บทที่ ๑๘
คณะทูต
พิธีกรรมยุติลงพวกพระนอกจากฮารุตและผู้รับใช้ของเขาอีกสองคนหายไป บางทีคงไปแจ้งผลแก่หัวหน้าพระระดับสูงทั้งชายและหญิงเพื่อนำไปแจ้งชาวแคนด้าห์ขาวทั้งหมด ผู้เฒ่าฮารุตจ้องมองพวกเราอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงพูดขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเขาชอบทำเช่นนี้เสมอเมื่อลอร์ดแรกนอลอยู่ด้วยบางทีคงเพื่อการฝึกฝน
"ตอนนี้พวกท่านจะทำอย่างไรต่อไป หือ? บางทีคงอยากบินกลับไปเมืองเพราะคาดว่าพวกท่านคงมาด้วยวิธีนี้ ถ้าอย่างนั้นโปรดนำฉันไปด้วย เพราะว่ามันช่วยประหยัดเวลาขี่อูฐในระยะทางไกล"
"โอ ไม่ใช่หรอก" ข้าพเจ้าตอบ "เราเดินผ่านถ้ำที่งูยักษ์อาศัยอยู่มา พอเห็นเรามันก็ตายเพราะความกลัว และเพิ่งมาพบกับพวกท่านที่ลานของวิหาร"
"โกหกได้ดี" ฮารุตพูดอย่างชมเชย "นักโกหกชั้นยอด ! สงสัยจริง ๆ ว่าพวกท่านฆ่างูยักษ์ได้อย่างไร ซึ่งพวกเราคิดว่ามันจะไม่มีวันตาย เพราะมันอยู่ที่นั่นมาเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว คนของเราพบมันอยู่ที่นั่นก่อนแล้วเมื่อพวกเรามาดินแดนแห่งนี้ครั้งแรกและยกมันให้เป็นเทพของเรา ตอนนี้เจ้าสัตว์ร้ายกาจของพวกเขาก็ตายไปแล้ว ฉันว่าพวกท่านคงอยากเห็นเทวรูป ? ถ้าอย่างนั้นมาเลย เพราะตอนนี้ท่านเป็นพี่น้องของเราแล้ว เพียงแค่ถอดหมวกออกและอย่าพูดอะไร
ข้าพเจ้าแสดงอาการว่าพวกเรา "อยากจะเห็นเทวรูป" นำโดยฮารุตพวกเราผ่านเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กซึ่งเกือบจะใหญ่ไม่พอสำหรับพวกเราทั้งหมด ในช่องตรงสุดผนังเป็นที่ตั้งของเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งลอร์ดแรกนอลและข้าพเจ้าพินิจพิจารณาดุอย่างให้ความเคารพ ปรากฏให้เห็นว่าเป็นรูปสลักของเด็กทารกสูงประมาณสองฟุต ข้าพเจ้าเดาเอาว่าคงจะแกะมาจากงาช้างที่ใหญ่มาก เก่าแก่มากจนงาช้างสีเหลืองเริ่มผุกร่อนมีรอยแตกเล็ก ๆ ปกคลุมไปทั่ว ที่จริงแล้วจากภาพที่ปรากฏให้เห็นข้าพเจ้าตัดสินว่ามันต้องเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่ช้างเจ้าของงานี้ตายไป จากที่เห็นอยู่นี้ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่ามันถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ฝีมือแกะสลักยอดเยี่ยมมาก ช่างแกะสลักฝีมือเยี่ยมนี้ข้าพเจ้าคิดว่าเขาเอาทารกจริง ๆ มาเป็นต้นแบบ บางทีอาจจะเป็นบุตรของฟาโรห์ในยุคนั้น ตรงนี้ข้าพเจ้าขอกล่าวอีกครั้งว่าไม่เป็นที่สงสัยเลยว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากชาวอียิปต์ เพราะว่าบนศีรษะด้านหนึ่งเป็นปอยผมหนึ่งขมวด ขณะที่นิ้วนางของมือขวายกขึ้นมาแตะไว้ที่ริมฝีปากเหมือนจะออกคำสั่งให้เงียบ ด้วยลักษณะพิเศษทั้งสองประการนี้เป็นที่จำกันได้ว่าเป็นลักษณะของเทพฮอรัส บุตรของเทพโอซิรีสกับเทวีไอซีส ตามที่ปรากฏในรูปหล่อสัมฤทธิ์และภาพสลักตามวิหาร และอย่างน้อยลอร์ดแรกนอลผู้ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ไปศึกษารูปสลักเป็นจำนวนมากที่อียิปต์บอกข้าพเจ้าในภายหลัง ในสถานที่แห่งนั้นไม่มีสิ่งใดอีกนอกจากเก้าอี้นั่งเชือกถักทำจากไม้มะเกลือประดับด้วยงาช้างเก่าแก่และรูปสลักของงูในกระเบื้อง แสดงว่าการนับถืองูผสมอยู่กับความเชื่อถือของพวกเขา และกระดาษปาปิรัสสองม้วนหรืออย่างน้อยมันก็ดูเหมือนอย่างนั้นวางอยู่กับเทวรูปในช่อง ข้าพเจ้าต้องผิดหวังเมื่อฮารุตปฏิเสธที่จะให้เราตรวจสอบหรือแม้แต่จะแตะต้อง
หลังจากที่เราออกมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ข้าพเจ้าถามฮารุตว่าเทวรูปถูกนำมาอยู่ในดินแดนของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด เขาตอบว่าตั้งแต่เมื่อพวกเขามาอยู่ที่นี่ และตั้งแต่เมื่อใดเขาบอกไม่ได้เพราะมันนานมากแล้วพร้อมกับพิธีกรรมสักการะตามความเชื่อถือของพวกเขา
ในการตอบคำถามอย่างอื่นอีกเขากล่าวเพิ่มเติมว่าเทวรูปนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นงาช้างมีดวงวิญญาณดูแลพระอาทิตย์และพระจันทร์รวมทั้งโลก เรื่องนี้ลอร์ดแรกนอลกล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อของชาวอียิปต์รักษาไว้สืบต่อกันมาจนถึงยุคสมัยของเราในดินแดนที่ห่างไกลของอาฟริกา ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นลูกหลานของผู้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แม่น้ำไนล์ซึ่งถูกขับไล่มาด้วยวิบัติภัยของบ้านเมืองนำเอาความเชื่อถือและรูปจำลองเทพของพวกเขามาด้วย บางทีพวกเขาคงหนีมาตอนที่พวกเปอร์เซียนรุกรานนำโดยกษัตริย์แคมบิสเสซ
หลังจากที่เราออกมาจากสถานที่เคารพอันน่าสนใจมากแห่งนี้ซึ่งประตูปิดตามหลังเราโดยทันที ฮารุตนำเราไปไม่ได้ผ่านไปตามทางที่เชื่อมกับบ้านหินที่เรารู้ว่าเป็นที่พักของภรรยาของลอร์ดแรกนอลในฐานะผู้พิทักษ์เทวรูป หรือต่อมาในภายหลังถูกยกให้เป็นเทวีไอซีสเทพธิดาแห่งจันทรา ที่บ้านหลังนี้ลอร์ดแรกนอลเหลียวไปมองเป็นเวลานานหลายครั้ง แต่พามาทางลานสองแห่งและซุ้มประตูใหญ่สู่ทางออกจากวิหาร ตรงนี้บนถนนที่เราใช้เข้าไปในวิหารความจริงที่เราไม่ได้บอกเขา ฮารุตหยุดแล้วกล่าวกับเราว่า
"พวกท่าน" เขากล่าว "ตอนนี้พวกท่านและชาวแคนด้าห์เป็นหนึ่งเดียวกัน วาระสุดท้ายของพวกท่านคือวาระสุดท้ายของพวกเขา ชะตากรรมของพวกท่านคือชะตากรรมของพวกเขา ความลับของพวกเขาคือความลับของพวกท่าน ลอร์ดอิกีซาท่านทำงานเพื่อสิ่งตอบแทน กล่าวคือผู้หญิงที่เราเอาตัวมาจากท่านที่แม่น้ำไนล์"
"ท่านทำอย่างนั้นทำไม" ลอร์ดแรกนอลกล่าวขัดขึ้นเมื่อข้าพเจ้าแปลให้เขาฟัง
"ท่านลอร์ด เราจับตาดูท่านอยู่ เรารู้เมื่อท่านมาที่อียิปต์ เราติดตามท่านในอียิปต์ ที่นั่นเราคิดจะเดินทางไปประเทศอังกฤษอีกสักครั้งเพื่อตามหาผู้ศักดิ์สิทธิ์ จนเมื่อโอกาสของเรามาถึง ในคืนนั้นเราเรียกเธอและเธอมาตามที่เราเรียก เธอต้องทำอย่างนั้นเพราะจิตใจของเธอเรานำเอามาแล้ว---อย่าถามฉันว่าทำอย่างไร---และนำเธอมาอยู่กับเรา เธอผู้มีเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่กำเนิด สวมอยู่บนทรวงอกของเธอด้วยหินอันเป็นเครื่องลางและสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นเครื่องประดับบนร่างของเทวรูปและผู้ศักดิ์สิทธิ์มานับพันปีแล้ว ท่านจำขบวนชาวอาหรับที่ขี่อูฐอยู่บนฝั่งแม่น้ำในวันก่อนคืนที่เธอจะหายตัวไปได้ไหม ? เราอยู่ในขบวนนั้นด้วยอูฐเราพาเธอมาอย่างมีความสุขและปลอดภัยยังดินแดนของเราแห่งนี้ อย่างที่ฉันเชื่อมั่นเมื่อเรื่องทุกอย่างจบลงเรียบร้อยแล้ว เราจะส่งตัวเธอกลับไปอีกครั้งและท่านกลับไปพร้อมกับเธอด้วย"
"ฉันก็เชื่อมั่นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน เพราะท่านทำผิดอย่างมหันต์กับเราเอาไว้" ลอร์ดแรกนอลกล่าวสั้น ๆ "บางทีความผิดที่สำคัญกว่าที่ฉันรู้ในตอนนี้ ฉันอยากรู้ว่าทำไมลูกของฉันจึงถูกช้างฆ่าตาย ?
"คำถามนั้นต้องไปถามกับจานาไม่ใช่ตัวฉัน" ฮารุตตอบอย่างเคลือบคลุม จากนั้นเขากล่าวต่อไป "ท่านก็เช่นเดียวกัน มะคูมะซาน ทำงานเพื่อสิ่งตอบแทน งาช้างที่สะสมอยู่จนเหลือคณานับที่ดวงตาของท่านได้เห็นแล้วในสุสานช้างเหนือแม่น้ำทาวาขึ้นไป เมื่อท่านสังหารจานาที่เฝ้าสุสานนั้นอยู่และเอาชนะพวกแคนด้าห์ดำที่รับใช้มัน งาช้างจะเป็นของท่านและเราจะมอบอูฐให้ท่านขนพวกมันเอาไป หรือบางส่วนของพวกมันเพราะหมดนั้นอูฐแบกเอาไปไม่ไหว นำไปยังฝั่งทะเลเพื่อจะขนไปด้วยเรือ สำหรับเจ้าคนตัวเหลือง ฉันคิดว่าเขาไม่ต้องการสิ่งตอบแทนผู้ที่ในไม่ช้าจะได้เป็นเจ้าของทุกสิ่ง"
"เจ้าหมอผีเฒ่าหมายความว่าฉันกำลังจะตาย" ฮานส์พูดขึ้นถ่มน้ำลายเป็นการตอบ "เจ้านายฉันพร้อมอยู่แล้ว ถ้าเพียงแต่จานาและพวกของมันตายก่อน ที่จริงแล้วฉันแก่เกินกว่าที่จะสู้รบและเดินทางอย่างแบบนี้ และน่าจะยินดีที่จะได้ไปยังดินแดนที่ฉันจะเป็นหนุ่มอีกครั้ง"
"เหลวไหลไร้สาระ" ข้าพเจ้าร้องขึ้น จากนั้นหันกลับไปฟังฮารุตซึ่งไม่เข้าใจภาษาดัชท์ที่เราใช้สนทนากล่าวถ้อยคำของเขาต่อไป
"พวกท่าน" เขาพูด "ทางเส้นนี้ซึ่งวิ่งระหว่างทิศตะวันออกและตะวันตกเป็นเส้นทางแท้จริงไปสู่ยอดเขาและวิหาร ไม่ใช่เส้นทางตามที่ฉันคาดว่านำท่านไปยังถ้ำของงูยักษ์ เส้นทางสู่ทิศตะวันตกซึ่งคดเคี้ยวลงไปสู่ตีนเขาและผ่านไปตามภูเขาที่เห็นไกล ๆ จากนั้นข้ามทะเลทรายขึ้นไปทางเหนือ เราปล่อยทิ้งเอาไว้ได้ไม่ต้องกลัวถูกโจมตี แต่กับเส้นทางด้านตะวันออกนั้นแตกต่างกัน ฉันจะให้ท่านดูในตอนนี้ถ้าท่านจะขี่อูฐไปกับฉัน"
จากนั้นเขาออกคำสั่งบางอย่างแก่พระทั้งสองคนที่ติดตามมา ทำให้พวกเขาวิ่งจากไปและในไม่ช้านำหน้าขบวนอูฐเล็ก ๆ ที่ซ่อนเอาไว้กลับมา ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าซ่อนไว้ที่ตรงไหน เราขึ้นขี่ไปตามถนนตัดข้ามพื้นราบและพบว่าไม่เกินครึ่งไมล์เป็นสันของหน้าผาหินอีกแห่งหนึ่งคาดว่าครั้งหนึ่งมันคงเป็นปากของปล่องภูเขาไฟ หน้าผานี้พังทะลายลงไปเป็นระยะกว้างประมาณสองหรือสามร้อยหลาบางทีคงเป็นเพราะแรงดันของลาวา ถนนนี้วิ่งไประหว่างกึ่งกลางของช่องว่างระหว่างป้อมที่สร้างขึ้นตรงนี้บ้างตรงโน้นบ้างเพื่อเอาไว้ป้องกัน มองดูพวกมันข้าพเจ้าเห็นว่าพวกมันเก่าแก่ไม่มีประสิทธิ์ภาพและถามว่าพวกเขาสร้างมันไว้ตั้งแต่เมื่อใด ฮารุตตอบว่าประมาณศตวรรษก่อนเมื่อเกิดสงครามกับพวกแคนด้าห์ดำ ซึ่งสุดท้ายแล้วถูกขับไล่ไปตรงจุดนี้เพราะตอนนั้นพวกแคนด้าห์ขาวมีจำนวนมากกว่าตอนนี้
"ถ้าอย่างนั้นซิมบาก็รู้จักถนนเส้นนี้ด้วยซิ ?" ข้าพเจ้าพูด
"ใช่แล้วท่าน และจานาก็รู้ด้วย เพราะมันต่อสู้ในสงครามครั้งนั้นด้วย และบางครั้งมันมาที่นี่ฆ่าทุกคนที่มันพบ เพียงแต่ที่วิหารที่มันไม่กล้าไป"
จากคุณ :
Sv
- [
วันพ่อแห่งชาติ 22:40:55
]