นายร้อยสอยจันทร์

    ภาคต่อของฟาร์มรักนะครับ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2125410/W2125410.html

    กามเทพ

         ลมชายป่าหอบเอาความหนาวที่ดูเย็นยะเยือก

    ทำเอาใบหน้าของเหล่านักเรียนนายร้อยที่ไร้

    สิ่งปกคลุมต้องชาเป็นแถบ ๆ ใบไม้ไหวระริกล้อ

    แรงลมดูไม่ยี่หระกับอำนาจแห่งความหนาวอย่างที่

    เหล่านักเรียนทหารต้องเผชิญ  กองไฟที่จุดสุมเพื่อ

    ล่ความมืดทึมยามตะวันลาแสงยังช่วยเพิ่มความ

    อบอุ่นให้กับสรรพสิ่งรอบข้าง แสงที่ลุกโชนต้อง

    โหมกระพรือเพราะแรงลมหวนก่อนจะมีเศษไม้ที่

    คุกรุ่นปะทุเป็นระยะ ๆ  นักเรียนนายร้อยนรินทร์

    อาศัยโคนไม้ใหญ่พิงร่างที่เหนื่อยล้าจับจ้องเปลวไฟ

    เบื้องหน้า ก่อนจะเบือนสายตาไปจับจ้องจันทร์

    คืนเพ็ญที่แผ่แสงนวลตากลมเด่นอยู่บนผืนฟ้ายาม

    ดาวหลบแสง แววตาคู่เดิม ๆ จับจ้องฟ้าผืนเดิม ๆ ที่

    มองเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ

    เสียงเพลงจากฮัมโนนิก้าดังขึ้นมาแว่ว ๆ คงมีเพื่อน

    ในหมู่สักนายกำลังใช้ท้วงทำนองแห่งลมหายใจ

    เป่าผ่านฮัมโมนิก้าเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกภายใน

    แทรกผ่านไปกับสายลมแม้รู้ว่าคงจะกลืนหายไป

    กับแนวป่าหนาทึบก็ตาม

    เสียงนั้นฟังคุ้นหู คงเป็นเพลงทะเลและแสงจันทร์

    ของสุเมธแอนด์เดอะปั๋ง ปกติธรรมดาจะมีคนเป่า

    แต่เพลงเดือนเพ็ญเสมอ ๆ เวลาที่เห็นจันทร์ดวงกลม

    โตงามเด่นบนฟ้าเช่นนี้  นักเรียนนายร้อยนรินทร์ได้

    แต่ฮัมเนื้อในใจคลอตาม แม้ว่าจะไม่มีทะเลผืนไหน

    จะมาอยู่เคียงฟ้ามืดและจันทร์ในยามนี้ก็คงมีทะเล

    ดาวที่ถูกกลบแสงให้รู้สึกอ้างว้างทุกครั้งเวลาเผลอมอง

    น้ำเสียงใส ๆ ปรากฏขึ้นมาในห้วงความรู้สึกเหงา ๆ

    อย่างไม่ตั้งใจ

    “พี่อ่ำ...ลืมอะไรก็ได้นะ แต่อย่าลืมจันทร์เจ้าขาก็พอ”

    นักเรียนนายร้อยนรินทร์ได้แต่ทวนคำพูดนั้นในใจ

    เรียกความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้อย่างประหลาด

    น้ำเสียงที่แฝงความสดใสดูจะไม่จริงจังกับสิ่งที่

    ตัวเองพูดออกมาว่าสื่อให้คนอื่นเขาคิดอะไรต่อมิ

    อะไรไปถึงไหนดูจะเป็นเอกลักษณ์ของเธอจริง ๆ

    “ใครจะไปลืมจันทร์ดวงนี้ลง..”เสียงพูดตอบกับตัวเอง

    เบา ๆ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอย่าง

    ไม่ตั้งใจ

    “ไอ้อ่ำ..ยิ้มอะไรของเอ็งวะ หัวเราะกะลมกะฟ้าก็ได้”

    เพื่อนนักเรียนนายร้อยเดินเข้ามาทักเพื่อนอย่างสงสัย

    “ไม่มีอะไรหว่ะ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”เขาได้แต่เก็บ

    รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นแอบอมยิ้มแทน

    “ท่าจะคิดถึงแฟน”เสียงแซวจากเพื่อนอีกนานดังลั่นขึ้น

    “บ้าดิเอ็ง น้องเขาเสียหาย”เสียงตอบกลับโดยไม่ทัน

    ได้คิดทำให้นายอ่ำต้องตกเป็นเป้าหมายการซักไซ้

    ของเพื่อนทั้งหมู่ต่อ

    “เฮ้ย.. งั้นก็มีให้คิดจริงสิวะ ฮะฮะ น้องไหนวะ”เสียง

    หัวเราะดังขึ้นทำลายความสงบที่มีมานาน อ่ำได้แต่

    งุดหน้าลงมองพื้นดินด้วยความอายและซ่อนใบหน้า

    ที่เริ่มแดงกล่ำไม่อยากต่อปากต่อคำต่อ

    “น้องเขาติดต่อมาเอ็งบ้างไหม”เพื่อนคนเดิมเริ่มหา

    เรื่องแซวต่อ

    “อืม..ไม่มี...ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขานี่หว่า แค่รู้จักกัน”

    เสียงอ่ำดูกร่อยลงอย่างเห็นได้ชัด จันทร์วาดรู้จัก

    เขาเป็นเพียงนายอ่ำที่บังเอิญรู้จักกันที่บ้านไร่เมื่อ

    เกือบสองปีที่ผ่านมาช่วงที่ได้กลับบ้านและได้มีโอกาส

    ช่วยงานในฟาร์มและลุงอำนาจพ่อของจันทร์วาด..ก็

    เท่านั้น ไม่ได้รู้จักเขาในฐานะนักเรียนนายร้อยนรินทร์

    สักเท่าไหร่ เพียงแค่เย็นวันที่ฝนตกพรำ ๆ ช่วงที่เขากลับ

    เข้ามาในเมืองเพื่อศึกษาต่อ เพียงวันนั้นวันที่เขาได้พบ

    กับจันทร์วาดโดยบังเอิญ...ดูจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้

    เอ่ยความรู้สึกเป็นห่วงให้จันทร์วาดได้รับรู้ นั่นสินะจะมี

    จันทร์เจ้าขาที่ฟากฟ้าไหนมามองคนคลุกฝุ่นอย่างเขา

    เสียงลอบถอนหายใจดังแผ่วๆ ขึ้นมา คำถามหลากหลาย

    ข้อที่เหล่าเพื่อน ๆ พยายามสอบถามเพื่อแง้มความนัย

    ใจและความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจันทร์วาด มีเพียง

    คำตอบว่าไม่..ไม่..และไม่เท่านั้น

    “รู้จักกันมานานหรือยัง ไอ้อ่ำ..”จะนับช่วงเวลาสั้น ๆ

    ที่ได้พบหน้ากันคงจะมีคำตอบเดียวเท่านั้นที่ให้ได้

    “ไม่นาน”

    “แล้วเขามีที่ท่าสนใจเอ็งไหม”ถ้าได้มีโอกาสได้เจอ

    เธอมากกว่านี้คงตอบคำถามนี้ได้ แต่ตอนนี้คงต้องตอบ

    อย่างเลี่ยง ๆ ไป

    “ไม่รู้สิ”

    “เคยไปเที่ยวกับเขาไหม”ถ้าการได้เดินต้อนวัวด้วย

    กันเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งเขาคงตอบอย่างเต็ม

    ปากว่าใช่แต่นี่ก็ต้องใช้คำตอบอย่างเดิม

    “ไม่เคย”

    “เธอสวยไหม” คำถามนี้ดูจะทำให้อ่ำอ้ำอึ้งมากที่สุด

    แต่เป็นคำถามที่เขามั่นใจในคำตอบที่สุดเพียงแต่เอ่ย

    ออกไปไม่ได้

    “อืม”คำตอบเบา ๆ ที่อยากให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น

    เหล่าผองเพื่อนต่างส่งเสียงถามย้ำ ๆ ขึ้นเพื่อเรียก

    วามกล้าให้นายอ่ำหรือนักเรียนนายร้อยนรินทร์ได้

    มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ดูจะเป็นความ

    พยายามที่ผิดหวังเพราะเรียกได้เพียงอาการพยัก

    หน้าจากเขาได้เท่านั้น เสียงลมพัดผ่านเปลวไฟ

    ในกองให้ลุกโชนขึ้นอีกหน เสียงสนทนาต่าง ๆ

    เริ่มเงียบลงเหลือเพียงความเงียบสงัดให้คืนกลับ

    มาเช่นเดิม คงเหลือเพียงความเงียบเหงาที่ยังคง

    แอบเกาะกินหัวใจเหล่าว่าที่นายทหารทุกนายให้

    สั่นคลอนอย่างไม่รู้ตัว

    กามเทพ


    แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 46 15:23:59

    แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 46 14:44:06

    จากคุณ : karinas - [ 18 มี.ค. 46 14:41:58 ]