจกลางทวีปที่ไม่อาจหาร่องรอยพบและจดหมายส่งไปไม่ถึง"

    จากนั้นเขาสอบถามอีกเล็กน้อยถึงกิจการของบริษัท        บันทึกคำตอบของข้าพเจ้าลงไปในสมุดบันทึก       ข้าพเจ้าคิดว่ามันดูแปลกแต่สรุปว่าเขาคงปรารถนาที่จะตรวจสอบคำพูดของข้าพเจ้าก่อนที่จะมีมิตรภาพใกล้ชิดกับข้าพเจ้า        เพราะเท่าที่เขารู้ข้าพเจ้าอาจเป็นจอมโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและแถมยังเป็นคนขี้โกงอีกด้วย        ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่พูดอะไร        แม้ว่าข้าพเจ้าจะได้ยินจากคนที่อยู่รอบข้างในเช้าวันต่อมาว่าเขาไปเที่ยวสัมภาษณ์อดีตเลขานุการของบริษัทที่ล้มไปแล้ว

    อีกไม่กี่วันต่อมา    สำหรับข้าพเจ้าก็อาจกล่าวได้ว่าจบกับเรื่องนี้ไปแล้ว       วัตถุประสงค์อันน่าประหลาดของการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็กระจ่างสำหรับข้าพเจ้า       เช้าวันหนึ่งข้าพเจ้าพบว่ามีจดหมายกองอยู่บนโต๊ะ        เมื่อมองเห็นข้าพเจ้าต้องร้องครางรู้สึกอย่างแน่ใจว่าต้องมาจากพวกคนสิ้นหวังเกี่ยวกับเหมืองทองนรกนั้น        ด้วยความสงสัยและอยากจะเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายที่สุด       ชักจูงให้ข้าพเจ้าเปิดจดหมายฉบับแรกซึ่งปรากฏว่ามันมาจากผู้ถือหุ้นผู้เสนอให้ออกเสียงไว้วางใจข้าพเจ้าในการประชุมล้มเลิกกิจการ         เมื่ออ่านจดหมายจบลูกตาของข้าพเจ้าก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาที่จริงแล้วข้าพเจ้าเกือบจะเป็นลม      ข้อความในจดหมายมีว่า

    "ท่านที่นับถือ     ผมรู้ว่าได้ร่วมลงทุนกับคนที่ถูกต้องเมื่อผมได้พูดไว้เมื่อวันก่อนว่าคุณเป็นคนซื่อตรงที่สุด       ตอนนี้ผมได้รับเช็คส่งมาให้โดยทนายจากบัญชีของคุณ        จ่ายคืนมาให้อย่างครบถ้วนเต็มจำนวนที่ผมร่วมลงทุนกับบริษัทเหมืองทองแท้        และผมพูดได้แต่เพียงว่ามันมีคุณค่ากับผมมาก        เพราะบริษัทนั้นละลายเงินของผมไปจนหมดเกลี้ยง     ขอให้พระเจ้าประทานพรให้แด่คุณอัลลัน  ควอเตอร์เมน"  

    ข้าพเจ้าเปิดจดหมายฉบับอื่น ๆ อีก      ทั้งหมดก็มีข้อความแบบเดียวกัน        หัวหมุนไปหมดข้าพเจ้าออกไปที่นอกชาน       ที่นั่นข้าพเจ้าพบฮานส์ถือจดหมายอยู่ในมือและขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยอ่านให้เขาหน่อย       ข้าพเจ้าเปิดออกอ่าน       มันมาจากสำนักงานทนายความที่มีชื่อเสียงในเมืองและมีข้อความว่า

    "ในนามของนายอัลลัน  ควอเตอร์เมน      เราขอแนบใบสั่งจ่ายเงินมาให้ท่านเป็นจำนวน ๖๕๐ ปอนด์   เป็นเงินที่นำมาร่วมลงทุนกับบริษัท เหมืองทองแท้ จำกัด (อยู่ระหว่างการชำระบัญชี)    ตามจำนวนที่มีชื่อของท่านเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท      โปรดลงนามในใบรับแล้วส่งคืนมาให้เรา"

    ใช่แล้ว      มีใบสั่งจ่ายเงิน ๖๕๐ ปอนด์สเตอริงแนบมาด้วย !

    ข้าพเจ้าอธิบายเรื่องราวให้ฮานส์ฟัง       หรือน่าจะเป็นแปลข้อความในเอกสารให้กับเขา        กล่าวเสริมอีกว่า

    "เห็นไหมแกได้เงินกลับคืนมาแล้ว       แต่ว่าฮานส์ ฉันไม่เคยส่งเงินพวกนี้มาเลย       และฉันไม่รู้ว่ามันมาจากไหน"

    "มันเป็นเงินหรือเจ้านาย ?    ฮานส์ถามขึ้น    สำรวจดูใบสั่งจ่ายเงินอย่างสงสัย       "มันเหมือนกับกระดาษที่ฉันจ่ายเงินไปเหลือเกิน"

    ข้าพเจ้าอธิบายให้เขาฟังอีกครั้ง       กล่าวย้ำว่าข้าพเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

    "ดีแล้ว  เจ้านาย"      ฮานส์พูดขึ้น       "ถ้าเจ้านายไม่ได้ส่งก็ต้องมีใครสักคนส่งมา-บางทีอาจเป็นคุณพ่อนักเทสม์ของเจ้านาย       ซึ่งเห็นว่าเจ้านายกำลังลำบากและปรารถนาจะกู้ชื่อเสียงเจ้านายให้ขาวสะอาดอีกครั้ง      และตอนนี้เจ้านายโปรดเก็บมันไว้ในสมุดบันทึกให้ฉันด้วย       มิฉะนั้นแล้วฉันคงถูกยั่วยวนให้ไปซื้อเหล้า"

    "ไม่"      ข้าพเจ้าตอบ    "ตอนนี้แกเอาเงินไปซื้อผืนดินของแกกลับมา       หรือหาซื้อผืนดินแห่งใหม่       และแกไม่จำเป็นต้องไปดินแดนพวกแคนด้าห์กับฉันอีกแล้ว"

    ฮานส์คิดอยู่สักครู่จากนั้นอย่างตั้งใจเขาเริ่มฉีกใบสั่งจ่ายเงินออกเป็นชิ้น ๆ แต่ข้าพเจ้าก็แย่งเอามาได้ทันเวลาก่อนที่มันจะถูกทำลายไป

    "ถ้าเจ้านายจะตัดฉันออกเพราะเจ้ากระดาษแผ่นนี้"     ฮานส์พูด     "ฉันจะฉีกมันให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วกินมันเสีย"

    "แกมันโง่จริง ๆ"      ข้าพเจ้าพูดพร้อมกับยึดใบสั่งจ่ายเงินเอาไว้

    จากนั้นการสนทนาก็ถูกขัดจังหวะลง        คนที่มาไม่ใช่ใครเลยเป็นแซมมี่พ่อครัวเก่าของข้าพเจ้า       พอมาถึงเขาก็เริ่มพูดภาษาอันหรูหราของเขา

    "ความซื่อสัตย์อย่างดีเลิศที่ท่านจัดการมาคุณควอเตอร์เมน      ทำให้ผมขอบคุณอย่างที่สุด        ซึ่งที่จริงแล้วผมน่าที่จะใส่อะไรสักอย่างลงไปในอาหารของเจ้าคนขี้โกงยาคอบผู้หลอกลวงพวกเราทั้งหมด       ที่จะทำให้พวกมันปวดภายในท้องอย่างรุนแรงถ้าหากว่ามันไม่เป็นเรื่องอันตรายอย่างร้ายกาจ      หุ้นของผมในเหมืองทองก็ไม่มีติดค้างอีกแล้ว        แต่ค่าอาหารที่เจ้ายาคอบกับเพื่อนของเขา"

    ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าตัดบทเขาเสียแล้วรีบเผ่นหนี        เพราะว่าข้าพเจ้าเห็นผู้ถือหุ้นอีกหลายคนกำลังวิ่งรุดเข้าประตูมา        และเบื้องหลังพวกเขายังมีอีกสองคนงุ่มง่ามตามมาข้างหลัง        ตอนแรกข้าพเจ้าหลบเข้าไปในห้อง      และข้าพเจ้าคิดที่จะเอาจดหมายพวกนั้นหลบไปเสียให้พ้น       และขณะที่จัดการเก็บพวกมันก็เห็นว่ามีอยู่หนึ่งฉบับที่ยังไม่ได้เปิดออกดู        เกือบจะโดยอัตโนมัติข้าพเจ้าหยิบจดหมายออกมาจากซองและชำเลืองดูข้อความ       มันมีข้อความเหมือนกับฉบับที่ส่งถึง "นายฮานส์  ฮ็อตเต็นทอต"   เพียงแต่ว่ามีชื่อของข้าพเจ้าอยู่แทนที่ชื่อของฮานส์  และเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน ๑๕๐๐ ปอนด์     เป็นจำนวนค่าหุ้นที่ข้าพเจ้าร่วมลงทุน

    จากคุณ : Sv - [ 4 ก.ย. 45 09:53:07 ]