ผจญมิติหิมพานต์ บทที่3

    ตอนเก่าๆ ค่ะ
    บทที่1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2097686/W2097686.html

    บทที่2
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2104546/W2104546.html


    คิลินทร์และสิงขรเฝ้ารอฝูงกินนรอยู่ที่ชายป่าจนครบสามวัน เมื่อปราศจากวี่แววของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเขาแล้ว กินนรน้อยเริ่มตระหนักได้ว่าสิ่งที่พวกเขากลัวมาตลอดนั้นได้เป็นจริงขึ้น

    จะต้องมีใครบางตัวหรือบางคนที่คิดร้ายต่อชนเผ่าของเขา แรกทีเดียวคิลินทร์คิดถึงพวกวิทยาธร…เพราะพวกนี้คือศัตรูคู่อาฆาตของชนเผ่ากินนรมาแต่โบราณกาล หากแต่ยามเมื่อกินนรน้อยเดินทางย้อนกลับไปจนพบร่องรอยของชนเผ่า คิลินทร์ก็ตระหนักได้ว่าศัตรูร้ายตัวใหม่ได้ปรากฏกายขึ้น

    สภาพผืนป่าแถบนั้นปรากฏร่องรอยของการต่อสู้อันดุเดือด ขนนกหลายสีสันของฝูงกินนรร่วงกระจัดกระจายไปทั่วผืนป่า แต่เขากลับไม่สามารถหาร่องรอยของซากศพใดๆ พบ

    คิลินทร์หยิบขนนกสีเขียวอ่อนเหลือบทองที่ตกปะปนอยู่กับขนนกอื่นๆ ขึ้นมา มันเป็นนกสีสวยที่หายาก ในกินนรฝูงหนึ่งมักปรากฎกินนรหรือกินรีผู้เป็นเจ้าของขนนกสีสวยนี้เพียงไม่กี่ตัว และสำหรับฝูงกินนรของเขานั้น มีเพียงผู้เดียวที่มีขนนกสีเขียวอ่อนเหลือบทอง นั่นคือมารดาของเขานั่นเอง

    ไม่ใช่ฝีมือของพวกวิทยาธร…กินนรน้อยนึกในใจหลังจากที่กรีดเสียงร้องเรียกพรรคพวกอยู่นาน พวกวิทยาธรไม่ใช่นักล่าที่เก่งกาจจนสามารถล่ากินนรทั้งฝูงได้ อีกทั้งพวกเขาไม่มีทางเก็บซากศพของเหล่ากินนรไปหมดเช่นนี้
    ภายในหัวสมองของคิลินทร์น้อยเริ่มสับสน ถ้าไม่ใช่พวกวิทยาธรแล้วจะเป็นใครกัน? เขาใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นกินนรน้อยจึงตัดสินใจมุ่งลงใต้รอพบกับฝูงกินนรอีกฝูงหนึ่งเพื่อถามข่าวคราว

    ท่ามกลางสายลมแรงของเขตป่าหิมพานต์ทางตอนใต้ กินนรน้อยและกิเลนบินตัวหนึ่งกำลังมุ่งตรงไปยังบริเวณทุ่งโล่งกลางป่าอันเป็นที่พำนักของฝูงกินนรใต้ กินนรน้อยลดระดับการบินค่อยๆ ร่อนลงเมื่อเหลือบเห็นทุ่งโล่งที่กว้างไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ทุ่งหญ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่และผืนป่าที่ห้อมล้อมพวกเขาอยู่ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่ผู้ใดจะบุกรุกเข้ามาได้

    “เจ้าทั้งสองมีธุระประการใดจึงเยื้องกายมายังดินแดนแห่งนี้” จู่ๆ กินรีนางหนึ่งก็โฉบลงมาขวางทางทั้งสองไว้
    “ข้ามาเพื่อพบท่านน้าของข้า ข้าคือคิลินทร์หลานของท่านนิลดา” กินนรน้อยกล่าว

    “เจ้าเป็นชนเผ่ากินนรทางเหนือไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเดินทางมาถึงนี่” กินรีผู้เฝ้าประตูเมืองเอ่ยถาม ท่าทีของนางดูอ่อนลงมากเมื่อรู้ว่าคิลินทร์เป็นผู้ใด
    “เกิดเหตุร้ายขึ้น ข้าต้องการมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือ”
    “ถ้างั้นตามข้ามา” กินรีกล่าวก่อนกางปีกบินนำขึ้นไป

    กลางป่ารกที่ปกคลุมด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่ กินรีนางนี้พาคิลินทร์และสิงขรบินลัดเลี้ยวไปตามเส้นทางป่าอันวกวน เพราะนี่คือป่าวงกตที่สร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองชาวเมืองกินนรใต้

    ตลอดเส้นทางสายวงกตสายนี้ คิลินทร์มองเห็นถึงร่องรอยการเดินป่าของพวกวิทยาธรมากมาย พวกเขาบุกรุกเข้ามาและหลงทางจนตายอยู่ในนี้มานับต่อนับ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของสัตว์อื่นอีกมากมาย เช่นฝูงนาคา เหรา และรอยเท้าของพวกกินนรเนื้อ

    “หากไม่มีผู้นำทางก็อย่าหวังเลยว่าจะออกจากป่าวงกตแห่งนี้ไปได้” นางกินรีบอกด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองในอุบายการป้องกันเมืองของชนเผ่านาง
    คิลินทร์ลอบถอยหายใจเฮือกใหญ่ นี่ถ้าชนเผ่ากินนรเหนือมีกลยุทธ์ในการป้องกันเมืองเช่นทางใต้ วันเวลาแห่งหายนะเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ชนเผ่ากินนรเหนือคงไม่มีวันที่จะทำเช่นนี้ได้เพราะเผ่ากินนรเหนือถือเป็นชนเผ่าเร่ร่อนชนเผ่าหนึ่งในป่าหิมพานต์ พวกเขาไม่มีถิ่นที่อยู่อาศัยที่แน่นอน ในทุกๆ ปีจะมีการโยกย้ายถิ่นที่อยู่ไปตามป่าทางตอนเหนือ การจะมาสร้างป้อมปราการหรือป่าวงกตล้อมเมืองเช่นทางใต้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

    อีกทั้งพวกเขายังเป็นเพียงชนเผ่ากลุ่มน้อย ไม่ได้มีจำนวนประชากรเป็นร้อยเป็นพันเช่นทางใต้นี้
    “เอาล่ะถึงแล้ว ยินดีต้อนรับเจ้าสู่อาณาจักรกินนร” นางกินรีบอกก่อนแหวกม่านเถาวัลย์ออก

    เบื้องหลังของเถาวัลย์กอใหญ่แห่งนี้เองคือที่ตั้งของอาณาจักรกินนรที่ใหญ่ที่สุดในผืนป่าหิมพานต์ ห้าปีผ่านไปนับจากครั้งสุดท้ายที่มารดาพาคิลินทร์มาเยือนดินแดนแห่งนี้ อาณาจักรกินนรไม่ได้เป็นเพียงทุ่งโล่งอย่างที่เคยเห็น บัดนี้ท่ามกลางทุ่งโล่งกว้างที่หลบซ่อนอยู่กลางหุบผาใหญ่ได้เติบโตและพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นเมืองที่สวยงามและมากด้วยประชากรชาวกินนรกว่าพันชีวิต

    ต้นไทรต้นใหญ่นับร้อยถูกฝูงกินนรช่วยกันขุดมาจากทั่วทุกมุมของผืนป่าเพื่อนำมาปลูกเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าทุกกิ่งก้านของต้นไทรยักษ์แต่ละต้นจะมีรังขนาดใหญ่จับจองพื้นที่อยู่ และในบรรดารังเหล่านั้นก็มักจะมีไข่หรือลูกกินนรน้อยๆ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกนอนขดตัวอยู่
    “ข้าจะพาเจ้าไปหานิลดา” นางกินรีบอก
    แล้วทั้งสามก็โผบินขึ้นตรงไปยังไทรต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางอาณาจักรกินนร

    นิลดาหรือน้าสาวของคิลินทร์เคยเป็นกินรีทางเหนือเช่นเดียวกับมารดาของคิลินทร์ แต่ความที่นางได้แต่งงานกับกินนรหนุ่มทางใต้ นางจึงโยกย้ายตัวเองมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของอาณาจักรแห่งนี้

    นิลดาเป็นกินรีสาวที่มีผม นัยน์ตา และขนสีดำสนิทผิดกับมารดาของคิลินทร์ที่มีขนสีเขียวอ่อนเหลือบทองเฉกเช่นเดียวกับตัวกินนรน้อย
    “ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครั้งคิลินทร์ มารดาของเจ้าไปอยู่เสียที่ไหนแล้ว ทำไมถึงชักช้านัก” นิลดาเอ่ยปากถามเมื่อไม่เห็นพี่สาวตนบินลงมาพร้อมกับหลานชาย

    คิลินทร์มีสีหน้าไม่ดีนักยามเอ่ยถึงหายนะแห่งชนเผ่ากินนรเหนือ
    “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้เดียวที่เหลือรอดจากภัยครั้งนี้สินะ” กินรีสาวพูดขึ้นในที่สุด
    “ไม่หรอกท่านน้า ข้าเชื่อว่าท่านแม่และพี่น้องเผ่าข้ายังมีชีวิตอยู่” คิลินทร์เถียง

    “จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่มีศัตรูใดจะปล่อยข้าศึกให้มีชีวิตรอดหรอก ตัดใจเสียเถิดหลานชาย ข้าว่าเจ้าควรย้ายถิ่นมาอยู่กับครอบครัวข้าจะดีกว่า ขจีคงไม่รังเกียจหลานชายเช่นเจ้า” นางเอ่ยถึงสามีตน

    “ขอบพระคุณสำหรับน้ำใจของท่าน แต่ข้าก็เชื่อว่าท่านแม่จะยังคงมีชีวิตอยู่ และนี่เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องตามหาท่านแม่และกินนรตัวอื่นๆ ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อถามข่าวคราวถึงศัตรูใหม่ที่เรากำลังเผชิญอยู่”
    “หมายความเช่นไร?” นิลดาถามด้วยความไม่เข้าใจ

    “ถึงข้าจะไม่เคยเห็นพวกมัน แต่ข้ากลับมั่นใจว่าพวกที่จับท่านแม่และตัวอื่นๆ ไปไม่ใช่วิทยาธรหรือฝูงสัตว์อื่นในหิมพานต์นี้”
    “จะยังมีชนเผ่าต่างถิ่นจากที่แห่งใดอีกหรือ?”
    “ข้าก็ยังไม่แน่ใจนัก จึงอยากถามพวกท่านว่าที่อาณาจักรแห่งนี้เคยโดนบุกโจมตีโดยชนเผ่าต่างถิ่นบ้างหรือไม่” กินนรน้อยเอ่ยถาม

    “ถ้าเป็นเรื่องนี้เจ้าคงต้องไปถามองค์ราชินีเองเสียแล้ว ข้าเป็นเพียงพลเมืองตัวหนึ่งไม่อาจให้ความกระจ่างแก่เจ้าได้” นิลดาบอก
    ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นกินรีสาวจึงพาคิลินทร์และสิงขรบินตรงไปยังยอดต้นไทรยักษ์กลางอาณาจักรอันเป็นรังประทับขององค์ราชินี

    “ข้าขอแสดงความเสียใจต่อหายนะที่พวกเจ้ากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ นับเป็นเรื่องเศร้านักที่ได้รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือใดๆ จงบอกมาเถิด ข้ายินดีทำให้” องค์ราชินีซึ่งเป็นกินรีสีทองเอ่ยกับคิลินทร์ด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยนัก

    “ข้าจะออกเดินทางตามหาพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ หากท่านจะกรุณา…โปรดบอกข้าเถิดว่าศัตรูที่ข้ากำลังเผชิญอยู่นี้คือผู้ใดกัน” คิลินทร์ถาม
    องค์ราชินีนิ่งไปพักใหญ่ก่อนกล่าวออกมาอย่างยอมแพ้ว่า

    “ข้าจนปัญญาในคำถามของเจ้าจริงๆ อาณาจักรของเราไม่เคยผจญกับศัตรูเช่นนี้มาก่อน มันไม่ใช่วิทยาธรเพราะพวกนั้นจะไม่มีทางทิ้งขนอันมีค่าให้ร่วงเกลื่อนกลาดพื้นเช่นนี้ ไม่ใช่พวกนาคาเพราะพวกนั้นไม่มีทางยอมแบกซากกินนรไปด้วยแน่ และมันก็ไม่มีทางเป็นพวกกินนรเนื้อเพราะถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่มีวันฆ่ากินนรกว่าสิบชีวิตได้ในคราวเดียว”
    “จะยังมีศัตรูอื่นอีกหรือนอกจากชนเผ่าทั้งสามนี้” นิลดาที่นั่งฟังอยู่ด้วยเอ่ยถาม

    “ข้าไม่รู้ แต่ศัตรูของเจ้าที่กำลังเผชิญอยู่นี้บอกได้เลยว่าพวกมันแข็งแกร่งและเข้มแข็งนัก สามารถกำจัดกินนรกว่าสิบชีวิตลงได้โดยไม่มีผู้ใดเหลือรอดเลย ช่างน่ากลัวจริงๆ” องค์ราชินีกล่าว

    จากคุณ : ไฟลี่ (firely) - [ 10 มี.ค. 46 07:57:36 ]