บทที่ ๙
พบกันที่ทะเลทราย
ตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ตั้งใจที่จะบรรยายการเดินทางอย่างละเอียดจนถึงดินแดนแคนด้าห์ หรือไม่อย่างนั้นก็ช่วงแรกของการเดินทาง มีเรื่องน่าสนใจพอสมควรระหว่างทางและเราได้ผจญภัยกับการล่าสัตว์บ้างเล็กน้อยรวมทั้งเรื่องอื่น ๆ อีกบางเรื่อง แต่มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเราจะเล่าอย่างมากมายจากการที่เราไปถึงสถานที่อย่างไม่ถูกเวลา แม้ว่าข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะจัดการกับเรื่องทั้งหมดนี้ให้บรรเทาลง หรือกล่าวให้กระจ่างหน่อยจากสาเหตุทางการเมืองทำให้ดินแดนแถบถิ่นนี้ไม่ค่อยจะสงบนักในตอนนี้ เราเดินทางผ่านดินแดนซูลูโดยไม่มีเรื่องยากลำบากแต่อย่างใด เพราะในถิ่นนี้ชื่อเสียงของข้าพเจ้ามีอำนาจเป็นที่ยอมรับไปทั่วและทุกเผ่าต่างร่วมมือช่วยเหลือข้าพเจ้า ด้วยเหตุนั้นข้าพเจ้าจึงส่งคนนำข่าวสามคนเป็นพวกลูกผสมอยู่ตามชายแดน เป็นพวกรูปร่างผอมบางแต่เดินทางได้อย่างรวดเร็ว เดินทางล่วงหน้าไปแจ้งข่าวแก่กษัตริย์ของชาวมาซิตูตามคำแนะนำของฮานส์ แจ้งข่าวแก่กษัตริย์ว่าสหายเก่าของเขา มะคูมะซาน ผู้พิทักษ์ยามราตรี และคนตัวเหลืองผู้มีฉายาว่า แสงสว่างในความมืด และจ้าวแห่งไฟ กำลังเดินทางมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง
อย่างที่ข้าพเจ้ารู้เราไม่สามารถนำเกวียนเดินทางเลยจากถึงทีนั่นไปได้เพราะมีแม่น้ำที่ชื่อลูบาขวางกั้นอยู่ ยานมีล้อทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปได้ ข้าพเจ้าจึงขอร้องให้กษัตริย์ส่งลูกหาบร้อยคนพร้อมกับทหารคุ้มกันเท่าที่จำเป็นมาพบกับพวกเราที่ชายฝั่งของแม่น้ำยังสถานที่เราทั้งคู่รู้กันอยู่แล้ว ข่าวสารเหล่านี้คนส่งข่าวแต่ละคนจะได้รับสัตว์เลี้ยงห้าตัวเป็นค่าตอบแทน มอบให้ตอนที่เขากลับมาหรือมอบให้กับครอบครัวของเขาถ้าเขาตายระหว่างทาง สัตว์เลี้ยงพวกนี้เราซื้อเอาไว้แล้วและให้อยู่ในความดูแลของหัวหน้าซึ่งเป็นญาติกับพวกเขา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นคนนำข่าวที่น่าสงสารพวกนี้ตายไปสองคน คนหนึ่งตายไปเพราะความหนาวเย็นในบึงที่เขาจะลัดทางไป และอีกคนหนึ่งตายไปกับคมเขี้ยวของสิงโตที่หิวโหย คนที่สามผ่านไปได้ข่าวส่งไปถึง
หลังจากที่พักอยู่สิบสี่วันทางตอนเหนือของดินแดนซูลู เพื่อให้เวลาพวกวัวที่เดินทางมาไกลจนผอมโซพักผ่อนให้สดชื่นขึ้นในท้องทุ่งอันอบอุ่นที่มีต้นหญ้าขึ้นอยู่มากมายแม้จะเป็นฤดูที่แห้งแล้ง เราเดินทางรุดหน้าต่อไปตามเส้นทางที่ฮานส์และข้าพเจ้ารู้จักดี ที่จริงแล้วมันเป็นเส้นทางเดิมที่เราใช้ตอนที่เดินทางกลับมาจากดินแดนมาซิตูหลังจากการค้นหาบุปผาศักดิ์สิทธิ์
เดินทางมาพร้อมกับพวกเราเป็นกองทัพย่อย ๆ ของลูกหาบซูลู แม้ว่าพวกเขาจะยากลำบากในการหาอาหารกินในท้องถิ่นที่ข้าวโพดไม่อาจหาซื้อได้ แต่ก็เป็นโชคดีในตอนท้าย เพราะว่าสัตว์เลี้ยงของเราเป็นจำนวนมากตายจากการกัดของแมลงเซทซีบังคับให้เราต้องทิ้งเกวียนไปเล่มหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าสัมภาระที่บรรทุกอยู่ต้องใช้คนแบกมา ในที่สุดเรามาถึงชายฝั่งของแม่น้ำ และตั้งค่ายพักแรมคืนตรงบริเวณที่มียอดหินสูงสามยอดที่พวกชาวพื้นเมืองเรียกว่า "สามพ่อหมอ" ซึ่งเราบอกให้คนส่งข่าวแจ้งแก่พวกมาซิตูมาพบพวกเราที่นี่ เป็นเวลาสี่วันเราติดอยู่ตรงนั้นเพราะฝนในใจกลางทวีปทำให้แม่น้ำไหลเชี่ยวจนไม่อาจข้ามไปได้ ทุก ๆ เช้าข้าพเจ้าปีนขึ้นไปบนยอดสูงสุดของ "พ่อหมอ" แล้วใช้กล้องส่องข้ามสายน้ำกว้างสีเหลืองออกไป สำรวจไปทั่วพื้นที่กว้างของราวป่าไกลออกไปด้วยความหวังว่าจะได้เห็นพวกมาซิตูกำลังเดินทางมาหาพวกเรา แต่ไม่พบเห็นใครสักคน ดังนั้นในตอนเย็นของวันที่สี่เมื่อแม่น้ำพอที่จะลุยข้ามไปได้ เราตัดสินใจที่จะข้ามไปในวันพรุ่งนี้ทิ้งเกวียนที่เหลือเอาไว้เพื่อให้คนขับเกวียนของเรานำกลับไปยังนาตาล เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะลากมันข้ามท้องน้ำที่มีแต่หินไปด้วย
ตรงนี้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น ไม่มีของรางวัลสักชิ้นเดียวที่จะจูงใจให้พวกลูกหาบชาวซูลูของเราสักคนยอมจุ่มเท้าลงแม่น้ำลูบาแห่งนี้ ด้วยสาเหตุบางอย่างที่ข้าพเจ้าไม่สามารถเค้นเอาออกมาจากพวกเขาได้พวกเขากล่าวว่ามีคำสาปสำหรับคนเชื้อชาติของเขา เมื่อข้าพเจ้าชี้ว่ามีชาวซูลูสามคนข้ามแม่น้ำไปแล้ว พวกเขาตอบว่าสามคนนั้นเป็นพวกครึ่งชาติ ดังนั้นสำหรับพวกเขาจึงโดนคำสาปเพียงครึ่งเดียว แต่พวกเขาคิดว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นคนหรือสองคนในพวกนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตายจากความผิดอันชั่วร้ายนี้
แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นเช่นนั้น ตามที่ข้าพเจ้ากล่าวไปแล้วคนนำข่าวที่น่าสงสารตายไปสองคน ข้าพเจ้าคิดว่าแม้มันจะไม่เกี่ยวข้องกับอาถรรพณ์ของแม่น้ำลูบา นี่จึงทำให้ความเชื่อถือผีสางของชาวอาฟริกายังมีอยู่ ไม่ช้าก็เร็วจะมีบางคนพูดถึงเรื่องนี้และตัวอย่างที่เกิดขึ้นจะถูกจดจำและถ่ายทอดไปสู่ลูกหลาน ขณะที่ตัวอย่างประการอื่นที่เกิดขึ้นอย่างไม่ใช่เรื่องผิดปกติธรรมดาจะไม่ได้รับการสนใจหรือว่าถูกลืมไป
การตัดสินใจของพวกซูลูโง่เง่าพวกนี้ทำให้พวกเรากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะแบกสัมภาระและอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนข้ามแม่น้ำโดยไม่มีคนช่วย แต่ข้าพเจ้าต้องยินดีเมื่อก่อนอรุณจะรุ่งของเช้าวันที่ห้ามนุษย์กลางคืนฮานส์คลานเข้ามาในเกวียนทางด้านท้ายที่ลอร์ดแรกนอลและข้าพเจ้านอนอยู่ และแจ้งเราว่าเขาได้ยินเสียงคนที่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำ แม้ว่าเขาจะได้ยินผ่านเสียงคำรามของแม่น้ำอันเชี่ยวกรากได้อย่างไรอยู่เหนือความเข้าใจของข้าพเจ้า
เมื่อแสงแรกของอรุณฉายขึ้นเราปีนขึ้นไปบนยอดสูงสุดของ "พ่อหมอ" อีกครั้งมองจ้องฝ่าหมอกออกไป ในที่สุดพวกมันก็ม้วนตัวออกไปและที่นั่นบนอีกฝากหนึ่งของแม่น้ำข้าพเจ้าเห็นคนสักร้อยคนจากเครื่องแต่งตัวและหอกของพวกเขาข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นพวกมาซิตู พวกเขาก็เห็นข้าพเจ้าเช่นเดียวกันต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี พากันฝ่าลงมาในสายน้ำกอดเอวของแต่ละคนเอาไว้ป้องกันไม่ให้กระแสน้ำพัดพาไป ขณะเดียวกันซูลูงี่เง่าของพวกเราต่างคว้าหอกลงไปตั้งแถวรับอยู่ที่ริมตลิ่ง ข้าพเจ้าไถลตัวลงมาทางด้านชันของ "พ่อหมอ" แล้วรีบวิ่งไปตะโกนบอกว่าพวกที่มาเป็นเพื่อน
"เพื่อนหรือศัตรูก็เหมือนกัน" ตอบกลับอย่างขุ่นเคืองจากหัวหน้าของพวกซูลู "มันน่าเสียดายที่เราเดินทางมาตั้งไกลแล้วไม่ได้สู้กับพวกชาติหมามาซิตู"
ข้าพเจ้าจึงบังคับพวกเขาให้ไปอยู่ที่ไกลออกไป ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากัน จากนั้นจึงลงไปที่ชายฝั่งแม่น้ำ ตอนนี้พวกมาซิตูใกล้เข้ามาแล้ว และด้วยความยินดีผู้ที่นำหน้ามาข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่ใช่ใครอื่นเลยเป็นสหายเก่าของเราแม่ทัพตาเดียวบาเบมบาซึ่งฮานส์และข้าพเจ้าร่วมผจญภัยมาด้วยกันหลายครั้ง โผตัวฝ่ากระแสน้ำมาด้วยการรัดตัวกันเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเมื่อมาถึงชายฝั่งแสดงความยินดีกับข้าพเจ้าด้วยความลืมตัวอย่างแท้จริง
"โอ มะคูมะซาน" เขากล่าว "ฉันมีความหวังอันริบหรี่เหลือเกินว่าจะได้เห็นหน้าท่านอีกครั้ง ยินดีต้อนรับท่านสักพันครั้ง และเจ้าด้วย แสงสว่างในความมืด จ้าวแห่งไฟ คนฉลาดที่มีไหวพริบช่วยพวกเราเอาไว้จากสงครามที่หน้าประตู แล้วด็อกกีต้าห์ วาซิลา และมารดากับธิดาแห่งบุปผาอยู่ที่ไหน ?
"พวกเขาข้ามผืนน้ำสีดำไปอยู่ที่ไกลมาก บาเบมบา" ข้าพเจ้าตอบ "แต่มีผู้มาแทนพวกเขาสองคน" และข้าพเจ้าแนะนำเขาแก่ลอร์ดแรกนอล และเซาเวจ ด้วยชื่อพื้นเมืองของพวกเขา อิกีซา และ บีนา
บาเบมบาพิจารณาพวกเขาอยู่สักครู่แล้วพูดขึ้น
"คนนี้" ชี้ไปที่ลอร์ดแรกนอล "เป็นหัวหน้าที่ยิ่งใหญ่ แต่คนนี้" ชี้มือไปที่เซาเวจ ซึ่งแต่งตัวดีกว่ามาก "เป็นไก่แจ้ที่ประดับกายด้วยขนนกอินทรีย์" ความเห็นอันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้แปลให้เขาฟัง แต่มันทำให้ฮานส์หัวเราะคิกคักอย่างไม่มีความหมาย
ขณะที่เรากินอาหารเช้าที่เตรียมให้โดย "พ่อไก่แจ้"ซึ่งในข้อดีหลาย ๆ อย่างเขาเป็นพ่อครัวที่เยี่ยมยอดมาก ข้าพเจ้าได้ฟังข่าวทั้งหมด กษัตริย์เบาซีเสียชีวิตไปแล้วและผู้สืบทอดตำแหน่งต่อมาเป็นบุตรชายของเขาคนหนึ่ง ใช้ชื่อว่าเบาซีเช่นเดียวกันและข้าพเจ้าจำเขาได้ เมืองบีซาได้สร้างขึ้นใหม่หลังจากถูกเผาทำลายไปด้วยไฟที่เผาพวกพ่อค้าทาส พร้อมด้วยป้อมปราการที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน สำหรับพวกพ่อค้าทาสไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย รวมทั้งพวกปองโกด้วย ขณะที่พวกมาซิตูกล่าวว่าปีศาจของพวกปองโก หรือว่าเหยื่อของพวกมันยังคงหลอกหลอนอยู่บนเกาะในทะเลสาป ทั้งหมดมีแค่นั้นไม่นับรวมข่าวร้ายของผู้ส่งข่าวสองคนของเรา โดยที่คนที่สามซึ่งกลับมาพร้อมกับพวกมาซิตูรายงานให้เราทราบ
หลังจากกินอาหารเช้าแล้วข้าพเจ้าไปพูดกับพวกซูลูแล้วส่งพวกเขากลับไป แต่ละคนได้รับสินค้าเป็นของกำนัลกลับไปอย่างจุใจ ให้พวกเขาช่วยดูแลเกวียนที่เหลืออยู่และคนรับใช้ของเราด้วย พร้อมด้วยความโล่งใจที่ไม่มีพวกเขาสักคนอยากที่จะไปไกลกว่านี้ พวกเขาต่างร้องเพลงอำลา แสดงความคารวะและจากไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นฉายแสง แต่ยังคงหันกลับมามองอย่างกระหายเลือดที่พวกมาซิตู และเราก็โล่งใจที่พวกเขาคนสุดท้ายจากไปโดยไม่มีการหลั่งเลือดหรือเรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด
จากคุณ :
Sv
- [
13 ก.ย. 45 10:45:40
]