The Moonstone เดอะ มูนสโตน อัญมณีอาถรรพ์
ของ Wilkie Collins
เเปลโดย Silvermoon
ไม่ได้เเปลมานานมากค่ะ หลังจากที่จบเรื่อง a kiss before dying ไป ไม่รู้ว่ายังจำกันได้อยู่หรือเปล่า เลือกเรี่องนี้มาเเปลเพราะมันค่อนข้างจะซับซ้อนดีคะ เดาตอนสุดท้ายได้ยาก ตอนเเรกๆอาจจะดูเนิบนาบไปบ้าง เเต่ตอนหลังๆจะเข้มข้นขึ้นค่ะ ตัวละครในเรื่องจะเป็นผู้พลัดกันออกมาเล่าเรื่องราวของหินอาถรรพ์ เป็นการดำเนินเรื่องที่เเปลกดีค่ะ ยังไงก็ลองอ่านกันเลยนะคะ
--------------
เเนะนำ
"ดูนั่นสิ กาเบรียล!" ราเชลร้องพลางส่องอัญมณีล่อเเสงเเดด มันใหญ่เท่าไข่นก มีสีของพระจันทร์วันเพ็ญ สีเหลืองเข้มที่ดึงดูดสายตาขอคุณให้จับจ้องไปที่มันเเต่คุณจะมองไม่เห็นอะไรในนั้นเลย
--------------------
เมื่อพันเอกจอห์น เฮิร์นคาสเซิล ตายในอังกฤษ...ชายเเก่น่ารังเกียจ ขี้เหงาได้ทิ้งอัญมณีไว้ให้หลานสาวของเขา...ราเชล เวอรินเดอร์...สำหรับวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเธอ
เเต่อัญมณีไม่ใช่ของขวัญ...มันเป็นคำสาป เพราะนายพันขโมยมูนสโตนเเสนสวยมาจากประเทศอินเดียเเละเขารู้ว่าหายนะจะติดตามผู้ขโมยหินเเละทุกคนที่ได้รับมันต่อจากเขา
เเละในคืนเดียวกันกับที่ราเชลได้รับหิน มันถูกขโมยอีกครั้ง ใครเอามันไป...บ้านถูกล็อก...เเละถูกล้อมรอบไปด้วยสุนัขเฝ้ายาม? เเละอะไรเป็นความลับที่ราเชลไม่บอกใคร? คำสาปของมูนสโตนกำลังเริ่มขึ้น...
-------------------
1. เรื่องเล่าจากจดหมายเก่าของครอบครัว
ผมเขียนจดหมายถึงครอบครัวของผมเพื่อจะอธิบายว่าทำไมผมถึงไม่ได้เป็นเพื่อนกับลูกพี่ลูกน้องของผมอีกต่อไปเเละเพื่อที่จะจบเรื่องเข้าใจผิดที่เป็นสาเหตุถึงความเงียนงันของผม
ความไม่ลงรอยกันของผมเเละลูกพี่ลูกน้องของผม...จอห์น เฮิร์นคาสเซิล...เริ่มขึ้นที่ประเทศอินเดียในปี 1791 ในระหว่างการยึดเมืองของเซอริงกาพาทัมภายใต้ท่านนายพลเเบรด ก่อนการต่อสู้ ที่ค่ายพักเเรมต่างมีชีวิตชีวาด้วยเรื่องเล่าของทองคำเเละอัญมณีในพระราชวังเซอริงกาพาทัม...เเละโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเพชรสีเหลืองเม็ดมหึมา ในหนังสือของชาวอินเดียโบราณบรรยายเรื่องของเพชรที่รู้จักกันดีในนามของมูนสโตนซึ่งถูกฝังไว้ที่หน้าผากของเทพเจ้าเเห่งดวงจันทร์ของพวกฮินดู
ในศตวรรษที่ 11 วัดทองคำถูกสร้างสำหรับเทพเจ้าเเห่งดวงจันทร์ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เเห่งเบนาเรส พระวิศณุปรากฎกายในความฝันของพระสามองค์ผู้ดูเเลรักษาเพชร เขาสั่งว่ามันควรถูกดูเเลโดยพระทั้งสามองค์ต่อไปผ่านวันผ่านคืนจนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดของเวลา พระวิศณุเห็นหายนะล่วงหน้าสำหรับใครก็ตามที่เอาหินศักดิ์สิทธิ์ไป...หายนะเเก่ครอบครัวเเละเเก่คนที่รับมันต่อจากเขา
หลายศตวรรษที่พระทั้งสามคอยเฝ้าดูเเลมูนสโตน จนกระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 18 วัดถูกทำลายโดยกองทัพมุสลิม หัวหน้าของพวกเขา...ออรังเซเบ...ทำลายเทพเจ้าเเห่งดวงจันทร์เเละเอาอัญมณีไป เพราะไร้ซึ่งอำนาจที่จะตามเอาสมบัติศักดิ์สิทธิ์กลับคืนด้วยกำลัง พระทั้งสามองค์ตามกองทัพมุสลิมไป...เฝ้าเเละรอคอย
หลายปีผ่านไป ออรังเซเบตายอย่างสยดสยองเเละมูนสโตนก็ถูกส่งต่อ (เเละนำหายนะไปพร้อมกับมันด้วย) จากมือผู้โชคร้ายคนหนึ่งไปสู่มือผู้โชคร้ายอีกคนหนึ่ง เเละยังคงถูกติดตามต่อไปโดยพระทั้งสามเพื่อรอโอกาสของพวกเขา ในปี 1794 สุลต่านเเห่งเซริงกาพาตัมใส่อัญมณีที่ด้ามมีดประจำตัวของเขา เขาไม่รู้ว่าชาวฮินดูสามซึ่งคนปลอมตัวเป็นคนรับใช้คอยเฝ้ามองอยู่ในพระราชวังของเขาอยู่
คืนก่อนการโจมตี ผมเเละเจ้าหน้าที่คนอื่นหัวเราะลูกพี่ลูกน้องของผมเมื่อเขาโกรธพวกเราที่ไม่เชื่อเรื่องเล่าอย่างจริงจัง
พวกเราบุกเข้าพระราชวัยเมื่อเวลาโพล้เพล้ในวันถัดไป วันเเห่งการสู้รบกระตุ้นลูกพี่ลูกน้องของผมให้ตื่นเต้นเสียจนเเทบบ้า ผมถูกส่งตัวเข้าไปหยุดยั้งทหารที่กำลังขโมยทองคำเเละเพชรพลอย เมื่อผมพยายามที่จะควบคุมคนเหล่านั้น ผมได้ยินเสียงร้องน่ากลัว เมื่อวิ่งผ่านพ้นประตูไป ผมเห็นคนอินเดียสองคนนอนตาย เเละคนที่สามบาดเจ็บสาหัสล้มลงอยู่ใกล้ๆเฮิร์นคาสเซิลที่กำลังถือมีดยาวมีเลือดไหลรินอยู่ หินมีค่าก้อนใหญ่ถูกฝังอยู่ที่ด้ามมีดสองเป็นประกายเมื่อเขาหันกลับมาที่ผม "มูนสโตนจะเเก้เเค้นคุณเเละครอบครัวของคุณ!" ชายอินเดียร้องก่อนที่จะตาย เฮิร์นคาสเซิลหันมาทางผม หัวเราะเหมือนคนบ้า เเละจ้องมองที่อัญมณีนั่น ทหารกรูเข้ามา "เคลียร์ห้อง!" เขาตะโกน ผมทำตามเเละจากไปในทันที...หวาดกลัวกับสิ่งที่ผมเห็น
จบเรื่องเล่าจากจดหมายเหตุของครอบครัว
-------------------
2. ตอนที่ 1 การหายสาบสูญของเพชร
เหตุการณ์ถูกเล่าโดยกาเบรียล เบทเทอริจ...หัวหน้าคนรับใช้ของเลดี้จูเลีย เวอรินเดอร์
2.1 บทที่ 1 บันทึกเเห่งความจริง
เช้านี้ (21 พฤษภาคม 1850) หลานชายของเลดี้ของผม...คุณเเฟรงคลิน เเบลคพูดกับผมว่า "เบทเทอริจ...ผมเห็นคุณบรัฟ...ทนายความของเรา...เเละเราก็คุยกันเรื่องการหายสาบสูญของเพชรเมื่อสองปีที่เเล้ว เขาคิดว่าบันทึกฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องข้อเท็จจริงน่าจะถูกเอามาทำเป็นหนังสือ เเละผมก็เห็นด้วยกับเขา เรื่องควรถูกเล่า เเละผมเชื่อว่าเราจะพบวิธีที่จะทำมัน ทุกคนจะเล่าเเต่ละส่วนของเรื่องของพวกเขาโดยเริ่มที่จุดเริ่มต้น ผมมีจดหมายที่เล่าว่าลุงของผมได้เพชรจากประเทศอินเดียมาได้อย่างไร จากนั้นเราจะต้องบอกว่าหินนั่นไปอยู่ที่บ้านของป้าของผมในยอร์คไชน์เมื่อสองปีก่อนได้อย่างไร เเละต่อจากนั้น...เเน่นอน...มันหายไปภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากที่ราเชลรับมันได้อย่างไร ไม่มีใครรู้มากไปกว่าคุณ...บัทเทอริจที่รัก...เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านในระหว่างนั้น ดั้งนั้นเรื่องเล่าของคุณจะต้องมาเป็นอันดับเเรก
สำหรับชายที่อายุมากกว่า 70 ปีเเล้ว ผมถือว่าผมมีความจำดี อย่างไรก็ตาม ผมอาจจะทำสิ่งที่คุณทำไปเเล้ว : ผมประกาศอย่างถ่อมตัวว่าผมไม่มีความสามารถในงานเช่นนั้น เเต่พ่อหนุ่มเเฟรง
คลินยืนยัน เเละผมก็อยู่ที่โต๊ะของผมในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ตระหนักว่าผมอาจจะพยายามเกินกำลัง โอ้...เอาล่ะ...นี่คือ...
-----------------
ผมทำงานให้กับลอร์ดเฮิร์นคาสเซิส เเละหลังจากที่ท่านเสียชีวิต เมื่อตอนที่คุณจูเลีย...ลูกสาวคนสุดท้องของท่าน...เเต่งงานกับเซอร์จอห์น เวอรินเดอร์ ผมมากับเธอที่บ้านของเซอร์จอห์น ที่นี่ ในยอร์คไชน์ ผมเเต่งงานกับหญิงสาวท้องถิ่น เเต่ 5 ปีต่อมา เธอก็ตาย...วิญญาณที่น่าสงสาร...ทิ้งผมกับลูกสาวตัวน้อยของผม...เพเนโลพ... หลังจากนั้นไม่นาน เซอร์จอห์นก็เสียชีวิตเเละเลดี้ของผมก็ถูกทิ้งไว้พร้อมกับลูกคนเดียวของเธอ เลดี้ของผมต้องการเเน่ใจว่าเพเนโลพได้รับการศึกษาเล่าเรียน เเละเมื่อเธอโตพอ เธอก็กลายเป็นหญิงรับใช้ของคุณราเชล
เลดี้ของผมสนับสนุนผม ผมกลายเป็นผู้จัดการฟาร์มของเธอในยอร์คไชน์เเละทำงานนี้ต่อไปจนกระทั่งเมื่อวันคริสมาสในปี 1847 เลดี้ของผมเชิญผมมาดื่มน้ำชา "กาเบรียล" เธอพูด "มันถึงเวลาที่จะต้องทำงานให้น้อยลงเเล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ต้องทำงานข้างนอกบ้าน เเต่
จะดูเเลเพียงเเค่คนรับใช้ในบ้านนี้เท่านั้น" ผมประท้วง...เเต่เมื่อมองผ่านภูเขาสีเทาอันเหน็บหนาวเเล้ว ผมก็รู้ว่าเธอพูดถูก
จบบทที่ 1 บันทึกเเห่งความจริง
---------------
จากคุณ :
Silvermoon
- [
16 พ.ย. 45 02:12:08
A:202.133.167.148 X:
]