กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ มีดินแดนแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยขนมหวานหลากสี
เราเรียกดินแดนแห่งนี้ ว่าดินแดนลูกกวาด
จริงๆแล้วดินแดนลูกกวาดด็มีบ้านเรือนและผู้คนเหมือนดินแดนอื่นๆทั่วไป
แต่เนื่องจากชาวเมืองในดินแดนแห่งนี้ชื่นชอบสีสันที่สดใส อีกทั้งยังนิยมรับประทานขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ
จึงสร้างบ้านที่มีสีต่างๆมากมาย และตกแต่งบ้านด้วยขนมหวาน
โมบายสีสวยหน้าบ้านหลังสีส้มที่เรามองผ่าน ถ้าเข้าไปดูใกล้ๆจะพบว่าสิ่งที่ใช้ทำเป็นโมบาย คือลูกอมที่มีสี กลิ่น รสหลากหลาย
สีแดงน่ากินนั่นรสสตอเบอรี่ สีชมพูหอมๆนั่นรสลิ้นจี่ สีเหลืองรสสับปะรดก็เปรี้ยวๆหวานๆอร่อยดี
สีม่วงรสองุ่น หรือสีเขียวแอปเปิ้ลก็มี และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือโมบายลูกอมพวกนี้ เด็กๆสามารถดึงเอาไปกินได้
เพราะคุณลุงใจดีที่เป็นเจ้าของบ้านโมบาย ตั้งใจทำไว้ให้พวกเด็กๆได้เอาไปกินกัน
ทุกเช้า คุณลุงจะเดินฮัมเพลงมาที่หน้าบ้านเพื่อแขวนโมบายอันใหม่ และเก็บโมบายอันเก่าที่เด็กๆกินลูกอมกันจนหมดแล้วเข้าบ้านไป
แล้วก็จะเอาอีกอันมาแขวนใหม่ในเช้าวันถัดมา
ผ่านหน้าบ้านโมบายไป ลองมองทางขวา เห็นบ้านที่มีหน้าต่างสีชมพูประตูสีฟ้านั่นไหม หลังที่หน้าบ้านมีดอกไม้ต่างๆตั้งอยู่ในกระถางมากมาย
กุหลาบ ลิลลี่ เดซี่ เยอบีร่า ทั้งรูปทรงที่เห็นและสีสันล้วนสวยสะดุดตา แต่ทว่านั่นไม่ใช่ดอกไม้จริงๆหรอกนะ
เป็นแป้งขนมปังฝีมือคุณยายเจ้าของบ้านดอกไม้เขาล่ะ ขนมปังพวกนี้กินได้
แถมตอนนวดแป้งขนมปังคุณยายยังแอบเติมน้ำตาลเข้าไป ดังนั้นนอกจากจะมีสีสันที่สวยสดใส ดอกไม้เหล่านี้ยังมีกลิ่นหอมของขนมปังที่อบใหม่ๆ
และหวานด้วยน้ำตาลจากความใจดีของคุณยายด้วย
นอกจากบ้านโมบายและบ้านดอกไม้ ถัดเข้าไปยังมีบ้านสีเหลืองของนทำตุ๊กตุ่นตุ๊กตาจากก้อนน้ำตาล
มีบ้านสายไหมประดับด้วยเส้นใยอ่อนนุ่มสีหวาน มีบ้านน้ำตาลที่หน้าบ้านมีสระน้ำพุรสอร่อยหลากสี
เอาล่ะ เห็นหรือยังว่าดินแดนลูกกวาดมีขนมมากมายสำหรับเด็กๆแค่ไหน และแต่ละบ้านก็ใจดีพอที่จะอนุญาตให้เด็กๆเลือกกินกันได้
แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่กินมากกเนไป จนกินอาหารหลักในแต่ละมื้อไม่ไหว
และที่สำคัญ " ต้องแปรงฟันก่อนนอนทุกคืน ''
เด็กๆในดินแดนลูกกวาดเป็นเด็กน่ารัก จึงเชื่อฟังในคำสอนของผู้ใหญ่เป็นอย่างดี
ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงแจ่มใส เพราะได้รับอาหารที่มีประโยชน์ต่อ่างกายทุกมื้อ
และก็มีจิตใจที่เบิกบาน เพราะได้กินขนมหวานที่ชื่นชอบกันตามความเหมาะสม
ถ้าเด็กทุกคนจะเชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างนี้ตลอดไป เรื่องมันก็คงไม่มีอะไร แต่แล้วก็มีเรื่องเกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีเด็กคนนึงไม่ทำตามคำสอนของผู้ใหญ่
แม้จะไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องเรียกชื่อใครสักคนสักคนอย่างล้อเลียน แต่เมื่อพี่จำชื่อเด็กชายคนนั้นไม่ได้
เราก็จะเรียกเค้าว่า เด็กชายฟันหลอ
เด็กชายฟันหลอ เดิมทีก็ไม่ได้มีฟันหลอหรอกนะ เค้าก็เหมือนเด็กคนอื่นฝนดินแดนลูกกวาดนั่นล่ะ คือมีฟันที่ขาวสะอาดและแข็งแรงดี
( เด็กๆทุกคนสามารถจะมีฟันสวยๆแบบนี้ ถ้าแปรงฟันก่อนนอนทุกคืน )
จนกระทั่งคืนหนึ่ง เด็กชายฟันหลอเผลอหลับไปทั้งๆที่ไม่ได้แปรงฟัน
เช้าวันนั้นเค้าสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ รีบวิ่งรี่ไปที่หน้ากระจกเพื่อดูว่าฟันผุไหม
'' ไม่ผุนี่ ไม่เจ็บไม่ปวดด้วย ''
เด็กชายฟันหลอคิดขณะอ้าปากและหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจก เพื่อดูว่ามีฟันผุไหม
เมื่อเห็นว่าฟันไม่ผุ เด็กชายก็ไม่แปรงฟันก่อนนอนอีกต่อไป เพราะถึงไม่แปรงฟันก็ไม่เห็นจะผุอย่างที่พ่อกับแม่บอกไว้
'' แล้วเราก็จะกินขนมหวานมากเท่าที่เราอยากกินด้วย ฟันคงไม่ผุหรอก ขนาดไม่แปรงฟัน ฟันยังไม่ผุเลย ''
เด็กชายฟันหลอคิดพลางกัดน้ำตาลก้อนรูปดาวดังกร้วม และดื่มน้ำหวานที่ตักจากสระหน้าบ้านน้ำตาลตามไปอีกอึกใหญ่
เด็กชายฟันหลอที่น่าสงสาร เค้าไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เย็นวันนั้นขณะเดินไปตามถนนที่โรยไปด้วยลูกกวาดมากมาย
เค้าก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อมีตัวประหลาดหน้าตาดุร้ายโผล่เข้ามาขวางทางเค้า
'' เราขอบใจเจ้า ที่ทำให้เราคืนชีพอีกครั้ง ''
ตัวประหลาดว่าพลางย่างสามขุมเข้ามาหาเด็กชายฟันหลอที่ยืนแข้งขาสั่นด้วยความกลัว
ตาของสัตว์ตัวนี้สีแดงฉาน และมีหนามแหลมๆรอบตัวที่ดำมะเมื่อมของมัน
'' ทะ ทะ ทะ ท่านเป็นใคร ''
เด็กชายฟันหลอเสียงสั่น แต่ก็พยายามสะกดความกลัวถามออกไป
'' เราคือปิศาจร้ายทำลายฟัน มีชื่อว่าบักเตรี ''
ตัวประหลาดตอบ ถึงตอนนี้มันเดินเข้ามาใกล้จนเด็กชายได้กลิ่นลมหายใจเหม็นๆของมัน
'' ท่านมาได้ยังไง ''
ถามพลางเด็กชายก็ขยับถอยออกไปพลาง นี่มันปิศาจอะไรปากเหม็นเป็นบ้า
'' เรามาได้ตลอดเวลา ล้า ลา เรามาได้ถ้าเด็กๆไม่ยอมแปรงฟัน ลั้น ลัน ''
เจ้าปิศาจตอบด้วยเสียงสูงๆต่ำๆราวกับมันกำลังฮัมเพลงอย่างสุขใจ
แต่เด็กชายฟันหลอไม่รอฟังคำตอบจากมัน ก็ปิดหน้าวิ่งหนีกลับบ้านไป ระหว่างทางเขาสะดุดล้มลงบนหินก้อนใหญ่
พอหันหลังกลับไป เจ้าปิศาจก็หายไปแล้ว เหลือแต่อาการปวดฟันที่เค้าเริ่มรู้สึกได้
จากคุณ :
เ จ้ า ห ญิ งน้ อ ย
- [
วันพ่อแห่งชาติ 17:59:30
]