เด็กชายใจดีกับเด็กหญิงขี้โมโห

    กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ ในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของเราเท่าไหร่
    เป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยผักผลไม้ต่างๆมากมาย
    เด็กๆในหมู่บ้านนี้จึงแข็งแรงและแจ่มใส เพราะได้กินผักผลไม้ทุกวัน
    เด็กแต่ละคนมีแก้มแดงเปล่งปลั่ง และชอบมาเล่นออกกำลังกลางแจ้งด้วยกัน
    ที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน

    เราคงนึกภาพออกว่า เมื่อเด็กๆหลายๆคนมาอยู่รวมๆกัน
    สนามเด็กเล่นแห่งนั้นจะน่าสนุกแค่ไหน
    มีการจับกลุ่มกันเล่นเกมต่างๆมากมาย
    เล่นไล่จับ เล่นซ่อนหา เล่นมอญซ่อนผ้า เล่นรีรีข้าวสาร
    เด็กทุกคนร่าเริงและเบิกบาน
    ยกเว้นเด็กหญิงขี้โมโห

    จริงๆแล้วเด็กหญิงไม่ได้มีชื่อว่าขี้โมโหหรอกนะ
    แต่เพื่อนๆต่างลืมชื่อจริงของเธอไปแล้วล่ะ
    เพราะเรียกเด็กหญิงขี้โมโหน่ะจำง่าย ก็ชื่อนี้มันเหมาะกับเธอจะตาย

    เธอโมโหเวลาที่ต้องรอเพื่อนๆที่มาสาย วันที่เธอมาสายเองเธอก็โมโห
    เธอโมโหเวลาเพื่อนๆไม่ยอมเล่นเกมที่เธออยากเล่น
    โมโหเวลาเล่นแพ้ โมโหเวลาที่ใครสักคนที่น่าสงสารลืมกติกา
    โมโหเวลาเพื่อนๆเบื่อที่จะเล่นกับเธอ

    ก็แน่ล่ะ ใครจะอยากเล่นกับคนที่โมโหอยู่ตลอดเวลา
    เด็กหญิงขี้โมโหที่น่าสงสาร ไม่เคยรู้เลยว่า เพื่อนๆรู้สึกกับเธอยังไง
    เธอจึงได้แต่แปลกใจที่คนที่เคยเล่นด้วยกลับหายหน้าไปทีละคนสองคน

    " ทำไมไม่มีใครอยากเล่นกับเราเลยนะ "
    เด็กหญิงรำพึงอย่างเศร้าสร้อย (แกมโมโห )

    " เป็นอะไรไปล่ะ เด็กหญิงขี้โมโห "
    เสียงนุ่มๆเบาๆดังขึ้นใกล้ๆ เด็กหญิงขี้โมโหใช้หลังมือป้ายน้ำตาก่อนหันกลับไป
    เด็กชายใจดีนั่นเองที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ

    " ฉันไม่เป็นไร แค่รู้สึกว่าเพื่อนๆไม่มีใครอยากเล่นกับฉัน "

    " ไม่เป็นไร ฉันจะเล่นเป็นเพื่อนเธอเอง ป่ะ เราไปเล่นกัน "
    เด็กชายใจดีว่าพลางฉุดมือเด็กหญิงขี้โมโหให้ลุกขึ้น

    " เบาๆสิ เธอทำให้ฉันเจ็บนะ "
    เด็กหญิงขี้โมโห โวยวาย แต่ก็ลุกตามเด็กชายไปแต่โดยดี

    หลังจากวันนั้น เด็กชายใจดีก็มาเล่นกับเด็กหญิงขี้โมโหทุกวัน
    แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหญิงขี้โมโหก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง เธอยังคงโมโหง่าย
    และไม่เคยรู้เลยว่าการกระทำของเธอได้ทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนคนเดียวของเธอไป
    ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เด็กชายใจดีก็ยังดีกับเธอเสมอ

    " เด็กชายใจดี เธอจะไปเล่นกับเด็กหญิงขี้โมโหทำไม มาเล่นกับพวกเราดีกว่า "
    ไม่ว่าเพื่อนๆจะชักชวนยังไง เด็กชายใจดีก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ

    " เด็กหญิงขี้โมโหที่น่าสงสาร ถ้าเธอยังไม่รู้สึกตัวแบบนี้ล่ะก็
    สักวัน แม้แต่เด็กชายใจดีก็คงต้องเลิกเล่นกับเธอ"

    เทพธิดาประจำตัวของเด็กหญิงขี้โมโหที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ ถอนใจ
    เธอต้องหาทางช่วยเด็กหญิงให้ได้
    เพราะหน้าที่ของเทพธิดาคือช่วยรักษาหัวใจของเด็กๆให้เต็มไปด้วยความสุข

    เทพธิดา คิด คิด คิด และในที่สุดก็คิดวิธีตักเตือนเด็กหญิงขี้โมโหได้
    " อาจจะเป็นวิธีที่รุนแรงสักหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้ "

    คืนนั้นเทพธิดาประจำตัวใช้ไม้วิเศษแตะจมูกของเด็กหญิงที่กำลังหลับฝัน
    และเมื่อตื่นขึ้นมาเด็กหญิงก็รู้สึกเหมือนว่า จมูกของเธอมีควันกรุ่นๆ

    " วันนี้อากาศร้อนจนเกินไป " เด็กหญิงคิดในใจพลางบิดขี้เกียจ
    และมือของเธอก็ไปปัดเชิงเทียนที่หัวเตียงล้มลง

    " เชิงเทียนอันนี้เกะกะจริง " เด็กหญิงคิดอย่างโมโห
    และทันใดนั้นมีกลุ่มควันและไฟพ่นออกมาจากจมูกของเธอ

    เด็กหญิงขี้โมโหตกใจมาก เธอวิ่งหนีออกจากบ้าน
    และไปเจอเด็กชายใจดีระหว่างทาง
    " เด็กชายใจดีๆ ช่วยฉันที ฉันเป็นอะไรไม่รู้ " เด็กหญิงขี้โมโหระล่ำระลักบอกเพื่อนรัก

    " เป็นอะไรไปล่ะ เด็กหญิงขี้โมโห " เด็กชายใจดีถามอย่างตกใจ

    " ก็บอกว่าไม่รู้ๆยังไงเล่า " เด็กหญิงเริ่มโมโหอีกครั้ง
    และแน่นอนมีไฟและกลุ่มควันออกมาจากจมูกของเธอ

    " โอ๊ย เด็กหญิงขี้โมโห ทำไมมีไฟออกมาจากจมูกของเธอล่ะ "
    เด็กชายใจดีร้องพลางกระโดดหลบสะเก็ดไฟที่กระเด็นมาถูกขา

    " ไม่รู้ๆๆๆ" ยิ่งเด็กหญิงขี้โมโหตะโกนอย่างหงุดหงิดเท่าไหร่ ไฟก็ยิ่งออกมามากขึ้นเท่านั้น

    " เด็กหญิงขี้โมโห เธอหยุดโมโหก่อนดีไหม ตะกี้ที่เธอยังไม่โมโห มันไม่มีไฟออกมานี่นา "
    เด็กชายใจดีแนะนำอย่างคนช่างสังเกต

    " ก็ได้ๆ " เด็กหญิงขี้โมโห พยายามสงบจิตสงบใจและควันไฟก็ลดลง

    " นั่นไงล่ะ ไฟลดลงแล้ว " เด็กชายใจดีร้องอย่างดีใจ
    และเมื่อเด็กหญิงขี้โมโหเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่า ขาของเด็กชายแดงและพองจากไฟที่เธอพ่นออกมา

    " เด็กชายใจดี ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอเจ็บ "

    " ไม่เป็นไรหรอก แต่ทีหลังเธอก็อย่าโมโหก็แล้วกัน เพราะฉันไม่รู้ว่าจะฝ่าควันฝ่าไฟไปเล่น
    กับเธอได้อย่างไร เห็นไหมๆ ฉันบอกเธอแล้วว่าโมโหมากไม่ดี "
    เด็กชายใจดีแหย่เพื่อนรัก แต่เด็กหญิงขี้โมโหฟังแล้วกลับรู้สึกโมโหนิดๆและอุ่นๆที่จมูกหน่อยๆ
    ก่อนที่จะปล่อยให้ไฟพ่นออกมาทางจมูกอีกครั้ง เด็กชายใจดีก็ยิ้มกว้างจนเธอต้องพลอยยิ้มตอบ
    ไฟที่ทำท่าจะพ่นออกมาจึงมอดลง

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เด็กหญิงขี้โมโหก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มากขึ้น
    อาจจะมีบ้างบางครั้ง ที่จมูกของเธอเริ่มมีควันกรุ่นๆ
    แต่พอเธอนึกได้ว่าจะเกิดอะไรตามมาถ้าเธอโมโห
    เธอก็จะใจเย็นลงจนไฟนั้นดับไป และเพื่อที่จะไม่ต้องโมโหและพ่นไฟ
    เด็กหญิงจึงเรียนรู้ที่จะมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เธอรู้สึกไม่ถูกใจ
    พยายามเข้าใจว่าบางครั้งเพื่อนๆก็แค่แหย่เธอเล่น
    และคนเราล้วนทำผิดกันได้ ถ้าเพื่อนๆผิดจริงเธอก็ควรที่จะยอมให้อภัย
    เด็กหญิงขี้โมโหจึงกลายเป็นเด็กหญิงคนใหม่ ที่ร่าเริง แจ่มใส อารมณ์ดี
    และมีเพื่อนรักมากมาย

    และแน่นอนหนึ่งในนั้นคือเด็กชายใจดี
    เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ  

    จากคุณ : เจ้าหญิงน้อย - [ 17 ก.ย. 45 07:50:58 A:202.183.138.209 X: ]