กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ ณ หมู่บ้านอันอบอุ่นทางทิศใต้
ในฤดูกาลที่ดวงตะวันทอแสงอย่างสดใส และข้าวสาลีสีทองออกรวงเต็มท้องทุ่ง
เป็นช่วงเวลาที่บ้านของคนทำขนมปังจะหอมกรุ่นไปด้วยขนมปังอบใหม่ๆ
ที่จะหอมอร่อยกว่าช่วงเวลาไหนๆ
และถ้าใครมีโอกาสเดินผ่านบ้านคนทำขนมปังใกล้ๆ
จะได้ยินเสียงเพลงแห่งความสุขใจ แว่วอยู่ในเสียงครืดคราดของกังหันโม่แป้ง
" โม่ข้าวสาลีสีทอง ให้กองเป็นแป้งสีขาว
อบขนมหอมกรุ่นจากเตา ก้อนขาว กลมฟู ดูน่ากิน"
นี่คือเคล็ดลับของคนทำขนมปัง
ที่ทำให้ขนมปังของเขาอร่อยกว่าใครๆ
เพราะเขาทำขนมปังด้วยความสุขใจ
ซึ่งเหมือนมนต์วิเศษที่ไม่ว่าจะใช้ทำอะไรก็จะได้สิ่งที่พิเศษเสมอ
โดยเฉพาะขนมปังก้อนแรกของวัน ที่เขาตั้งใจทำเป็นอาหารเช้าของลูกสาว
" เด็กหญิงเล็กๆที่โชคดี " คนในหมู่บ้านเรียกเธออย่างนั้น
และเด็กหญิงลูกสาวคนทำขนมปังก็ชอบใจ
ทุกๆเช้าเธอจะเอาตะกร้าใส่ขนมปังที่อบใหม่ๆคล้องแขนออกจากบ้านไปเพื่อเดินเล่น
" ช่างเป็นขนมปังที่วิเศษจริงๆ "
เด็กหญิงคิดพลางเคี้ยวขนมปังอุ่นๆละมุนลิ้น
" อืม อืม อร่อยและหอม "
เธอพึมพำกับตัวเองอย่างมีความสุข
ขณะกำลังจะยกขนมปังอีกครึ่งก้อนขึ้นมากัด
เด็กหญิงก็เหลือบไปเห็นเด็กชายเล็กๆคนหนึ่ง ซุกตัวพิงลังหน้าตรอกแคบๆข้างร้านขายลูกกวาด
หน้าของเด็กชายมอมแมมซูบตอบ ตาที่มองสบกับเธอนั้นลึกโหล
ในมือของเด็กชายที่อดโซ ประคองถ้วยปากบิ่น
ที่มีเพียงน้ำซุบจางๆกับเศษข้าวโพดลอยอยู่ในนั้น
" เด็กผู้ชายคนนั้นท่าทางจะหิว "
เด็กหญิงคิดและมองขนมปังในมืออย่างลังเลใจ
" มันเป็นขนมปังที่วิเศษเกินกว่าจะยกให้ใคร "
สุดท้ายเธอบออกกับตัวเองอย่างนั้น และเดินผ่านโดยไม่หันไปมองเด็กชายอีก
เมื่อกลับถึงบ้าน เด็กหญิงเอาเรื่องเด็กชายหิวโซที่พบระหว่างทางไปเล่าให้พ่อฟัง
แรกทีเดียวคนทำขนมปังคิดจะแบ่งขนมปังที่ทำไว้ไปให้เด็กชาย
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ
"บางทีคงถึงเวลาที่ต้องสอนให้เด็กหญิงเล็กๆคนนึงมีหัวใจของการแบ่งปัน "
คนทำขนมปังคิด
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเด็กหญิงตื่นขึ้นมา
เธอก็พบว่า ไม่มีขนมปังในตะกร้าเหมือนเช่นเคย
บนโต๊ะตัวใหญ่มีเพียงซุปข้าวโพดน้ำใสๆถ้วยนึงวางไว้
เด็กหญิงจึงได้แต่รับประทานลงไปประทังหิว
แต่มันก็ไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นนัก ท้องก็ยังร้อง ตาก็ยังลาย
และไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกไปวิ่งเล่นที่ไหน
จึงได้แต่งรอให้ถึงเวลาสายที่คนทำขนมปังจะกลับเข้ามาพักรับประทานอาหารที่บ้าน
" วันนี้พ่อลืมวางขนมปังไว้ให้หนูเหรอจ๊ะ "
เด็กหญิงเงยหน้าถามทันทีที่พ่อของเธอกลับมาถึง
" โอ ลูกรัก พ่อไม่ได้ลืมหรอกจ้ะ เพียงแต่พ่ออยากให้ลูกรอกินขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลกต่างหาก"
"ไหนหรือคะพ่อ " เด็กหญิงถามนัยตาเป็นประกาย
คนทำขนมปังล้วงขนมปังที่ทำสุกใหม่ๆจากห่อผ้า
แต่มันเป็นเพียงขนมปังธรรมดาๆแถมตรงขอบยังมีรอยไหม้
เด็กหญิงมองขนมปังก้อนนั้นอย่างประหลาดใจ รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่ขนมปังของพ่อ
แต่เธอก็เพียงกล่าวขอบคุณและรีบรับมารับประทาน
" อืมๆอร่อยจัง นี่ขนมปังอะไรจ๊ะ มันอร่อยที่สุดในโลกจริงๆด้วย "
เด็กหญิงร้องถามทั้งๆที่ขนมปังยังเต็มปาก
"เป็นขนมปังธรรมดาๆนั่นล่ะจ้ะ ถ้าหนูไม่หิวอย่างนี้ หนูคงไม่ชอบแน่ๆ
แต่เวลาที่คนเหิวนั้น มันแสนจะทรมาน ขนมปังธรรมดาๆก็มีค่าเท่ากับขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลกได้ "
คำตอบของพ่อทำให้เด็กหญิงนึกถึงเด็กชายอดโซ ถ้าเธอหิว เค้าคงหิวมากกว่า
และถ้าหากเค้าได้กินขนมปังบ้าง มันคงยิ่งอร่อยกว่าขนมปังก้อนไหนๆ
ที่สำคัญมันคงช่วยให้เค้าลดความหิวอันแสนทรมานได้
" พ่อจ๊ะ พ่อจะว่าอะไรไหม ถ้าหนูจะเอาขนมปังของหนูไปแบ่งให้เด็กผู้ชายคนเมื่อวาน "
"ทำไมลูกคิดว่าพ่อจะว่าล่ะจ๊ะ "
" เพราะนี่เป็นขนมปังที่วิเศษเกินกว่าจะยกให้ใคร "
" ไม่จริงหรอกลูก ขนมปังที่วิเศษที่สุดน่ะ คือขนมปังของน้ำใจ
ซึ่งไม่สำคัญว่าขนมปังนั้นจะเป็นขนมปังแบบไหน เพราะค่าของมันคือการที่ลูกรู้จักที่จะให้
และการแบ่งปันมากกว่า และพ่อคิดว่า ขนมปังของพ่อหรือขนมปังธรรมดาๆ
ถ้าลูกให้ไปก็จะทำให้เด็กชายมีความสุขมากๆได้เช่นกัน "
" ค่ะพ่อ " เด็กหญิงรับคำ แล้วถือตะกร้าขนมปังวิ่งตื๊อออกจากบ้านไป
เย็นนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน คนทำขนมปังเห็นลูกสาวยืนหน้าบานยิ้มรับเขาอย่างสดใส
เด็กหญิงเล่าให้พ่อฟังว่าเด็กชายดีใจเพียงใดและขนมปังก้อนนั้นอร่อยแค่ไหน
มันเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลกก็ว่าได้
เมื่อเด็กเล็กๆที่กำลังหิวสองคนนั่งกินด้วยกัน
หลังจากวันนั้น เด็กหญิงก็ได้เรียนรู้ว่า
บางสิ่งบางอย่างมีค่ามากกว่าที่เคยเป็นเมื่อได้ให้
ขนมปังเพียงก้อนเดียวที่เธอที่เธอให้ไปด้วยใจ ทำให้เธอได้มีเพื่อนรักคนใหม่
ทำให้เธอได้รู้จักความสุขของการให้
และทำให้ได้กินขนมปังที่อร่อยที่สุดในโลก
จากคุณ :
เจ้าหญิงน้อย
- [
14 ก.ย. 45 23:01:08
A:203.113.61.199 X:
]