*** THE IVORY CHILD *** เทวรูปงาช้าง *** บทที่ ๑๗ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ กับ คำสาบาน

    บทที่ ๑๗
    สถานที่ศักดิ์สิทธ์ กับ คำสาบาน

    เย็นวันนั้นหลังจากดวงอาทิตย์ตกดินไปไม่นานพวกเราสามคนออกจากบ้านไปอย่างอาจหาญสวมทับเสื้อผ้าของเราด้วยชุดของชาวแคนด้าห์ที่ลอร์ดแรกนอลจัดหามา       และไม่ถือสิ่งใดไปด้วยนอกจากไม้เท้าในมือ      อาหารและตะเกียงในกระเป๋า         นอกเมืองเราพบกับชาวแคนด้าห์คนหนึ่งที่ข้าพเจ้ารู้จักเพราะเขาขี่อูฐเคียงข้างข้าพเจ้าอยู่เสมอตอนเดินทางข้ามทะเลทรายมา

    "พวกท่านมีอาวุธมาด้วยหรือเปล่า    ท่านมะคูมะซาน ?"       เขาถามมองพวกเรากับชุดขาวอย่างสงสัย

    "ไม่มี"     ข้าพเจ้าตอบ     "ค้นตัวเราได้ถ้าต้องการ"

    "คำพูดของท่านก็พอแล้ว"     เขาตอบด้วยท่าทางขึงขังตามแบบของพวกเขา       "ถ้าท่านไม่มีอาวุธเราได้รับคำสั่งให้ปล่อยพวกท่านไปได้ตามใจปรารถนาไม่ว่าท่านจะแต่งตัวแบบใด"     แล้วเขากระซิบกับข้าพเจ้า      "ฉันภาวนาว่าท่านอย่าเข้าไปในถ้ำ      เพราะว่าผู้ที่อยู่ในถ้ำจะโจมตีและไม่เคยพลาด        ผู้ที่จุมพิตของเขาคือความตาย        ฉันภาวนาเพื่อตัวของท่านเองและพวกเราด้วยที่ต้องการตัวท่าน"

    "เราไม่วันที่จะปลุกผู้ที่นอนหลับอยู่ในถ้ำขึ้นมาได้"      ข้าพเจ้าตอบอย่างเป็นปริศนา       เมื่อเราแยกทางกับเขาแล้วเรามีความยินดีมาก     เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกแคนด้าห์ยังไม่รู้ถึงการตายของงูยักษ์

    เดินขึ้นภูเขาไปชั่วโมงหนึ่งนำทางโดยฮานส์พาเราไปสู่ปากถ้ำ        ขอบอกความจริงว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะให้มันนานกว่านั้น       เพราะเมื่อเราเข้าไปใกล้ความสงสัยทุกอย่างเข้ามารุมเร้าข้าพเจ้า        ถ้าหากว่าฮานส์ดื่มเหล้าเข้าไปจริง ๆ แล้วสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาอ้างการหายตัวไปของเขา ?       ถ้าหากว่างูมันฟื้นขึ้นมาจากการที่มันเพียงแค่ไม่สบายไปชั่วคราว ?       ถ้าหากว่ามันมีเมียและครอบครัวอาศัยอยู่ในถ้ำ    ทุก ๆ ตัวของพวกมันรอการแก้แค้นอย่างหิวกระหาย ?

    แต่ว่าตอนนี้มันสายเสียแล้วที่จะลังเล      แต่เป็นความลับข้าพเจ้าหวังว่าพวกเราสักคนหนึ่งอยากที่จะเป็นคนนำหน้า       เราไปถึงที่นั่นแล้วเงี่ยหูฟัง       มันเงียบเหมือนกับสุสาน       จากนั้นคนกล้าหาญของเราฮานส์จุดตะเกียงขึ้นแล้วพูดว่า

    "เจ้านายหยุดอยู่ตรงนี้ก่อน      ขณะที่ฉันเข้าไปดู        ถ้าเจ้านายได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน       เจ้านายจะได้มีเวลาวิ่งหนีไป"     คำพูดที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอายตัวเอง

    อย่างไรก็ตามรู้ดีว่าเขาว่องไวเหมือนกับตัววีเซลและเงียบเหมือนกับแมวเราให้เขาเข้าไป        สักนาทีหรือสองนาทีหลังจากนั้นเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในความมืดเพราะว่าเขาเพิ่งเปิดแผ่นโลหะที่บังตาวัวของตะเกียงออก      และแม้ว่าจะมีแสงแค่นั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเขากำลังยิ้มยิงฟัน

    "มันเรียบร้อยแล้วเจ้านาย"      เขาพูด     "เจ้าโคตรงูยักษ์ไปสู่ดินแดนที่มันส่งบีนาไปแล้ว      ไม่ต้องสงสัยว่าตอนนี้มันกำลังถูกย่างอยู่ในไฟนรก      และฉันไม่เห็นตัวอื่น ๆ อีก       เข้าไปดูมันกันเถอะ"

    เราจึงพากันเข้าไปจริงตามนั้น      บนพื้นถ้ำงูยักษ์นอนอยู่ตายสนิทและเริ่มขึ้นอืดแล้ว       ข้าพเจ้าไม่รู้ว่ามันยาวสักเท่าใด       เพราะร่างของมันขดเป็นวงอยู่        ข้าพเจ้าเพียงแต่พูดได้ว่ามันยาวกว่างูใหญ่ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมา         เป็นความจริงว่าข้าพเจ้าเคยได้ยินว่ามีงูใหญ่เช่นนี้ในส่วนอื่นของอาฟริกา        แต่จนถึงเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าให้พวกมันเป็นแค่สัตว์ประหลาดเหลือเชื่อเพื่อเป็นสิ่งสักการะเหมือนกับเทพของพวกพื้นเมือง      อีกทั้งเจ้าสัตว์พิเศษนี้ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่ามันเป็นสายพันธุ์ใหม่ด้วย        เพราะตามที่ลอร์ดแรกนอลบอกมันโจมตีทั้งแบบงูเห่าและรัดแบบงูเหลือม        อาจเป็นไปได้ว่าเขาผิดพลาดกับเรื่องนี้        ข้าพเจ้าไม่รู้เพราะว่าไม่มีเวลาหรือจริง ๆ แล้วไม่อยากที่จะไปตรวจที่หัวเพื่อดูเขี้ยวพิษของมัน      และเมื่อข้าพเจ้าผ่านมาทางนี้อีกครั้งมันไม่อยู่แล้ว

    ข้าพเจ้าไม่เคยลืมกลิ่นเหม็นของถ้ำนั้น      มันน่าขยะแขยงซึ่งไม่น่าประหลาดใจเลยที่ได้เห็นว่าบางทีเจ้างงูตัวนี้จะอยู่ที่นั่นมาเป็นศตวรรษแล้ว       เพราะว่างูใหญ่เช่นนี้กล่าวกันว่ามันมีอายุยืนเหมือนเต่า       และยังได้รับการสักการะอีกด้วยแน่นอนมันไม่เคยขาดอาหาร       ทุกแห่งมีกองกระดูกเกลื่อนไปหมด       ในหมู่กระดูกพวกนี้ข้าพเจ้าเห็นกระดูกที่เป็นหัวกะโหลกของมนุษย์บางทีอาจเป็นของเซาเวจผู้น่าสงสาร      อีกทั้งมีก้อนหินที่ยื่นออกมาจากพื้นที่ปกคลุมด้วยเศษของหนังงูจำนวนมาก        ไม่ต้องสงสัยว่ามันลอกออกมาจากตัวงูเพราะปีละครั้งงูจะลอกคราบ

    เป็นชั่วครู่ที่เราจ้องไปที่ร่างของสัตว์น่าเกลียดที่ยังส่งประกายแวววาวอยู่       จากนั้นขับไล่ความกลัวที่เกรงว่าพวกเราอาจบังเอิญพบพวกมันมากกว่านี้อีก        ข้าพเจ้าคาดว่ามันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว     มันเป็นพวกงูโทน     เหมือนกับจานาที่เป็นช้างโทน      เพราะเราไม่พบตัวอื่นอีก       และถ้าข้อมูลที่ข้าพเจ้ารู้มาทีหลังเชื่อถือได้ไม่มีเผ่าพันธุ์ที่เหมือนมันในดินแดนนี้       มันมีต้นกำเนิดมาจากไหนข้าพเจ้าไม่เคยรู้        ชาวแคนด้าห์ทั้งหมดพูดได้แต่เพียงว่ามันอยู่ในถ้ำนี้มาตั้งแต่แรก       เชลยชาวแคนด้าห์ดำหรือผู้ประพฤติชั่วบางครั้งนำมาสังเวยมันเพื่อให้ถูกฆ่า       เช่นเดียวกับเชลยชาวแคนด้าห์ขาวถูกนำไปสังเวยแก่จานา

    ในถ้ำพบว่ามันไม่ยาวนัก       สักหนึ่งร้อยห้าสิบหลาไม่ยาวกว่านั้น       ไม่ใช่ถ้ำที่มนุษย์ทำขึ้นแต่เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากหินภูเขาไฟ        ซึ่งข้าพเจ้าคาดว่าครั้งหนึ่งมันเคยระเบิดออกมา       ลึกเข้าไปมันแคบลงมากจนข้าพเจ้าเริ่มกลัวว่าจะไม่มีทางออก           สำหรับเรื่องนี้ข้าพเจ้าผิดพลาดเมื่อเราไปถึงปลายทางเราพบโพรงใหญ่ขนาดพอทีคนจะเดินตัวตรงเข้าไปได้และยากที่จะปีนผ่านขึ้นไปทำให้เรารู้ชัดว่านี่ไม่ใช้เส้นทางที่พวกแคนด้าห์ขาวใช้เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของพวกเขา

    ตะเกียกตะกายออกมาจากช่องนี้ด้วยความขอบคุณ        เราพบว่าขึ้นมาอยู่บนเนินของส่วนที่เคยเป็นธารของลาวาขนาดใหญ่มันนำทางลงไปก่อนสักประมาณแปดสิบก้าวแล้วจึงกลับขึ้นมาอีกครั้งสู่ส่วนที่เป็นฐานของภูเขาข้างในซึ่งปกคลุมด้วยป่าไม้หนาแน่น

    ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่ารูปร่างทั้งหมดของภูเขาประหลาดนี้เกิดจากการระเบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟในยุคต้น ๆ ของโลก       แต่เพราะว่าข้าพเจ้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเช่นนั้นข้าพเจ้าจะไม่บรรยายถึงมันมากไปกว่าที่จะกล่าวว่า      ถึงแม้ว่าเปรียบเทียบแล้วมันจะมีขนาดเล็กมันก็คล้ายคลึงกับภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นในที่ต่าง ๆ ของอาฟริกา

    เราไต่ลงไปสู่พื้นล่างของร่องคูจากภาพที่เห็นโดยทั่ว ๆ ไปมันต้องถูกขุดขึ้นโดยชนชาติที่เข้มแข็งเพื่อเป็นเครื่องป้องกันที่มั่นของพวกเขา        แล้วไต่กลับขึ้นไปทางอีกด้านหนึ่งอันเป็นจุดเริ่มต้นของแนวป่าที่ขึ้นอยู่บนพื้นดินอันหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์        ทำไมถึงมีพื้นดินอุดมสมบูรณ์อยู่ตรงนี้แต่ไม่มีเลยในท้องคูมันมากเกินกว่าที่เราจะเดาได้        แต่บางทีอาจเป็นเพราะมีน้ำพุอยู่ทางด้านนี้ของภุเขาจึงทำให้เป็นเช่นนี้       ถึงอย่างไรมันก็เป็นเช่นนี้

    ต้นไม้ในป่านี้มีขนาดใหญ่และเป็นจำพวกไม้ซีดาร์หลายสายพันธุ์       แต่มันไม่ขึ้นอยู่ชิดกัน        อีกทั้งไม่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ข้างใต้       บางทีด้วยเหตุผลที่พวกมันขึ้นกันอยู่หนาแน่นยอดที่คลุมแผ่ออกไปปิดกั้นแสงเอาไว้หมด       และข้าพเจ้าเห็นในตอนหลังว่าลำต้นและกิ่งก้านของมันถูกปกคลุมด้วยต้นมอสสีเทายาว         ซึ่งแม้แต่ตอนเที่ยงวันก็ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูน่ากลัวมาก        ความมืดภายใต้หมู่ไม้พวกนี้มืดทึบมากพูดได้ว่าเราไม่สามารถมองเห็นได้ไกลกว่าหนึ่งนิ้วเบื้องหน้าเรา        แน่ละดีกว่าที่จะยืนนิ่งอยู่เฉย ๆ เราตะลุยต่อไป       ฮานส์เป็นคนนำทางเพราะว่าสัญชาติญาณของเขาว่องไวกว่าพวกเรา         พื้นที่ชันขึ้นใต้ฝ่าเท้าเราบอกให้เรารู้ว่ากำลังเดินทางขึ้นภูเขาอย่างที่เราตั้งใจจะทำ       และบางครั้งบางคราวข้าพเจ้าตรวจกับเข็มทิศขนาดเล็กที่ถือเอามาด้วยไม้ขีด       รู้จากการตรวจที่ผ่านมาว่ายอดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ

    จากคุณ : Sv - [ 21 พ.ย. 45 23:03:16 ]