ขอโทษค่ะ แจ้งลบไม่ได้ด้วย เลยต้องขอขึ้นใหม่
เรื่อง"วันรถติด แท็กซี่ กับผีดูดเลือด"
ของมุระคะมิ ฮะรุกิ
" วันรถติด แท็กซี่ กับผีดูดเลือด"
 
เรื่องแย่ๆมักจะเกิดขึ้นซ้ำซ้อนกันเสมอ
ใครๆก็พูดกันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้นพอเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับตัวเราซ้ำๆซ้อนๆเข้าจริงๆ
มันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกแล้ว ไหนจะคลาดกับสาวที่นัดไว้
กระดุมเสื้อนอกหลุดหายไป จากนั้นจ๊ะเอ๋เข้ากับคนที่ไม่อยาก
เจอหน้าบนรถไฟ ฟันแมงเริ่มปวด ฝนเจ้ากรรมดันเทลงมา
พอขึ้นแท็กซี่ก็มาเจอรถติดเพราะอุบัติเหตุเข้าอีก ถ้ามีไอ้หน้าไหนมาพูดว่า
"เรื่องแย่ๆมักจะเกิดขึ้นซ้ำซ้อนกันเสมอแหละ
ผมคงชกหน้าไอ้หมอนั่นหงายท้องเป็นแน่ ต่อให้เป็นคุณคงทำเหมือนกัน
แหละ
ท้ายที่สุดแล้วเรื่่องธรรมดาที่ว่า ก็เป็นเช่นนี้เอง
 ดังนั้นการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างไร้ปัญหาจึงเป็นเรื่องยาก
จนบางครั้งทำให้ผมคิดว่า ถ้าเราเป็นพรมเช็ดเท้าหรืออะไรสักอย่าง
ที่สามารถนอนแผ่เล่นๆอยู่ได้ชั่วชีวิตคงจะดีไม่น้อย
 แต่เอาเข้าจริงๆ โลกของพรมเช็ดเท้าก็คงต้องมีเรื่องธรรมดา
มีความลำบากตามครรลองของพรมเช็ดเท้าเช่นกัน  เฮ่อ...ช่างแม่ม...เถอะ
เรื่องของเรื่องคือผมกำลังติดแหงกอยู่ในรถแท็กซี่บนถนนที่การจราจรติดขัดอย่างหนัก
ฝนตกกระทบหลังคารถดังเปาะแปะ เสียงติ๊กตอนมิเตอร์ขึ้นราคาทิ่มทะลวงสมองน้อยๆ
ของผมราวกับกระสุนลั่นจากปืนสัญญาณ
ให้ตายเถอะ...
ยิ่งไปกว่านั้นผมกำลังอดบุหรี่มาเป็นวันที่สามพอดี ไม่ว่าจะพยายามคิดหาเรื่องอะไรสนุกๆ
ก็นึกไม่ออกสักอย่าง ไม่รู้จะทำยังไงดี ผมเลยจินตนาการไปถึงขั้นตอนในการเปลื้องผ้าสาวเล่น
ก่อนอื่นถอดแว่น..นาฬิกา..สร้อยข้อมือทjีมีีเสียงดังกรุกกริก แล้วก็....
"คุณครับ.." จู่ๆคนขับแท็กซี่ก็โพล่งขึ้นมา เป็นตอนที่ผมเอื้อมมือไปถึงกระดุมเสื้อเม็ดแรกพอดี
"คุณว่าผีดูดเลือดมีจริงไหม"
"ผีดูดเลือด?..ปีศาจที่ดูดเลือดคนเป็นอาหารน่ะเหรอ?"
"นั่นแหละ..คุณว่ามันมีตัวตนจริงไหม"
"ไม่ได้หมายถึงคนที่ทำตัวเป็นผีดูดเลือด หรือว่าผีดูดเลือดที่เป็นอุปมาอุปไมย
ค้างคาวดูดเลือด หรือแวมไพร์ในหนังสยองขวัญ แต่หมายถึงผีดูดเลือดจริงๆน่ะหรือ?"
"แม่นแล้ว" โชเฟอร์พูดพลางขยับรถเคลื่อนไปข้างหน้าสักครึ่งเมตรได้
"ไม่รู้สินะ" ผมตอบ
"ไม่รู้ไม่ได้นะคุ้ณ..บอกมาเลยว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ"
ผมเลยตอบไปว่า "ไม่เชื่อ"
"คุณไม่เชื่อว่าผีดูดเลือดมีจริงใช่ไหม"
"ไม่เชื่อ"
ผมควักบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อมาคาบเล่นในปากโดยไม่จุดไฟ
"แล้ววิญญาณล่ะ..คุณเชื่อเรื่องวิญญาณหรือเปล่า?"
"รู้สึกวิญญาณจะมีจริงนะ"
"ไม่เอารู้สึกสิ บอกมาเลยว่าเยสหรือโน"
"เยส" ผมตอบอย่างเสียไม่ได้ "ผมเชื่อนะ"
"คุณเชื่อว่าวิญญาณมีจริง?"
"เยส"
"แต่ไม่เชื่อว่าผีดูดเลือดมีจริง?"
"โน"
"แล้วความแตกต่างระหว่างผีดูดเลือดกับวิญญาณคืออะไรล่ะ"
"วิญญาณคือความขัดแย้งทางทฤษฎีต่อตัวตนที่มีเลือดเนื้อไงล่ะ" ผมพูดส่งเดช
เรื่องแบบนี้ถนัดนักหละ
"หือมม.."
"แต่ว่าผีดูดเลือดคือการเปลี่ยนแปลงคุณค่าที่มีเลือดเนื้อเป็นแกนหลัก"
"หมายความว่าคุณยอมรับความขัดแย้งทางทฤษฎีแต่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงคุณค่า..
ว่างั้นเหอะ"
"ถ้าเรายอมรับอะไรที่มันยุ่งยากซับซ้อน ก็ไม่มีที่สิ้นสุดกันน่ะสิ"
"คุณเนี่ย..เข้าขั้นปัญญาชนเลยนะ"
"ฮ่าฮ่า..ก็ผมเรียนมหาวิทยาลัยตั้งเจ็ดปี"
โชเฟอร์ทอดสายตาไปยังแถวรถข้างหน้าที่ต่อเนื่องเรื่อยไปไม่จบสิ้น เขาหยิบบุหรี่มวนเรียว
ขึ้นมาจุดไฟ กลิ่นเมนทอลอบอวลไปทั่วรถ
"แต่ถ้าผีดูดเลือดมีจริงคุณจะว่ายังไง"
"ก็ยอมรับน่ะสิ"
"แค่นั้นเอง?"
"ไม่ได้หรือไง"
"ไม่ได้สิ ความเชื่อควรเป็นสิ่งสูงส่งกว่านั้นสิคุณ ถ้าเราเชื่อว่ามีภูเขา มันก็ต้องมีภูเขาอยู่
ถ้าเราเชื่อว่าไม่มีภูเขา ก็ไม่มีภูเขาอยู่"
...ฟังดูเหมือนเนื้อเพลงเก่าๆสักเพลงเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
"เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?"
"เป็นเช่นนั้นแหละ"
ผมคาบบุหรี่ที่ไม่ได้จุดไฟในปาก ถอนหายใจ
"แล้วโชเฟอร์ล่ะ..เชื่อว่าผีดูดเลือดมีจริงเหรอ"
"เชื่อสิ"
"ทำไมถึงเชื่อ?"
"จะทำไมล่ะ..ก็เพราะเชื่อน่ะสิ"
"พิสูจน์ได้หรือเปล่า?"
"ความเชื่ือกับการพิสูจน์เป็นคนละเรื่องกัน"
"จะว่าไปก็ใช่"
ผมเลิกต่อความ หันมาคิดถึงกระดุมเสื้อของสาวน้อยต่อ เม็ดที่หนึ่ง...เม็ดที่สอง....เม็ดที่สาม.....
"แต่ผมพิสูจน์ได้นะ" เขาว่า
"จริงรึ?"
"จริงสิ"
"พิสูจน์ยังไง"
"ก็ผมนี่แหละ คือผีดูดเลือด"
เราเงียบไปพักใหญ่ รถเคลื่อนตัวไปจากตำแหน่งเมื่อครู่ได้แค่ห้าเมตร
ฝนยังส่งเสียงดังเปาะแปะเช่นเดิม ตัวเลขบนมิเตอร์บอกราคาเลยพันห้าร้อยเยนไปแล้ว
"ขอโทษ...ขอยืมไฟแช็กหน่อยได้ไหม"
"เชิญครับ"
ผมรับไฟแช็กสีขาวจากมือแท็กซี่ จุดไฟที่ปลายบุหรี่ สูดเอานิโคตินที่ห่างเหินมาสามวันเข้าปอด
"ติดเอาเรื่องเลยนะนี่" แท็กซี่รำพึง
"นั่นสิ..."ผมว่า "ว่าแต่ว่า...เรื่องผีดูดเลือดน่ะ..."
"ครับ"
"คุณเป็นผีดูดเลือดจริง ๆ หรือ"
"จริงสิ...ผมจะโกหกไปหาสวรรค์วิมานอะไร"
"แล้วคุณ...เป็นผีดูดเลือดตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ได้สักเก้าปีแล้วละมั้ง...ตั้งแต่ปีที่แข่งโอลิมปิกมิวนิคพอดี..."
"เวลาเอ๋ยจงหยุดนิ่ง...เจ้าช่างงามพิลาศล้ำ..."
"นั่นแหละ.."
"ถามอีกหน่อยได้ไหม"
"เชิญครับ"
"ทำไมถึงมาเป็นคนขับแท็กซี่ได้ล่ะ?"
"เพราะผมไม่อยากยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์ของผีดูดเลือดน่ะสิ...
ทำไมผีดูดเลือดจะต้องสวมผ้าคลุม นั่งรถม้า อาศัยอยู่ในปราสาทด้วยล่ะ
ภาษีผมก็จ่าย ตรารับรองลายเซ็นต์ผมก็มี ดิสโก้ผมก็ไป ปาจิงโกะผมก็เล่น
มันแปลกตรงไหนรึ?"
"เปล่า...ไม่แปลกอะไรหรอก เพียงแต่ว่า...มันไม่ค่อยตรงกับที่ผมเคยคิดเท่านั้นเอง"
"คุณไม่เชื่อล่ะสิ..."
"หือ?"
"คุณไม่เชื่อว่าผมเป็นผีดูดเลือดใช่มั้ยล่ะ?"
"เชื่อสิ..." ผมรีบบอก "ถ้าเชื่อว่ามีภูเขา มันก็ต้องมีภูเขา"
"ถ้างั้นก็แล้วไป..."
"แล้วคุณดูดเลือดบ้างหรือเปล่า?"
"แน่ล่ะ...ผมเป็นผีดูดเลือดนี่นา"
"เลือดนี่มีแบบไหนอร่อยไม่อร่อยหรือเปล่า"
"มีสิครับ...อย่างคุณน่ะใช้ไม่ได้หรอก...สูบบุหรี่จัดไป"
"ผมหยุดมาได้พักนึงแล้วนะ แต่ศีลแตกจนได้"
"ถ้าจะดูดเลือด ต้องดูดเลือดผู้หญิงสาวๆมันถึงจะสะใจ"
"พอจะเข้าใจความรู้สึกอย่างคุณว่าอยู่หรอก...ไหนลองยกตัวอย่างสิว่า สมมติดารา
แบบไหนถึงจะอร่อย"
"(ใสบริสุทธิ์อย่าง) คิชิโมะโตะ คะโยะโกะ ดูน่าอร่อยนะ...ชิงเกียวจิ คิมิเอะก็น่าสน ที่ไม่น่าดูดก็
(ที่ดูกร้านโลก)อย่าง
โมะโมะอิ คะโอริ อะไรประมาณนั้น
"หวังว่าคุณคงได้ดื่มเลือดอร่อย ๆ นะ"
"ผมก็หวังอย่างนั้น"
เราแยกจากกันสิบห้านาทีหลังจากนั้น ผมกลับถึงห้อง เปิดไฟ หยิบเบียร์จากตู้เย็นออกมาดื่ม
จากนั้นหมุนโทรศัพท์หาหญิงสาวที่คลาดกัน ลองฟังดูหล่อนก็มีเหตุผลในการผิดนัด
เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้แหละ
"นี่...ว่าแต่...ระยะนี้ระวังตัวอย่าขึ้นแท็กซี่สีดำ ทะเบียนเนริมะจะดีกว่านะ"
"ทำไมเหรอ?"หล่อนถาม
"เดี๋ยวเจอคนขับแท็กซี่เป็นผีดูดเลือดน่ะสิ"
"เหรอคะ?"
"ใช่แล้ว"
"คุณเป็นห่วงฉันหรือ?"
"ใช่สิ"
"รถสีดำทะเบียนเนริมะใช่มั้ย?"
"ฮื่อ"
"ขอบคุณค่ะ"
"ยินดีครับ"
"ราตรีสวัสดิ์"
"ราตรีสวัสดิ์"
*****************************
จากคุณ :
micchibkk
- [
26 ก.ย. 45 17:27:14
A:203.107.192.221 X:
]