บทที่2
" เราจะไปกันอีกไกลไหมคะ?" เด็กหญิงตัวน้อยถามขึ้น
" หนูเมื่อยแล้วค่ะ กลัวด้วย ทำไมเราต้องเดินทางกันตอนนี้ด้วยคะ?" เฟรีกระชับมือมารดาแน่น เธอเหลียวมองรอบตัวอย่างหวาดๆ ขณะทางเดินเริ่มชันขึ้นทุกทีเป็นสัญญาณว่าเข้าสู่เขตภูเขา ต้นไม้สูงใหญ่รกทึบบดบังแสงจันทร์สิ้น
" หนูจุดไฟนะคะ" เฟรีพูดและโดยไม่รอคำตอบ เด็กหญิงวาดมือเป็นวงกลมในอากาศแล้วยื่นไปเบื้องหน้า
ท่ามกลางความมืดมิด ปรากฎแสงสีส้มเป็นจุดเล็กๆ เหนือฝ่ามือเด็กหญิง จุดนั้นขยายตัวขึ้นจนลุกโชนเป็นลูกไฟขนาดเกือบเท่าศรีษะของเธอเอง
รอยยิ้มสดใสกระจายทั่วใบหน้าสดใสไร้เดียงสาแต่งามยิ่งนัก
" ลูกต้องระวังให้มาก อย่าใช้พลังต่อหน้าคนอื่นอีก" มารดาเตือนเสียงเฉียบ
รอยยิ้มหายวับไปทันที เด็กหญิงมีท่าทีครุ่นคิด
" ตอนนั้นหนูไม่ตั้งใจ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้น...เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ เราถึงต้องหนีออกจากหมู่บ้าน? แม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเพราะหนูใช่ไหมคะ?"
" ไม่ใช่ความผิดของลูกหรอกจ้ะ คนพวกนี้ไม่ชอบแม่อยู่แล้ว เลยหาเรื่องกล่าวหาได้ตลอดเท่านั้นเอง" แคทเธอรีนฝืนยิ้มให้ลูก เธอไม่ได้โกหก...เพียงแต่พูดความจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น
ใช่...คนในหมู่บ้านไม่ชอบเธอ พวกงมงายเคร่งศาสนามองหญิงที่ตั้งท้องโดยไม่แต่งงานแถมยังอยู่ตัวคนเดียวอย่างไร เธอก็รู้ดี แต่เพื่อลูกที่รักดังดวงใจ เรื่องกระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ จึงต้องจำทน กระทั่งสามวันก่อนนี่เองที่เฟรีเผลอใช้พลังจิตต่อหน้าเด็กคนอื่น ข่าวลือกระจายได้เร็วในหมู่บ้านเล็กๆ ผู้คนลพูดกันหนาหูว่าเธอเป็นแม่มด และเฟรีเป็นลูกปีศาจ
หญิงสาวรู้ในบัดดลว่าเธอกับลูกไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป กอปรกับอีกไม่นานผู้ตรวจการรัฐจะมา ถ้าชาวบ้านเอาเรื่องของเฟรีไปพูดล่ะก็...เธอมองเห็นความตายออยู่รำไร
" เราะไปไหนกันคะแม่?" เด็กหญิงถามย้ำ " พวกคนในหมู่บ้านจะตามมาทำร้ายเรามั้ยคะ?"
" ไม่หรอกจ้ะ...ถ้าพบกับพ่อแล้ว ลูกก็ปลอดภัย"
" พ่อ! หนูจะได้เจอพ่อเหรอคะ พ่อของหนู..." ดวงตากลมโตของเฟรีมีประกายสุกสว่างรับกับแสงไฟเป็นสีเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน แคทเธอรีนเศร้าลึกในอก พ่อหรือ...เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่ต้องคืนลูกให้กับผู้เป็นพ่อ
" แต่เอ...พ่อรู้ได้อย่างไรล่ะคะ ว่าเราจะมา?"
" ไม่มีอะไรที่พ่อของลูกไม่รู้หรอก พ่อคอยคุ้มครองลูกอยู่ตลอดเวลา โดยที่เราไม่เห้นตัวของเขาเลย...ไฟของลูกไงล่ะ เฟรี...ลูกได้พลังมาจากพ่อ และสามารถควบคุมได้ เป็นหลักฐานว่าพ่ออยู่กับลูกเสมอไงจ้ะ"
" พ่อของหนูเป็นใคร?...พ่อไม่ใช่มนุษย์เหรอคะ?" เด็กหญิงไม่เข้าใจสิ่งที่มารดาพูด เธอเตะหินก้อนเล็กๆ กระเด็น
" เฟย์!" หญิงสาวเอ็ดเบาๆ ครู่ต่อมาเธอครึ่งลากครึ่งจูงบุตรีไปถึงถ้ำเชิงเขา สองแม่ลูกอาศัยพักพิงชั่วคราว โดยมีกองไฟเป็นเครื่องให้ความอบอุ่น
" ไฟ..." เฟรีพูดลอยๆ ขณะนั่งกอดเข่าจ้องเขม็งไปที่เปลวเพลิง " หนูเกิดจากไฟสินะ...หนูรู้สึกได้ค่ะแม่..."
แคทเธอรีนกระชับเสื้อคลุมของลูก แล้วโอบกอดอย่างนุ่มนวล
" แม่จะเล่านิทานให้ฟัง...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ยังมีชุมชนเกษตรกรรมเล็กๆ ในชบท ที่ซึ่งทุกคนอยู่กันอย่างสงบสุข กระทั่งชายคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับลูกสาวอายุ 12 ปี...เขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เก่งกาจ แต่กลับไม่มีใครชอบเขาเลยในตอนแรก ต่างกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกนอกรีตและพ่อมด ร้ายกว่านั้นคือ ให้ร้ายว่าเขาเป็นพวกปีศาจ...เขาสู้อดทนต่อข้อครหา ใช้ความสามารถที่มีบวกกับไมตรีจิต กระทั่งแทบทุกคนรักเขา
จากนั้นราว 3 ปี เกิดโรคติดต่อระบาดในหมู่บ้าน ชายผู้นั้นหวั่นเกรงว่าลูกของตนจะติดโรค จึงส่งเธอไปอยู่กับญาติห่างๆ ในตำบลอื่น ต่อมาไม่นาน เขาก็สิ้นใจ...
เด็กสาวต้องเผชิญกับผู้คนและสังคมที่ไม่คุ้นเคย เธอใช้ชีวิตวัยรุ่นหมดไปกับการทำงานหนัก เธอว้าเหว่ เศร้าสร้อย... วันหนึ่งขณะเก็บฟืนอยู่ในป่า เด็กสาวก็ได้พบเรื่องมหัสจรรย์ เธอเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าปรากฏกายขึ้นจากแสงสว่างระยิบระยับ เขาช่างงามสง่า และสูงส่งเหลือเกิน...ราวกับเทวดาเลยทีเดียว เธอตกหลุมรักเขาทันที...เธอไปหาเขาทุกวันทั้งที่ไม่เคยรู้จักชื่อของเขาเลย...จนถึงเดือนที่สาม...เขาก็บอกกับเธอว่า เธอตั้งครรภ์ เด็กสาวทั้งตกใจและอับอายจนไม่กล้ากลับหมู่บ้าน แต่เขามอบความกล้าให้กับเธอ สัญญาว่าจะคุ้มครองเธอและลูกให้ปลอดภัย
ในคืนนั้นเอง เด็กสาวแฝงตัวกับความมืดหลบหนีไปอยู่หมู่บ้านอื่น ตอนนี้...เธอรู้แล้วว่าชายที่เธอรัก ไม่ใช่เทวดา..."
แคทเธอรีนหยุดเล่า เพราะรู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่พุ่งขึ้นมา เฟรีหลับไปแล้ว หญิงสาวถอนหายใจลึก ยาว...ก่อนเคลิ้มหลับท่ามกลางผืนกำมะหยี่สีดำอันปราศจากดวงดาว
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
หญิงสาวจูงลูกน้อยวิ่งตัดแนวป่า หินคมบาดเท้าเลือดไหลซิบ พวกมันกำลังมา ทำไม!? คนพวกนี้ตามมาถูกได้อย่างไร...เมื่อตอนก่อนรุ่งสาง เธอถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงฝีเท้าและเสียงโห่หยาบคาย ผู้ตรวจการรัฐคงมาแล้ว...และแน่นอน คงมีพวกล่าแม่มดอีกเป็นโขยง
พลั่ก
หญิงสาวสะดุดรากไม้ล้มลงอย่างจัง เฟรีถลาเข้ามาประคองแม่ ขณะเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามาทุกที
หญิงสาวลุกขึ้น แต่ขาซ้ายกลับทรุดลงทันทีพร้อมความเจ็บปวดแล่นแปลบ 'บ้าที่สุด' เธอด่าตัวเอง แคทเธอรีนพยายามยันตัวขึ้นด้วยขาที่ซ้นนั้นแต่ก็ไร้ผล เธอเงยมองลูก เด็กหญิงกำลังร้องไห้...
ลูก! คำนี้ล้นเข้าในหัวใจ ลูกต้องปลอดภัย เธอต้องปกป้องลูก
" หนีไป! เฟย์ ลูกต้องหนีไป ไปให้ไกลที่ทุก เร็วซี่!!"
" ต...แต่ แม่ล่ะคะ" หนูน้อยลังเล
" แม่จะตามไปทีหลัง" เธอยิ้มขื่นๆ " แม่บอกลูกแล้วไง ว่าพ่อคอยคุ้มครองเรา"
เฟรีมองแม่เหมือนชั่งใจ แล้วหันหลังวิ่งตื๋อเข้าไปในหมู่ไม้ แคทเธอรีนถอนใจ เอาเถอะ...อย่างน้อยลูกก็หนีไปได้
แต่ในความเป็นจริง บุตรสาวไม่ได้ไปไหนไกลเลย เธอนั่งยองๆ ซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้สูงรก เสียงกรอบแกรบจากฝีเท้าของมนุษย์ไม่ต่ำกว่าสิบกำลังมุ่งเข้ามา ดินในป่าเปียกชื้นง่ายต่อการติดตาม
เฟรีเห็นผู้ชายหลายคนโผล่ออกมาจากแนวป่า พวกมันมองหน้าแม่ของเธอด้วยแววตาต่าๆ กัน เกลียดชัง หื่นกระหายและหวาดกลัว ก่อนรุกเข้าใกล้ แล้วล้อมเธอไว้เป็นวงกลม
" อยู่นี่เองเรอะ นังแม่มด!" ชายวัยกลางคนท่าทางกักขฬะตะคอก
" ใช่ ใช่ จริงอย่างที่คนในหมู่บ้านว่า แกใช้เสน่ห์หลอกล่อผู้ชายสืนะ หน้าตาไม่เลวนี่" คนหนุ่มกว่าชักดาบแตะคอหญิงสาว
" สารภาพมาซะ แกเป็นแม่มดใช่มั้ย?"
" พวกแกตัดสินให้ฉันเรียบร้อยแล้วนี่" แคทเธอรีนตอบอย่างไม่เกรงกลัว
" มันมากับลูกสาว ลูกมันก็เป็นแม่มดด้วย" เสียงจากข้างหลังตะโกนบอก
" อย่ายุ่งกับลูกฉันนะ! เอาสิ จะฆ่าก็ฆ่าฉัน พวกแกต้องการไม่ใช่รึไง!" หญิงสาวรู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งขึ้นมา เธอเคยทำอะไรให้คนพวกนี้หรือ ถึงไล่ล่าพวกเธอราวกับเป็นสัตว์โสโครก
" อ้อ! ท้าเรอะ ข้าทำแน่" มันกระชากผมเธอแทบหลุดราก ปลายดาบจ่ออยู่กับคอหอย
" อย่าทำอะไรแม่นะ!" ร่างเล็กๆ ที่โผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ ดึงสายตาทุกคู่ให้หันมา
เพียงชั่วพริบตา ชายร่างยักษ์ก็เข้าถึงตัว เฟรีกรีดร้องและเตะถีบเป็นพัลวัลเมื่อมันลากเธอมาโยนไว้ข้างตัวมารดา
" เฟรี...ทำไมลูกไม่หนีไป" หญิงสาวพูดเสียงสั่น
" ลูกแกคงรู้ตัวว่าชะตาขาด เฮอะ! ไม่ต้องเสียเวลาตามหาดี" แคทเธอรีนกอดลูกแน่น แต่มันกระชากเด็กหญิงหลุดจากอ้อมแขน
" ไหงดูซิ..." มันก้มชิดหน้าเด็กหญิง ตาคู่น้อยจ้องตอบอย่างหวาดกลัว ก็อีแค่เด็กธรรมดา แต่ เอ๊ะ! มันแน่ใจว่าตาไม่ฝาด ลูกตาเธอเป็นสีส้มแดงลุกโชน จนมันผงะไปหน่อยหนึ่ง
" นังเด็กนี่เป็นลูกปีศาจ!" มันตะโกน ไม่ยอมรับว่าความกลัวกำลังก่อตัวขึ้น " เราต้องฆ่ามัน เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า!"
" มนุษย์โสโครกอย่างแกมีพระเจ้าให้นับถือรึไง!" แคทเธอรีนตะโกนตอบ เธอดึงลูกกลับมากอดไว้แน่นอย่างปกป้อง
" แกกกกกกก!" มันเงื้อดาบขึ้นสุดแขน
ทันใดนั้นเอง มือที่เงื้อหยุดกลางอากาศ ดาบตกลงบนพื้นห่างหญิงสาวไม่กี่นิ้ว และมันกำลังกรีดร้อง
เสียงโหยหวนแห่งความเจ็บปวดกรีดแก้วหูจนตัวชา พวกที่ล้อมอยู่ก้าวถอย ขณะหัวหน้าของมันตะกุยหน้าตัวเอง
แคทเธอรีนคิดว่าได้ยินเสียงดังแควก เสื้อผ้าของมันฉีกขาดจากกลางลำตัว ปรากฏรอยแยกขรุขระจากท้องน้อยถึงลำคอ มันร้องลั่นเมื่อเลือดทะลักออกมา มันมองสองแม่ลูก ดวงตาฉายความหวาดกลัวอย่างแท้จริง ก่อนร่างใหญ่ล้มลงจมกองเลือด
เปลวไฟเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นวงกลมล้อมกลุ่มคนพวกนั้นไว้ ไม่มีใครกล้าขยับตัว ไม่มีใครกล้าหนี แคทเธอรีนหันมองบุตรสาวอย่างลืมตัว
" เฟย์...ลูก..." เธอแทบไม่ขยับริมฝีปาก
" หนูเปล่านะ...หนูไม่ได่ทำอะไรเลย" เด็กหญิงสะอื้นฮัก
เปลวไฟเริ่มโถมเข้าใส่กลุ่มคนที่ทำร้ายแม่ลูกอย่างรุนแรงเกรี้ยวกราดราวกับมีชีวิต แคทเธอรีนหลับตาแน่น เพียงไม่กี่นาทีทุกอย่างก็ยุติ ทิ้งไว้เพียงซากไหม้เกรียมที่แทบมองสภาพเดิมไม่ออก น่าแปลกที่ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนั้นกลับอยู่อย่างปกติ ไม่มีแม้รอยไหม้สักนิด
แสงสว่างระยิบระยิบงดงามโอบล้อมเป็นวงใหญ่ สวยราวกับแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ หญิงสาวสะดุ้งวาบ เธอไม่มีวันลืมปรากฏการณ์เช่นเดียวกันนี้ได้แน่
บุรุษในอาภรณ์สีเข้มเจ็ดคนก้าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนงดงามทว่าดูเยือกเย็น ขอบตาของเธอร้อนผ่าวและเมื่อกระพริบตา หยาดน้ำใสอาบลงบนแก้ม เธอมองลูก เฟรีลุกขึ้น เดินไปหาร่างทั้งเจ็ด
เด็กน้อยหยุดเบื้องหน้าพวกเขา ชายเหล่านั้นคุกเข่าลงในท่าแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม ก่อนชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางจะพูดขึ้น
" เรารับบัญชาจากท่านแอสทารอธ บิดาของท่านให้มารับท่าน ขอเชิญกลับไปกลับเราเถิด องค์หญิงเฟรี บิดาของท่านกำลังรอคอยท่านอยู่ในดินแดนอีกมิติหนึ่ง"
เฟรีเหลียวกลับมามองมารดา แคทเธอรีนเพิ่งเห็นว่าลูกร้องไห้ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา เธอผงกศรีษะนิดหนึ่งเป็นเชิงอนุญาต
เด็กหญิงเดินหายเข้าไปในแสงสว่างกับบุรุษทั้งเจ็ด แคทเธอรีนมองตาม จากนั้นเธอกระซิบ
" แม่รักลูก..." เสียงนั้นแผ่วเบาแต่มั่นคงด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในหัวใจอย่างไม่มีวันหมดลง...
-------------------------------------------------------------------------
จากคุณ :
frodo baggin
- [
2 ก.พ. 46 21:41:34
]