Jimmy และ เมืองขออะไรก็ได้ ( ตอนที่1 จดหมาย)Part2


    และแล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึง เสียงคุณนาฬิกาปลุกร้องเตือนเจ้าหนูน้อยเหมือนทุกๆเช้า
    “ สวัสดี Jimmy” --- “สวัสดี Jimmy” --- เจ้าหนูตื่นขึ้นพลางเอามือลูบหัวคุณนาฬิกาปลุกเพื่อบอกว่าเขาตื่นแล้ว  หนูน้อยJimmy ลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย เดินโซเซไปที่อ่างล้างหน้า เขาเริ่มล้างหน้า แปรงฟัน หวีผม และแต่งตัว เตรียมจะลงไปทานอาหารเช้ากับพ่อของเขา แต่ในทันใดนั้นความคิดทั้งหมดก็หยุดลง!!!ใช่แล้ว!!เขาเกิบจะลืมเลือนสิ่งที่สำคัญมากๆไปสะแล้วสิ    เจ้าหนูรีบวิ่งกลับไปที่เตียงนอนของเขา พลางคุ้ยหากระดาษจดหมายฉบับนั้น อะ! นั้นไงมันอยู่ใต้ผ้าห่มนะเอง เจ้าหนูรีบคว้าจดหมายมากำไว้ในมือแน่น แล้วก็รีบวิ่งรี่ลงไปที่ชั้นล้าง เอามืออีกข้างที่เหลืออยู่คว้าขนมปังปิ้งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร แล้วก็ใช้หลังผลักประตู กระโจนออกจากบ้านอย่างรีบร้อน จนขนาดที่เขาลืมที่จะกล่าวอรุณสวัสดิ์ กับพ่อของเขาด้วยซ้ำ         เจ้าหนูรีบวิ่งเร็วรี่ไปตาม ถนนหนึ่งสายเพื่อไปยังบ้านของ คุณตาเอื้อเฟื้อ และ คุณยายเผื่อแผ่ วิ่ง วิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง ขาวิ่งไปพลาง ก็กินขนมปังไปพลาง นั้นไง! ร้านของใช้เจ้าหนูค่อยๆวิ่งช้าลงแล้วหยุดอยู่ที่หน้าร้าน  
    ปิ๊ง ปิ๊ง ปุ๊ ปุ๊ มีแขกมาจ้า!!  ปิ๊ง ปิ๊ง ปุ๊ ปุ๊ มีแขกมาจ้า!! เสียงกริ่งของร้านของใช้ดังขึ้น ทำเอาสองตายายตกใจไม่น้อย
    “ใครกันนะมากันแต่เช้าอย่างนี้”  คุณเอื้อเฟื้อกล่าวขึ้นด้วยเสียงเบาๆ เหมือนกับบ่นพึมพับ “นั้นนะสิตา” คุณเผื่อแผ่กล่าวเสริมพลางเดินไปเปิดประตูให้แขกที่มาเยือน
    “ อ้าว สวัสดี Jimmy  มาทำอะไรแต่เช้าอย่างนี้ละ มีอะไรให้ช่วยไหม” คุณ เผื่อแผ่ กล่าวทักทายเจ้าหนูน้อย ด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจกับการมาเยื่อนของแขกตัวน้อย
    “ สวัสดีครับ คุณเอื้อเฟื้อ สวัสดีครับ คุณเผื่อแผ่” จิมมี่ ตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจ เล็กน้อย
    “ เอาๆ ยายพาเจ้าหนูมานั้งคุยกันข้างในมะ” คุณเอื้อเฟื้อ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเอื้ออารี  
    แล้วคุณเผื่อแผ่ก็ เอามือโอบไหล่จิมมี่เบาๆ พลางพา เจ้าหนูมานั่งที่ ม้านั่งเล็กๆทางด้านใน
    “ เอาละ..มีอะไรหรือจิมมี่” คุณเอื้อเฟื้อถามแล้วก็หันมามองทางจิมมี่
    “ คือ…..คือ…. ผมมีเรื่องอยากจะถามหน่อยนะครับ”  จิมมี่เริ่มพูดด้วยท่าทีเกรงใจ
    แล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ได้รับจดหมายจากคุณไปรษณีย์ ให้คุยเอื้อเฟื้อ และคุณเผื่อแผ่ฟัง แล้วก็ยื่นจดหมายนั้นให้ดู พอจิมมี่เล่าจบ ดูท่าคุณเอื้อเฟื้อ และ คุณเผื่อแผ่จะไม่ค่อยเข้าใจมันสักเท่าไรนัก จิมมี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและรู้สึกถึงความเปล่าประโยชน์ที่จะถามอะไรต่อไป (พวกเขาคงไม่รู้จัก เมืองขออะไรก็ได้ และคงจะ ไม่เคยได้รับจดหมายจากพระราชาแห่งเมืองขออะไรก็ได้เป็นแน่ แต่เอาเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว ไม่รองจะรู้ได้ไง….) เจ้าหนูน้อยคิดในใจ แล้วเขาก็รับจดหมายคืนจากสองตายาย
    “ เออ.. คุณเอื้อเฟื้อ ฮะ  คุณ เผื่อแผ่ ฮะ…. คุณ รู้ไหมฮะว่าเมืองขออะไรก็ได้นี้อยู่ที่ไหน แล้วผมจะไปที่นั้นได้อย่างไง??” เจ้าหนูน้อยถามด้วยเสียงเบาๆ เหมือนเตรียมใจไว้ผิดหวังกับคำตอบที่เขาจะได้ยิน  
    “ ไม่จิมมี่ เราทั้ง2ไม่รู้ และไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ  ขอโทษนะที่เราไม่รู้จะช่วยเจ้าได้ยังไง” คุณเอื้อเฟื้อตอบด้วยน้ำเสียงอารีอย่างเคย
    พลางเอามือลูบหัวของจิมมี่เบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ   เจ้าหนูทำหน้าเศร้าเขารู้สึกผิดหวังกับคำตอบที่ได้ยิน เขาค่อยๆลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างช้าๆ และกำลังจะเดินไปยังที่ประตูทางออก
    “ เออ…จิมมี่”--- เสียงของคุณเผื่อแผ่ ดังขึ้น
    เจ้าหนูหันหน้ากลับไปมองที่คุณเผื่อแผ่  ดวงตาของหนูน้อยเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
    “มีอะไรหรือครับ” จิมมี่ถามคุณเผื่อแผ่ด้วยเสียงเบาๆ  
    “ ทำไมเธอไม่รองไปถามคุณ ตุ๊ต๊ะ  กับคุณ ตุ้มตุ้ย ดูละจ๊ะ บางที่พวกเขาอาจเคยได้รับจดหมายแบบเดียวกับเธอก็ได้นะ” คุณเผื่อแผ่บอกกับจิมมี่  
    ทันใดนั้น ดวงตาของเด็กน้อยดูเหมือนจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที  
    “ ขอบคุณครับ” จิมมี่ตอบอย่างฉะฉานด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ
    แล้วเจ้าหนูก็รีบวิ่งรี่ออกจากประตูร้านของใช้ไปอย่างรีบร้อนปานจรวด  ตรงไปยังถนนหนึ่งสายอย่างเคย เพื่อที่จะไปยัง ร้านของกิน เราต้องขอย้ำกันอีกครั้งว่าเมืองไม่มีที่ไหนแห่งนี้มีถนนเพียงแค่สายเดียว นั้นก็คือ ถนนหนึ่งสายนะเอง เอาละเรามาดูเหตูการณ์กันต่อไป…   วิ่ง วิ่ง วิ่ง และ ก็ วิ่ง อย่างไม่ลดละ ตอนนี้ในหัวของจิมมี่เร่งอยากจะไปให้ถึงบ้านของคุณตุ๊ตะ และคุณตุ้มตุ้ยไว้ๆ
    ตอนนี้เจ้าหนูหยุดอยู่ที่หน้าร้านของกิน   เจ้าหนูยื่นมือไปกดกริ่งอย่างช้าๆ   ตุ๊ ตะ ลุ ตุ๊ ตะ มีคนมา  มีคนมา   ตุ๊ ตะ ลุ ตุ๊ ตะ มี คนมา มี คนมา  เสียงกริ่งของ ร้านของกินดังขึ้นเจ้าหนูรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าประตูนะเอง   ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง ตึ่งเสียงฝีเท้าของอะไรสักอย่างที่ดูจะตัวใหญ่มากๆ ดังขึ้น และดูเหมือนมันจะ ดังขึ้นเรื่อยๆ และหยุดลงตรงที่หน้าประตู  แอ๊ดดด… ประตูบานใหญ่เปิดออก สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของจิมมี่คือชายร่างมหึมา  เขาคือ คุณตุ๊ตะ นะเอง
    “ เชิญๆ หนูน้อย เชิญเข้ามาข้างในก่อน” คุณตุ๊ต๊ะ เรียกบอกจิมมี่  
    หนูน้อยเดินเข้ามาข้างในบ้านหลังมหึมา คุณตุ้มตุ้ย กำลังนั่ง ถักผ้าพันคอสีแดงสด อยู่บนม้านั่ง ที่ดูเล็กไปถนัดตาสำหรับผู้หญิงร่างยักษ์ อย่างเธอ
    “ อ่าว!! ว่าไงจะหนูน้อย พาเขามานั่งตรงนี้สิคะที่รัก” คุณ  ตุ้มตุ้ย ร้องบอกสามีของเธอ  
    จิมมี่ พยายามที่จะขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะสูงและ ใหญ่เกินไปสำหรับเด็กชายตัวเล็กๆอย่างเขา ในที่สุดคุณตุ๊ต๊ะ จึงต้องเป็นคนอุ้มเจ้าหนูน้อยขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ ก่อนที่เขาจะย้ายร่างอันใหญ่โตของเขา ไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ คุณตุ้มตุ้ย  
    “ เออ….คุณตุ๊ตะ คุณตุ้มตุ้ยครับ คือผมมีเรื่องอยากถาม”  จิมมี่เอ่ยขึ้น ด้วยเสียงอันดังเพราะเกรงว่า 2สามีภรรยาจะไม่ได้ยิน  
    “มีอะไรละจ๊ะจิมมี่ พูดเสียงเบาๆก็ได้พวกเราได้ยินจ๊ะ”  คุณ ตุ้มตุ้ย ตอบพลางยิ้มให้กับจิมมี่   จิมมี่เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้2สามีภรรยาร่างยักษ์ ฟัง  แต่ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาพบพวกเขา เพราะคำตอบยังคงเหมือนเดิม  เขาทั้งคู่ ไม่รู้จักเมืองขออะไรก็ได้ และไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าพระราชาของเมืองขออะไรก็ได้คือใคร  และไม่เคยได้รับจดหมายเหมือนกับจดหมายของจิมมี่มาก่อนเลย  แต่ก่อนที่จะลาจากกัน ทั้งสองได้แนะนำและบอกกับจิมมี่ว่าให้เขาไปถามคุณสะอาด เพราะคุณสะอาดเป็นผู้ที่รู้จักเส้นทางดีกว่าใครๆ….

    จากคุณ : หมากระป๋อง - [ 5 ต.ค. 45 21:12:33 A:203.149.41.199 X: ]