บทที่ ๑๖
ฮานส์ขโมยกุญแจ
สองสามชั่วโมงต่อมามีพวกแคนด้าห์ขาวมาที่บ้านนำปืนและปืนพกของลอร์ดแรกนอลและเซาเวจผู้น่าสงสารมามอบให้อย่างสุภาพมากเหลือเกิน พวกเขาบอกว่าพบมันถูกทิ้งอยู่บนพื้นหญ้าข้างภูเขา พร้อมกับตะเกียงตาวัวที่ลอร์ดแรกนอลโยนทิ้งไปตอนวิ่งหนี ของทั้งหมดนั้นข้าพเจ้ารับเอาไว้โดยไม่สอบถามอะไร เย็นวันนั้นเช่นเดียวกันฮารุตมาขอพบหลังจากที่เขาแสดงคารวะแล้วถามว่า บีนาหายไปไหนเพราะเขาไม่เห็นเลย ตอนนั้นเองความขุ่นเคืองของข้าพเจ้าก็ระเบิดออกมา
"โอ ! เจ้าเคราขาวจอมโกหก" ข้าพเจ้ากล่าว "แกรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาอยู่ในท้องของงูยักษ์ที่อยู่ในถ้ำของภูเขา"
"ท่านว่าอะไรนะ !" ฮารุตร้องขึ้นถามไปที่ลอร์ดแรกนอลด้วยภาษาอังกฤษตะกุกตะกักของเขา "พวกท่านไปเดินเล่นที่ถ้ำในภูเขาหรือ ? สงสัยว่าบีนาคงอยากเห็นงูยักษ์ เขาชอบงูมากเหลือเกิน ท่านรู้ไหมพวกมันก็ชอบเขา ท่านคงจำได้ที่พวกมันพากันออกมาจากกระเป๋าของเขาในบ้านของท่านที่ประเทศอังกฤษ ? ตอนนี้เขาคงรู้จักพวกงูดีแล้ว"
"เจ้าผู้ร้าย !" ลอร์ดแรกนอลร้องขึ้น "เจ้าฆาตกรฉันอยากจะฆ่าแกเสียตอนนี้เลย"
"ทำไมท่านถึงโทษฉัน เพราะว่างูกินคนของท่านไปอย่างนั้นหรือ ? งูที่น่าสงสารมันแค่ต้องการอาหารเท่านั้นเอง ถ้าท่านไปยังที่อยู่ของสิงโต สิงโตก็ฆ่าท่าน ถ้าท่านไปยังที่อยู่ของงู งูมันก็ฆ่าท่าน ฉันบอกท่านแล้วว่าอย่าไปที่นั่น ท่านก็ไม่ฟังฉัน ตอนนี้ฉันของบอกกับทุกคนเลย ไปที่นั่นได้ตามใจไม่มีใครห้ามท่าน บางที่ท่านคงฆ่างูได้ใครจะไปรู้ ? เพียงแต่ท่านโปรดอย่านำปืนไปด้วย ไม่อนุญาตให้นำไป เมื่อท่านเบื่อเมืองแล้วไปดูงูบ้างก็ได้ เพียงแต่จำไว้ว่านั่นไม่ใช่ทางไปวิหารของเทวรูป มีทางไปซึ่งท่านไม่มีวันหาพบ"
"ฟังทางนี้" ลอร์ดแรกนอลพูดขึ้น "มีประโยชน์อะไรที่จะมาเล่นตลกอยู่ ? ท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเรามาดินแดนชั่วร้ายของท่านทำไม เพราะฉันเชื่อว่าท่านลักพาตัวภรรยาของฉันมาเพื่อให้เป็นนักบวชของลัทธิชั่วร้ายหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ และฉันต้องการตัวเธอกลับคืนมา"
"เรื่องทั้งหมดนี้ผิดพลาดอย่างมหันต์" ฮารุตตอบอย่างนุ่มนวล "เราไม่ได้ขโมยสาวสวยที่ท่านแต่งงานด้วยมาเพราะเราพบว่าเธอไม่ใช่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และมะคูมะซานมาที่นี่ไม่ได้มาตามหาผู้หญิงแต่มาฆ่าช้างจานาและรับงาช้างเป็นค่าตอบแทนตามแบบพ่อค้าที่ดี ท่านมากับเขาอย่างเพื่อนที่เราไม่ได้เชิญเท่านั้นเอง จากนั้นท่านพยายามหาวิหารเทพของเราและงูที่เฝ้าประตูอยู่ฆ่าคนของท่านไป ทำไมเราจึงจะไม่ฆ่าท่านเสียเลย ?
เพราะว่าแกกลัวน่ะซิ ?" ลอร์ดแรกนอลตอบกลับอย่างอาจหาญ "ฆ่าฉันเลยถ้าแกกล้า และคอยรับผลตอบแทน ฉันพร้อมแล้ว"
ฮารุตมองดูเขาอย่างเลื่อมใส
"ท่านกล้าหาญมาก" เขากล่าว "เราไม่ปรารถนาจะฆ่าท่านและบางทีทุกอย่างอาจจบลงด้วยดี มีแต่เทวรูปเท่านั้นที่จะรู้ อีกทั้งท่านได้ต่อสู้กับพวกแคนด้าห์ดำเคียงข้างมากับเรา ดังนั้นท่านจะปลอดภัยนอกเสียจากว่าท่านจะโง่จนไปหางูที่ถ้ำ มันเป็นงูที่หิวโหยและไม่ช้ามันก็ต้องการอาหารอีก เจ้าจงฟัง แสงสว่างในความมืด จ้าวแห่งไฟ" เขาพูดต่อทันทีหันไปทางฮานส์ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ บิดหมวกของเขาเล่นด้วยใบหน้าเฉยเมยเหมือนกับไม้กระดาน "เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม มันเป็นงูที่หิวมาก และแกจะเป็นอาหารว่างของมัน"
ฮานส์กรอกดวงตาสีเหลืองเล็ก ๆ ของเขาโดยไม่หันหัวไปด้วยจนมันตรงกับหน้าอันผึ่งผายของฮารุต แล้วจึงตอบด้วยภาษาบันตู
"ฉันได้ยินแล้ว เจ้าเคราขาวจอมโกหก แต่ว่าฉันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ? จานาเป็นศัตรูกับฉันเพราะมันจะฆ่า มะคูมะซาน เจ้านายของฉันไม่ใช่เจ้างูสกปรกของแก งูของแกมีดีอะไรหรือ ? ถ้ามันมีดีอยู่บ้างทำไมมันไม่ฆ่าจานาที่พวกแกเกลียดเสีย ? และถ้ามันไม่มีดีอะไรทำไมแกถึงไม่เอาไม้ไปฟาดหัวมันเสีย ? ถ้าแกกลัวมันฉันจะทำให้แกเองถ้าแกจ่ายให้ฉันสำหรับงูของแก" และอย่างรุนแรงเขาถ่มน้ำลายลงกับพื้น
"ตกลง" ฮารุตพูดยังคงใช้ภาษาอังกฤษ "แกไปฆ่างู ไปได้เลยเมื่อแกอยากไป ไม่มีใครห้าม ถ้าอย่างนั้นเราจะตั้งชื่อให้แกใหม่ ต่อไปนี้เราจะเรียกแกว่า จ้าวแห่งงู"
ฮานส์ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการจุดกล้องยาสูบซังข้าวโพดของเขา ไม่ยอมตอบคำพูดนี้ ฮารุตจึงหันมาทางข้าพเจ้าแล้วพูดขึ้น
"ท่านมะคูมะซานขาของท่านยังเจ็บอยู่หรือ ? ฉันนำยาทามาช่วยรักษา เป็นยาวิเศษจากเทวรูป เราต้องการให้ท่านหายดีโดยเร็ว"
จากนั้นโดยทันทีเขาพูดเป็นภาษาบันตู "ท่านมะคูมะซานสงครามใกล้เข้ามาแล้ว พวกแคนด้าห์ดำกำลังรวมพลเข้าโจมตีเราและเราต้องการความช่วยเหลือของท่าน ฉันจะไปที่แม่น้ำทาวาเพื่อดูเหตุการณ์ และดูแลการเก็บเกี่ยวพืชผลและเรื่องอื่น ๆ อีก ฉันจะกลับมาภายในหนึ่งอาทิตย์ จากนั้นเราจะพูดกันอีกเพราะเมื่อถึงตอนนั้น ถ้าท่านใช้ยาที่ฉันมอบให้ ท่านจะหายดีเหมือนเมื่อก่อน นวดมันบนขาท่าน และละลายมันขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพดกับน้ำแล้วดื่มตอนกลางคืน มันไม่ใช่ยาพิษ จงดู" เขาเปิดฝาหม้อดินเล็ก ๆ ที่นำมาด้วยออกแล้วใช้นิ้วมือควักสิ่งที่บรรจุอยู่ออกมา มันมองดูเหมือนกับน้ำมันหมู ป้ายมันลงที่ลิ้นแล้วกลืนเข้าไป
จากนั้นเขาลุกขึ้นแล้วจากไปด้วยการโค้งคำนับเหมือนอย่างเคย
ตรงนี้ข้าพเจ้าของกล่าวว่า ข้าพเจ้าใช้ยาตามคำแนะนำของฮารุตและได้รับผลลัพธ์ที่วิเศษมาก คืนนั้นข้าพเจ้ากินมันตามที่บอกกับน้ำ มันเหม็นมากจริง ๆ แล้วใช้มันนวดที่ขาและพบว่าในเช้าวันต่อมาความเจ็บปวดหายไปหมด นอกจากความอ่อนเปลี้ยอยู่บ้าง อาการข้าพเจ้าดีขึ้นมากจริง ๆ ข้าพเจ้าเก็บยาที่เหลือไว้หลายปี และมันใช้ได้ดีกับอาการปวดกล้ามเนื้อและปวดตามข้อ ตอนนี้อนิจา ! มันใช้ไปจนหมดเกลี้ยงและไม่มีส่วนผสมที่จะปรุงมันขึ้นมาได้อีก
สองสามวันต่อมาผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไร ทันทีที่ข้าพเจ้าเดินได้ข้าพเจ้าเดินไปทั่วเมือง ซึ่งไม่มีอะไรนอกจากหมู่บ้านที่อยู่กระจัดกระจายกันไปซึ่งเหมือนกับที่ได้เห็นตามชายฝั่งตะวันออกของอาฟริกาเป็นอย่างมาก ผู้ชายเกือบทั้งหมดดูเหมือนว่าจะออกไปเตรียมตัวเก็บเกี่ยวข้าพเจ้าเดาเอา และผู้หญิงขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านเหมือนพวกชาวตะวันออก มีไม่กี่คนที่ข้าพเจ้าเห็นโดยไม่สวมผ้าปิดหน้าและหน้าตาค่อนข้างดี ข้าพเจ้าไม่ได้ความรู้ที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นเลย
ขอบอกตามตรงว่าข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่ามีสถานที่แห่งไหนที่ไม่น่าทึ่งมากไปกว่าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ชาวเมืองไม่พูดจาสื่อสารกันเลย ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ภายใต้ร่มเงาของความหวาดกลัวที่ปิดกั้นความสนุกสนานร่าเริงทั้งหมดเอาไว้ แม้แต่เด็ก ๆ ของพวกเขาที่มีไม่มากนักเดินไปมาอย่างไม่เบิกบานพูดจากันด้วยเสียงเบา ๆ ข้าพเจ้าไม่เห็นพวกเขาสักคนเล่นสนุกสนานหรือได้ยินเสียงพวกเขาตะโกนหรือหัวเราะเหมือนกับเด็กส่วนมากในโลกนี้ ที่เหลือนอกจากนั้นเราได้รับการดูแลเป็นอย่างดี อาหารจำนวนมากจัดมาให้เราและทุกอย่างที่เขาคิดว่าจะนำความสะดวกสบายมาให้เรา ด้วยเหตุนั้นม้าแข็งแรงและเชื่องถูกนำมาให้ข้าพเจ้าขี่เนื่องจากความพิการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพียงแค่ออกมาจากบ้านแล้วเรียกหามันจะถูกพามาทันทีจากที่ไหนสักแห่ง อานและบังเหียนผูกมาเรียบร้อยภายใต้การดูแลของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นใบ้ หรืออย่างน้อยเมื่อข้าพเจ้าพูดด้วยเขาไม่ตอบ
ขี่ไปบนหลังม้าตัวนี้ข้าพเจ้าขี่ไปตามเนินทางด้านใต้ของภูเขาครั้งหรือสองครั้งโดยใช้ลูกไม้เก่าแสร้งทำว่าไปยิงสัตว์เพื่อมาเป็นอาหาร โอกาสนี้ฮานส์ไปกับข้าพเจ้าด้วย แต่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเขาใช้ความคิดอยู่อย่างเงียบขรึมมาก ราวกับว่าจะไปล่าอะไรบางอย่างที่ท้าทายความสามารถและเล่ห์เหลี่ยมพรานของเขาเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเราเข้าไปใกล้เกือบถึงปากถ้ำหรือว่าอุโมงค์ที่เซาเวจผู้น่าสงสารพบกับจุดจบอย่างสยอดสยอง ขณะที่เราหยุดพิจารณาดูมันอยู่ชายชุดขาวโกนศีรษะคนหนึ่งซึ่งทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าเขาต้องเป็นพระโผล่ออกมาแล้วถามเราอย่างเยาะเย้ยว่าทำไมเราไม่เข้าไปในถ้ำแล้วดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้น กล่าวเสริมมาด้วยถ้อยคำที่เกือบเหมือนกับที่ฮารุตพูดว่าจะไม่มีใครขัดขวางเราเพราะถนนเปิดอยู่ใครก็ผ่านไปได้ ข้าพเจ้าเพียงแต่ยิ้มแทนการตอบแล้วถามเขาสองสามคำถึงสายพันธ์ของแพะที่สวยงามมีขนยาวเหมือนเส้นไหม ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะดูแลอยู่ เขาตอบว่าพวกนี้คือแพะต้องห้ามจะเป็นอาหารของ "ผู้ที่พำนักอยู่ที่ภูเขาจะกินอาหารเมื่อดวงจันทร์เปลี่ยนปักษ์"
เมื่อข้าพเจ้าถามว่าผู้นี้เป็นใครกันเขาตอบด้วยด้วยรอยยิ้มอันไม่น่าดูว่าข้าพเจ้าควรเข้าไปในถ้ำแล้วดูด้วยตัวเอง เป็นคำเชิญที่ข้าพเจ้าไม่รับเอาไว้
จากคุณ :
Sv
- [
10 พ.ย. 45 21:52:59
]