*** THE IVORY CHILD *** เทวรูปงาช้าง *** บทที่ ๒๐ อัลลันร้องไห้

    บทที่ ๒๐
    อัลลันร้องไห้

    พวกเขาบุกเข้ามาอย่างช้า ๆ และมุ่งมั่น         นำหน้ามาโดยกลุ่มพวกกองหน้า---มีสักพันคนหรือมากกว่านั้น---ใช้พื้นที่ว่างของช่องทางแคบเท่าที่จะอำนวย          แต่ละคนมีหอกซัดคนละชุดเรียงเอาไว้ในห่วงหรือช่องเก็บข้างหลังโล่ห์       เมื่อคนพวกนี้มาถึงระยะหนึ่งร้อยหลาเราเปิดฉากยิงและสังหารพวกเขาไปเป็นจำนวนมาก       รวมทั้งผู้บังคับบัญชาบางคนที่อยู่ข้างหลัง       แต่ก็หยุดยั้งพวกเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว        เพราะว่าปืนไรเฟิลห้าสิบกระบอกจะทำอะไรได้กับฝูงคนป่าเถื่อนห้าวหาญที่ดูเหมือนจะไม่กลัวความตายเลย ?        ในไม่ช้าหอกของพวกเขาเริ่มปลิวเข้าใส่สู่พวกเราและความเสียหายเพียงเล็กน้อยเริ่มบังเกิดกับพวกเราไม่มากนัก         เพราะว่ามีกำแพงป้องกันเอาไว้แต่ก็ยังได้รับความเสียหายบ้าง          ครั้งแล้วครั้งเล่าเราบรรจุกระสุนระดมยิงออกไปกวาดล้างพวกที่อยู่ตรงหน้าไปจนหมด         แต่ก็มีคนอื่นเข้ามาทดแทนอยู่เสมอ        สุดท้ายด้วยคำสั่งบางอย่างหน่วยหน้าพวกนี้ก็หายไป        นอกจากพวกที่ตายหรือว่าบาดเจ็บ      ต่างพากันเข้าไปหลบอยู่หลังกองทัพที่รุกคืบหน้าเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนนี้อยู่ในระยะห้าสิบหลาห่างจากเรา

    จากนั้นหลังจากหยุดพักไปชั่วขณะหนึ่งมีเสียงตะโกนออกคำสั่งกองทัพหน้าเข้าโจมตีแบ่งเป็นสามกอง         เราระดมยิงใส่พวกเขาอย่างเผาขน        แต่ก็หมดหวังที่คนห้าสิบคนจะต้านทานการโจมตีอย่างนั้นได้        ถอยหลบมาขณะที่เกิดความสับสนอลหม่านชั่วขณะยังที่กำบังที่เราเตรียมเอาไว้แล้วยังจุดที่ได้เปรียบไกลออกไปหลังแนวกำแพง        จากนั้นเราเปิดฉากยิงรบกวนต่อไป

    ตอนนี้กำลังส่วนใหญ่ของชาวแคนด้าห์ขาวเข้าทำการต่อสู้ภายใต้การนำของลอร์ดแรกนอลกับฮารุต         พวกศัตรูปีนข้ามกำแพงแรกที่เราเพิ่งละทิ้งเข้ามา       เพื่อที่จะพบว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ระหว่างกำแพงอีกชั้นหนึ่งตรึงกำลังไว้ด้วยพลหอกของพวกเราในสถานที่อันคับแคบทำให้จำนวนคนที่มากกว่าไม่ได้ประโยชน์นัก

    ที่นี่การต่อสู้เป็นไปอย่างสยดสยองและฝ่ายบุกรุกสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก          เพราะเมื่อพวกเขายึดที่มั่นหนึ่งได้พวกเขาก็จะพบที่มั่นอีกแห่งหนึ่งข้างหน้าห่างไปไม่กี่หลา        ที่ซึ่งฝ่ายป้องกันต่อสู้อย่างสุดชีวิต

    สองชั่วโมงหรือมากกว่านั้นการต่อสู้เป็นอยู่อย่างนี้       ทั้ง ๆ ที่มีการต้านทานอย่างสุดกำลังจากพวกเรา       พวกแคนด้าห์ดำที่มีจำนวนมากมายซึ่งข้าพเจ้าต้องกล่าวว่าต่อสู้อย่างยอดเยี่ยมโจมตีเข้ามากำแพงแล้วกำแพงเล่า       ทิ้งร่างคนตายและบาดเจ็บนับร้อยเอาไว้เป็นเครื่องหมายของตวามยากลำบากในการรุกเข้ามาของพวกเขา        ขณะเดียวกันข้าพเจ้ากับพลปืนของข้าพเจ้าสาดกระสุนใส่พวกเขาจากตำแหน่งที่เราเลือกเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว       จนกระทั่งในที่สุดลูกกระสุนของเราร่อยหลอลงทุกที

    เวลาแปดโมงครึ่งในตอนเช้าพวกเราถูกไล่ต้อนผ่านพื้นที่ว่างมาสู่ที่มั่นแห่งสุดท้ายของเรา        เป็นที่มั่นแข็งแรงมากอยู่ทางด้านนอกประตูตะวันออกของวิหาร             คงจำได้ว่ามันตั้งอยู่ในอุโมงค์ที่เจาะลึกเข้าไปในหินภูเขาไฟ          สามครั้งที่พวกแคนด้าห์ดำบุกเข้ามาทั้งสามครั้งเราตีพวกเขากลับไป          จนกระทั่งคูที่อยู่หน้ากำแพงเกือบจะเต็มไปด้วยร่างของคนตาย        อย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาปีนขึ้นมาบนกำแพงพวกแคนด้าห์ขาวแทงพวกเขาด้วยหอกยาว      หรือไม่ก็พวกเรายิงด้วยปืนไรเฟิล         ธรรมชาติของพื้นที่บริเวณนั้นทำให้เข้าโจมตีได้ตรง ๆ เท่านั้น

    สุดท้ายพวกเขาถอนตัวกลับไปอย่างขุ่นแค้น        ทำให้พวกเราหวังว่าจะยกเลิกการโจมตี         แต่ปรากฏว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น         พวกเขาเพียงแค่หยุดพักเพื่อรอให้กำลังเสริมมาถึงก่อน        พวกเขาบุกเข้ามาด้วยเสียงขู่ตะคอกและร้องเพลงศึกด้วยจำนวนสองพันคนหรือมากกว่านั้น         และในไม่ช้าพวกเขาบุกเข้ามาอีกครั้งเหมือนกระแสน้ำหลาก        เราตีพวกเขากลับไป         พวกเขารวมตัวกันบุกเข้ามาเป็นครั้งที่สองและเราตีพวกเขากลับไป

    จากนั้นพวกเขาปรึกษากันอีกครั้ง      ยืนอยู่ระหว่างร่างของคนตายและคนที่กำลังจะตายที่ฐานของกำแพงซึ่งสร้างจากก้อนหินและดิน         ที่นั่นเราไม่สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่าย ๆ เพราะพายุหอกจะซัดกระหน่ำเข้าใส่ทุกคนที่โผล่หน้าออกไป        พวกเขาเริ่มขุดโพรงที่ใต้กำแพง        งัดเอาก้อนหินข้างล่างออกด้วยเสาไม้และกระทุ้งมันด้วยท่อนซุง

    ภายในห้านาทีรอยแตกก็ปรากฏให้เห็นท่ามกลางความเอะอะโวยวายของพวกเขา        หมดหวังที่จะต้านทานการโจมตีจากคนจำนวนมากขนาดนั้น       ต่อสู้อย่างจนตรอกพวกเราถูกขับไล่ผ่านอุโมงค์ผ่านประตูที่เปิดไว้ให้พวกเราสู่ลานแห่งแรกของวิหาร         ด้วยความพยายามอย่างบ้าเลือดเราจัดการปิดประตูและใช้ก้อนหินและดินกีดขวางเอาไว้       แต่มันก็ช่วยเราไว้ไม่ได้นาน     เพราะพวกเขาเอาพุ่มไม้และหญ้าแห้งมาจุดไฟเผาในไม่ช้ามันก็ลุกติดท่อนไม้สีดาหนาที่ใช้ทำประตู

    ขณะที่พวกเขากำลังเผาประตูพวกเราปรึกษากัน       หนีไปให้ไกลกว่านี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้        เพราะว่าลานแห่งที่สองของวิหารเว้นแต่ทางเดินแคบเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวไม่มีที่ว่างให้ต่อสู้         ขณะที่ข้างหลังกองข้าวพวกผู้หญิงและเด็กทั้งหมดรวมตัวกันอยู่มากกว่าสองพันคนของพวกเขา        ที่นี่เพราะไม่มีที่ไหนอีกแล้วเราต้องยืนหยัดต่อสู้จนชนะหรือว่าตาย        จนถึงเวลานี้เปรียบเทียบกับความเสียหายที่เราทำกับพวกแคนด้าห์ดำสองสามพันคนหรือมากกว่านั้นที่ตายไป       การสูญเสียของพวกเราเปรียบกันแล้วน้อยกว่ามาก       กล่าวได้ว่าถูกฆ่าไปสองร้อยคนและมีผู้บาดเจ็บมากกว่านั้น         ผู้บาดเจ็บจำนวนมากเดินไม่ได้เราจัดการแบกเอาพวกเขาไปไว้ที่ลานแห่งแรกของวิหาร       วางพวกเขาเอาไว้ชิดกับกำแพงของกุฏิ        ที่นั่นพวกเขาเฝ้ามองพวกเราด้วยสายตาหวาดหวั่น

    ตอนนี้เราเหลือคนที่ยังต่อสู้ได้หนึ่งพันหกร้อยคนหรือมากกว่าที่ยังใช้ประโยชน์ได้ในช่องแคบแห่งนั้น       เราจึงตัดสินใจใช้แผนที่เราวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้วในกรณีฉุกเฉิน         คนสามร้อยห้าสิบคนที่เข้มแข็งที่สุดทิ้งเอาไว้ให้ป้องกันวิหารจนตายไปทั้งหมด          พวกที่เหลือมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนถอนตัวไปจากลานแห่งที่สองผ่านประตูไปยังค่ายพักของผู้หญิงและเด็ก        ที่นี่พวกเขาจะนำไปโดยช่องทางลับที่พวกเขารู้จักไปยังโรงเลี้ยงอูฐ      และขึ้นขี่อูฐไปให้มากที่สุดหนีไปเท่าที่จะทำได้          ความหวังของเรามีเพียงว่าพวกแคนด้าห์ดำที่ได้ชัยชนะจะเหนื่อยล้าจนเกินกว่าที่จะติดตามพวกเขาข้ามที่ราบไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไป       เป็นการตัดสินใจที่ร้ายกาจแต่เราไม่มีทางเลือก

    "แล้วภรรยาของฉันล่ะ ?"    ลอร์ดแรกนอลถามเสียงแหบห้าว

    "ถ้าวิหารยังอยู่เธอต้องอยู่ที่วิหาร"     คำตอบจากฮารุต       "แต่เมื่อทุกอย่างสูญสิ้นไป     เมื่อฉันพ่ายแพ้       เจ้านายผิวขาวจงไปยังสถานที่หลบภัยกับคนที่เหลือและพาเธอไปพร้อมกับเทวรูปงาช้างแล้วหนีตามคนอื่น ๆ ไป       เพียงแต่ฉันขอมอบหมายให้ท่านภายใต้การสาปแช่งของสวรรค์        ว่าท่านต้องไม่ยอมให้เทวรูปงาช้างตกไปอยู่ในเงื้อมมือของพวกแคนด้าห์ดำ        อย่างแรกท่านต้องเผาเทวรูปด้วยไฟหรือบดให้เป็นผงด้วยก้อนหิน        มากไปกว่านั้นฉันขอมอบหมายให้กับทุกคนในกรณีที่พระผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตายไปพร้อมกับฉัน        จงเผาท่อนไม้ที่กองอยู่รอบเมล็ดข้าว        เพื่อที่หลังจากนั้นศัตรูที่หนีไปได้จะต้องตายเพราะความอดอยาก"

    โดยทันทีไม่มีแม้แต่เสียงพูดพึมพัม         ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นผู้ที่มีระเบียบวินัยมากไปกว่าคนที่น่าสงสารพวกนี้         คำสังจากฮารุตในฐานะของหัวหน้าพระเหมือนกับคำสั่งประธานาธิบดีของรัฐได้รับการปฏิบัติทันที         ทีละกลุ่มผู้ชายได้รับมอบหมายให้พาผู้หญิงและเด็กผ่านประตูของลานที่สองออกไป         แต่ละกลุ่มหันมาที่ประตูแสดงคารวะพวกเราที่ยังเหลืออยู่โดยการชูหอกขึ้น        จนกระทั่งทั้งหมดพากันไปจนหมดสิ้น         จากนั้นพวกเราสามร้อยห้าสิบคนที่เหลืออยู่เข้าแถวเรียงกันเหมือนกับพวกทหารชาวกรีกทำที่ช่องแคบเทอร์มอพพิลี

    แถวแรกเป็นตัวข้าพเจ้ากับพลปืนทั้งหมดได้รับแบ่งลูกกระสุนที่เหลืออยู่ได้คนละแปดนัด         จากนั้นตั้งแถวไปตามลานอีกสี่แถวเป็นพลหอกใช้หอกยาวและดาบเป็นอาวุธภายใต้การบัญชาการของฮารุต          เบื้องหลังแถวทหารพวกนี้ใกล้ประตูของลานแห่งที่สองเป็นที่มั่นสุดท้ายที่พวกเขาจะปกป้องนักบวชหญิงเป็นชายที่ได้รับการเลือกสรรห้าสิบคนควบคุมโดยลอร์ดแรกนอล         ซึ่งข้าพเจ้าลืมบอกไปว่าได้รับบาดเจ็บสองแห่งแต่ไม่สาหัสนัก      ถูกหอกที่ซัดเข้ามาที่หัวไหล่ข้างซ้ายและโดนดาบฟันที่ต้นขาซ้ายในการต้านทานอย่างสิ้นหวังจากที่มั่นสุดท้าย

    ถึงตอนนั้นทุกคนพร้อมแล้วและได้ดื่มน้ำจากโถขนาดใหญ่ที่วางเรียงอยู่ตามแนวกำแพง         ประตูไม้ขนาดใหญ่เริ่มถูกเผาจนทะลุแต่ก็ไม่ก่อนครึ่งชั่วโมงหลังจากที่พวกศัตรูพยายามจะเผามัน        มันก็ล้มคว่ำลงในที่สุดจากการกระทุ้งด้วยท่อนซุงเหลือเพียงแค่กองดินและก้อนหินที่เราเอาไปกองสุมเอาไว้ที่ช่องประตูหลังจากที่เราปิดบานประตูแล้ว         พวกแคนด้าห์ดำเหล่านี้พยายามกวาดเศษไม้ที่ยังคุติดไฟอยู่ออกไปให้พ้นทางด้วยมือท่อนไม้และด้ามหอก          เป็นงานที่พวกเขาทำได้อย่างยากลำบากมากเพราะพวกเราแทงเขาด้วยหอกยาวหรือฟาดพวกเขาล้มคว่ำไปด้วยก้อนหิน        ฆ่าพวกเขาหรือทำให้พิการไปเป็นจำนวนมาก          แต่ว่าพวกที่ตายหรือว่าบาดเจ็บก็ถูกลากออกไปอยู่เสมอและคนอื่นก็เข้ามาแทนที่        จนกระทั่งในที่สุดช่องประตูถูกกวาดจนเกลี้ยง         ข้าพเจ้าจึงเรียกพวกพลหอกที่ข้ามไปจากแนวหลังให้กลับมา       และเตรียมพร้อมสำหรับงานของข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าไม่ต้องรอนาน         กรูกันเข้ามาพร้อมเสียงขู่คำรามพวกแคนด้าห์ดำจำนวนมากโถมผ่านช่องประตูเข้ามา         เมื่อพวกเขาโผล่มาถึงลานข้าพเจ้าออกคำสั่งยิง       ส่งลูกกระสุนจากปืนสไนเดอร์ไรเฟิลห้าสิบกระบอกฉีกร่างของพวกเขาในระยะไม่กี่หลา          พวกเขาร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น        พวกเขาร่วงลงไปเหมือนกับต้นข้าวที่อยู่เบื้องหน้าคมเคียวไม่ใช่คนที่จะได้ชัยชนะ        เราบรรจุลุกกระสุนใหม่อย่างรวดเร็วและรอการบุกครั้งต่อไป         พวกเขามาในไม่ช้าและฉากสยองก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง           ตอนนี้ช่องประตูและอุโมงค์ที่อยู่เหนือออกไปอุดแน่นไปด้วยร่างของคนตายทำให้พวกศัตรูต้องลากร่างของคนพวกนี้ออกไปให้พ้นก่อนที่จะบุกเข้ามาได้อีก        พวกเขาต้องทำภายใต้การระดมยิงของข้าพเจ้า ฮานส์และพลปืนที่เลือกเอาไว้       แต่มันก็เสร็จลงในที่สุด

    พวกเขาบุกเข้ามาอีกครั้ง      และพวกเขาก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นอีกครั้ง       เป็นอยู่เช่นนี้จนกระสุนนัดสุดท้ายของเราถูกใช้ไป        ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความกล้าหาญอย่างเยี่ยมยอดมากไปกว่าที่พวกแคนด้าห์ดำแสดงให้เห็นในการเผชิญหน้ากับความตายอันน่าสยดสยอง           จากนั้นพลปืนของข้าพเจ้าโยนปืนไรเฟิลที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไปข้างตัวใช้หอกและดาบเป็นอาวุธถอยมาพักอยู่แนวหลังปล่อยให้ฮารุตและคนของเขาเข้าแทนที่         สักครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นการต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดน่ากลัว         เพราะว่าพื้นที่แคบมากพวกแคนด้าห์ดำที่บุกเข้ามาไม่อาจฝ่าคมหอกของนักรบที่จนตรอกผู้ต่อสู้เพื่อชีวิตของเขาเองและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าของพวกเขา         อีกทั้งหน้าผาที่โอบล้อมอยู่ก็ชันมากพวกเขาจึงไม่สามารถอ้อมไปเข้าทางอื่นได้

    จากคุณ : Sv - [ 9 ม.ค. 46 14:40:16 ]