อิลราช คำฉัน.........พระยาศรีสุนทรโวหาร(ผัน สาลักษณ)

    พระราชนิพนธ์คำนำ..............พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

                          หนังสืออิลราช คำฉันท์นี้ จะว่าได้เกิดมีขึ้นเพราะข้าพเจ้ายุยงก็ได้  ที่ว่ายุยงนั้น เพราะข้าพเจ้าได้ทราบอยู่ว่าหลวงสารประเสริฐ (พระยาศรีสุนทรโวหาร [ผัน สาลักษณ]) เ้ป็นผู้มีฝีปากแต่งหนังสือเห็นกาพย์กลอนได้อยู่  ดังมีพยานปรากฎอยู่ทีเรื่อง ปัญจสิงขรคำกลอน  กับฉันท์และกลอนเบ็ดเตล็ดต่างๆ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วก็เห็นว่า มีจินตกวีเกิดขึ้นในหมู่คนไทยชั้นหนุ่มอีกแล้ว  แต่ข้าพเจ้าวิตกอยู่ว่า ถ้าไม่คอยระวัง กลัวหลวงสารประเสริฐจะใช้ความสามารถของตนนั้น เพื่อแต่งหนังสืออันไม่เป็นแก่นสาร

    ในสมัยตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ มา ข้าพเจ้ามีความเสียใจที่ได้สังเกตเห็นว่า ฝีปากผู้แต่งกาพย์กลอนเลวลงกว่าในต้นรัชกาลที่ ๕ นั้น เป็นอันมาก  เพราะพอใจแต่งแผลงอวดดีไปว่าใช้โวหารอย่างใหม่ ซึ่งมีคนบางจำพวกนิยม โดยสำคัญว่าเป็นโวหารอย่างฝรั่งและนิยมว่า การแต่งหนังสือโดยใช้โวหารแผลงและคำซึ่งเข้าใจว่าเป็นคำฝรั่งปนเปอยู่นั้น เป็นเครื่องแสดงความรุ่งเรืองของตน  ในชั้นเมื่อเกิดมีละครชนิดที่เรียกว่า ละครร้อง  ชุมชุมขึ้น  นักเลงแต่งบทละครร้องก็มีมากขึ้น  และเป็นที่เข้าใจกันว่า กลอนที่จะใช้ในบทละครร้องเช่นนี้ต้องใช้เป็นอย่าง "สมัยใหม่" ใช้ถ้อยคำอย่างใหม่ เลี่ยงถ้อยคำ ซึ่งเรียกว่า "ภูมิเก่า" ให้มากที่สุดที่จะหลีกไปได้  เช่นต่างว่าจะแต่งบทโลม ถ้าแต่งอย่างแบบแผนแห่งจินตกวีนิพนธ์ไทยเก่า คงแต่งว่า

    "โฉมงามทรามสุดสวาทพี่  ดาลฤดีจ่อจิตพิศวง
    ขอแต่เพียงได้พิงอิงองค์    แนบอนงค์ขวัญฟ้ายาใจ" ดังนี้

    แต่ถ้าใครแต่งเช่นนี้ก็มันถูกหาว่าเป็นภูมิเก่า  ไม่ทันสมัย ฝ่ายผู้แต่งถึงแม้จะพอมีความรู้แต่งได้ก็ไม่กล้าแต่งออกมา เพราะกลัวจะถูกติว่าเป็นคนผิดสมัย  ฝ่ายผู้อ่านถึงแม้ว่าแท้จริงเมื่ออ่านบทกลอนเช่นข้างบนนี้แล้วจะรู้สึกในใจจริงว่าเพราะ ปากก็ต้องกล่าวติว่า  "ครึ"  หรือ "งุ่มง่าม" เพราะถ้าแสดงออกมาว่าชอบบทกลอนเช่นนี้แล้ว  ก็เกรงจะเป็นเหมือนสารภาพว่าตนเป็นคนที่เดินไม่ทันสมัย  ด้วยเหตุนี้จินตกวีสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ เมื่อปรารถนาจะแต่บทโลมให้ได้ใจความเช่นเดียวกับบทข้างบนนี้จึงต้องแต่งว่า

    "โอ้งามโฉมประโลมหรูคู่ชีวิต  ช่างถูกจิตนี่กระไรแม่ใจหวาน
    ขอจูบเจ้าคลึงเคล้าเยาวมาลย์  กระสันซ่านกอดศอพอชื่นใจ"  ดังนี้

    ตัวผู้ที่แต่งบทกลอนเช่นนั้ ถ้าเป็นผู้ที่มีนิสัยเป็นจินตกวีแม้แต่เล็กน้อย ก็คงจะต้องรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำอันมีภูิมิต่ำ ซึ่งถ้าจะเปรียบกับคำกลอนบทข้างบนนี้ ก็ต้องรู้สึกว่าเหมือนขันทองเหลืองเทียบขันทองคำ แต่จะทำอย่างไรได้ตนเป็นผู้ขาย เมื่อคนซื้อชอบขันทองเหลืองมากกว่าขันทองคำ ก็จำเป็นต้องทำขันทองเหลืองขาย เมื่อเจ้าของโรงละครเขาชอบบทละครโสกโดกก็ต้องแต่งเช่นนั้น

    ข้าพเจ้าได้เคยรู้สึกรำคาญมานานแล้ว แต่ไม่แลเห็นหนทางที่จะแก้ไขอย่างใด นอกจากที่จะมีผู้เป็นจินตกวีมาปรึกษาหารือแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะสามารถแสดงความเห็นพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้ช่วยกันรักษาวิชากวีไทยอย่าให้สูญเสียหรือเลวทรามไป  ก็นับว่าได้มีผลสำเร็จไปบ้างแล้วบางรายแต่งยังเป็นส่วนน้อยนัก

    ในส่วนตัวหลวงสารประเสริฐนี้  ข้าพเจ้าได้ถือโอกาสตักเตือนได้เต็มที่ เพราะพระยาศรีสุนทรโวหาร(พระยาศรีภูริปรีชา[กมล สาลักษณ]) ผู้เป็นบิดาเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยมาช้านาน  ได้เคยพูดจาปรารภมีความเห็นพ้องกันอยู่ ทั้งตัวหลวงสารประเสริฐก็ได้รู้จักต่อเนื่องจากความคุ้นเคยกับบิดาเขานั้น  ข้าพเจ้าจึงถือเอาโอกาสเพื่อแนะนำหลวงสารประเสริฐให้แต่งหนังสืออะไรอัน ๑ ซึ่งจะได้มีชื่อเสียงสืบไปว่าเป็นจินตกวีผู้หนึ่ง  ซึ่งมิได้เป็นผู้ช่วยทำให้ภาษาไทยเสื่อมทราม ข้าพเจ้าของให้พยายมแต่งหนังสือขึ้น  เพื่อให้ปรากฎแต่ไปในพงศาวดารว่าในรััชกาลพระมงกุฎเกล้าก็ยังมีจินตกวีอยู่  หลวงสารปะรเสริฐก็รับปากไว้  แต่ยังหาเรื่องที่ประพันธ์ขึ้นนั้นไม่เหมาะได้  จนข้าพเจ้าได้แต่งหนังสือ  "บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์"  นั้นขึ้น หลวงสารประเสริฐจึงได้พบนิทานเรื่องอิลราช  ซึ่งมีอยุ่ในอุตตรกัณฑ์แห่งรามายณะ  เห็นว่าพอจะประพันธ์เป็นคำฉันท์ได้  หลวงสารประเสริฐจึงได้แต่งขึ้นด้วยความอุตสาหะ  แล้วนนำมาให้ข้าพเจ้าช่วยตรวจ  ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยตรวจแก้ไขและแสดงความเห็นให้แก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้น  และบางตอนที่เขาแต่งไม่ได้โดยพิสดารเพราะขาดความรู้ในกิจการนั้นๆ โดยเฉพาะ  เช่นเรื่องพิธีอัศวเมธเป็นต้น  ข้าพเจ้าก็ได้ช่วยชี้แจงให้ฟังโดยพิสดาร  ตามที่ข้าพเจ้าได้อ่านมาในตำรับไสยศาสตร์  หลวงสารประเสริฐได้กำหนดจดจำเอาไปประพันธ์ขึ้นได้อย่างดี  นับว่าเป็นที่ควรสรรเสริญ

    ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่า ในรัชกาลของข้าพเจ้าได้มีจินตกวี ซึ่งสามารถจะแต่งฉันท์ภาษาไทยได้หลายคนแล้ว  และหลวงสารประเสริฐผู้แต่งเรื่องอิลราชคำฉันท์นี้เป็นคน ๑ ในหมู่นั้น ข้าพเจ้ามีความยินดีเขียนคำนำนี้ให้หลวงสารประเสริฐเพื่อแสดงความพอใจแห่งข้าพเจ้า ณ บัดนี้

    อนึ่งข้าพเจ้าขอถือเอาโอกาสอันนี้เพื่อแสดงว่า  ถ้าแม้ผู้ใดซึ่งริเริ่มจะนิพนธ์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน  มีความปรารถนาจะให้ข้าพเจ้าตรวจและแนะบ้าง  อย่า่งที่ข้าพเจ้าได้ช่วยหลวงสารประเสริฐมาแล้วนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ที่คุ้นเีคยกัยข้าพเจ้าแล้วแต่ก่อนก็ตาม  ข้าพเจ้าก็จะยินดีช่วยตรวจ และแสดงความเห็นเท่าที่ข้าพเจ้าสามารถจะทำได้  เพื่อช่วยอนุเคราะห์ผู้ที่มีความพอใจในทางจินตกวีนิพนธ์และเพื่อประโยชน์แก่วิชากวีของไทยเรานั้นด้วย

    ..........................(รัชกาลที่ ๖)
    สนามจันทร์
    วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖

     

    จากคุณ : song982 - [ 13 เม.ย. 46 20:29:07 A:203.146.127.117 X: ]