ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกว่าเป็นเรื่องแปลหรือเปล่า เพราะเรื่องที่ Shelley เขียนเอาไว้เต็ม ๆ นั้นยังอ่านไม่จบด้วยซ้ำ ฉะนั้นอันนี้ก็มีพื้นฐานมาจากในหนัง ด้วยความที่วันหนึ่งไปเปิดเจอเข้า เราเลยนำมาเขียน (แล้วก็หั่น แล้วก็สับ แล้วก็แปลง) แน่นอนว่ามีบางส่วนที่ดูโหดร้าย กระทู้นี้อาจโดนลบก็ได้นะ เด็ก ๆ อย่าอ่านล่ะ ^_^
รอยเย็บบนใบหน้า
เค้าโครงและดัดแปลงจากเรื่อง Frankenstein
ผมเป็นที่หวาดกลัว ผู้คนไม่คบหา เพราะหน้าตาที่น่ากลัว แผลที่เหวอะหวะทั้งร่างกาย รอยเย็บต่าง ๆ บนใบหน้าและลำตัว ผมไม่เคยทำเลว แต่เมื่อใดที่ผมปรากฏตัวให้ผู้คนได้พบเห็น ถ้าพวกเขาไม่กรีดร้องและหนีไป พวกเขาก็จะขว้างปาก้อนหินและสิ่งของมาที่ตัวผม มันเป็นสิ่งที่ทำให้เสียใจ ผมถูกรังเกียจ ผมไม่สามารถอยู่ร่วมกับใครได้ ซึ่งในความจริงแล้ว มันไม่ใช่ความผิดของผมเลย มันไม่ใช่ความตั้งใจของผมที่จะเป็นเช่นนี้ และมันไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของพันธุกรรมหรืออะไรแต่อย่างใด ผมไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ผมเพียงแค่ผม..
"ถูกสร้างขึ้นมา" เท่านั้นเอง
เขาไม่เคยแม้แต่ที่จะตั้งชื่อให้ผม เพราะเมื่อผมเกิดมา เขาก็หนีไปจากผม ทิ้งผมไว้ให้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นแรมปี แม้แต่ผู้ที่สร้างผมเองนั้นยังรังเกียจผม ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยทำอะไรให้ใครเดือดร้อนเลย ผมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ไม่มีแม้แต่อาหารหรือเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่นั่นเป็นสิ่งที่เก็บมาจากซากศพที่ตายด้วยโรคอหิวาต์ กว่าผมจะรู้ว่าอหิวาต์คืออะไร กว่าผมจะรู้ว่าพวกเขาตายด้วยโรคอหิวาต์ ผมก็ได้อยู่คลุกคลีกับ "ซาก" ของพวกเขามานานพอดูแล้ว ดูเหมือนผมจะมีภูมิต้านทานร่างกายที่ไม่ปกติเลยทีเดียว แต่ก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างไร เพราะตัวผมเองนั้นเป็นเพียงแค่ "ชิ้นส่วน" ต่าง ๆ ของมนุษย์เท่านั้นเอง หน้าของผม ดวงตา แขน ขา ร่างกาย หรืออาจจะแม้แต่สมองนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้นำมาจากคนคนเดียวกัน สมุดบันทึกของผู้สร้างของผมบอกไว้ว่า "วัตถุดิบ" ที่นำมานั้น มาจากอาชญากรและผู้ที่ติดโรคติดต่อ และอาจจะเพราะมีชิ้นส่วนเหล่านั้น ผมจึงมีภูมิต้านทานต่อโรคอย่างอหิวาต์ หรือโรคอื่น ๆ
ในชีวิตนี้ ผมได้มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นชายแก่ ชายแก่ที่ตาบอด เขาสอนให้ผมเรียนรู้ที่จะเป่าขลุ่ย อาจเพราะเขาตาบอด เขาจึงไม่หวาดกลัวผม เขาเคยกล่าวไว้ว่า เขาเห็นในจิตใจผม ผมนั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม และเขาเป็นคนคนเดียวที่อาทรและสงสารผม เมื่อผมเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง
แต่มันไม่มีอีกแล้ว
เพราะครอบครัวของชายแก่ตาบอดได้ทราบว่าเขาคบหากับผม เขาจึงพาชายแก่ตาบอดคนนั้นไป ขว้างปาสิ่งของ ทำร้ายและทุบตีผม เหมือนกับที่คนอื่น ๆ ทำ นั่นเพราะหน้าตาของผมเช่นนั้นหรือ นั่นเพราะรูปร่างของผมเช่นนั้นหรือ แม้แต่เพื่อนคนเดียวของผมก็ยังถูกแย่งชิงไป ผมไม่เหลือใคร ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าผมถูกสร้างให้เป็นแบบนี้ แล้วผมก็นึกออกจนได้
ผู้ที่สร้างสิ่งมีชีวิตที่ขมขื่นอย่างผมขึ้นมา จะต้องได้รับการล้างแค้นอย่างสาสม
มันไม่ยากเลยที่จะตามหาว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน เพราะในมือผมมีสมุดบันทึกของเขา แน่นอน ผมออกเดินทางเพื่อตามหาเขา ผมออกเดินไปอย่างไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนผมจะมีกำลังกายมากกว่าคนปรกติหลายเท่า เพราะเคยมีคนผู้หนึ่งพูดว่าที่ที่ผมจะไปนั้นจะต้องใช้เวลาถึงสองเดือนกว่าจะไปถึงได้ และถึงแม้จะมีม้าดีสักตัวก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบวัน แต่ไม่.. ผมไปที่นั่นได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการดี ผมจะได้เริ่มการแก้แค้นครั้งใหญ่ครั้งนี้ ชีวิตเขาจะต้องขมขื่น เขาจะต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน
ผมใช้เวลาหลายเดือนซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ไม่ไกลจากบ้านของเขา คอยแอบฟังผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคุยกัน จึงทราบว่าเขามีพ่อที่กำลังป่วย น้องสาวบุญธรรมอายุไล่เลี่ยกันหนึ่งคน และน้องชายที่อายุห่างกันมากอีกหนึ่งคน ที่บ้านของเขานั้นร่ำรวยและมีบริวารมากมาย คนที่ดูเหมือน "สำคัญ" สำหรับเขานั้น ก็มีน้องสาวบุญธรรมของเขา ซึ่งเขากำลังจะแต่งงานด้วย น้องชายคนเล็ก คุณพ่อที่กำลังป่วยอยู่ และยังมีอีกหนึ่งคน คือ สาวใช้คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนเล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งดูเหมือนคนเหล่านี้จะต้องโชคร้ายในอนาคต แต่เขา "ผู้สร้าง" นั้นจะต้องโชคร้ายกว่า เพราะคนเราเมื่อตายแล้ว ก็เพียงแค่ตายไป แต่ผู้ที่คงอยู่นั้นจะต้องคอยแบกรับความทรงจำอันข่มขืนที่ผู้ที่ตายสร้างเอาไว้เช่นนั้นตลอดไป
และแล้วก็มีวันหนึ่งจนได้ที่เป็นโอกาสของผม วันที่น้องชายของเขาได้ออกไปเที่ยวเล่นในป่าตามลำพัง
เมื่อผมเห็นน้องชายของคนผู้นั้นได้ออกห่างไกลจากบ้านของเขาเพียงพอ ผมก็ย่างกรายเข้าไป มันไม่ยากเลยที่จะทำให้เขาหวาดกลัว ด้วยหน้าตาและรูปร่างอันใหญ่โตของผม ผมปล่อยให้เขาวิ่งจนเหนื่อยหอบ วิ่งออกไป วิ่งออกไป จนออกไปไกล วิ่งออกไปจนเด็กน้อยคนนั้นคิดว่าตัวเองหนีพ้นจากผมได้แล้ว แต่เปล่าเลย.. ผมเพียงแต่รอให้เด็กคนนั้นเหนื่อยอ่อน เพียงแต่รอให้ท้องฟ้านั้นมืดลง ผมเดินเข้าไป กว่าเด็กคนนั้นจะรู้ตัว ผมก็ใช้มือจับที่คอของเด็กน้อยนั่น ใช่.. มือเพียงข้างเดียวเท่านั้น แต่ก่อนหน้าที่ผมจะทำอะไรลงไป เพียงเสี้ยววินาที ผมก็ได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนเรียก ซึ่งเป็นชื่อของเด็กน้อยคนนี้ คนที่อยู่ในกำมือผม เสียงตะโกนนั้นเป็นของสาวใช้คนนั้นนั่นเอง คนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นของเขา "ผู้สร้าง" คนนั้น
ช่างเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะเสียนี่กระไร ผมรู้ดีว่าต่อไปผมจะทำอะไรได้บ้าง ผมจึงโยนเด็กชายลงไปในแม่น้ำ
เป็นตามที่คิด สาวใช้คนนั้นได้ลงไปช่วยเด็กน้อยที่กำลังจะจมน้ำ เธอทำสำเร็จ แต่เมื่อเธออุ้มเด็กขึ้นมาจากแม่น้ำ เธอไม่รู้เลยว่าเธอจะพบกับอะไร และเพียงแค่ผม "แตะ" เบา ๆ ที่ท้ายทอยของเธอ เธอก็สลบไปเสียแล้ว แน่นอน เพราะผมมีแรงมหาศาล ถ้าผมออกแรงมากเกินไป คอของสาวน้อยคนนี้ต้องขาดออกแน่ ๆ แต่ไม่ ผมจะไม่ทำเช่นนั้น ผมพาเธอกับเด็กที่กำลังสลบอยู่ไปที่กระท่อมใกล้ ๆ ผมจับหญิงสาวนอนลงบนกองฟาง ส่วนเจ้าเด็กน้อย ผมได้ใช้มือที่ใหญ่โตของผมจับคอของเขาแล้วชูขึ้น จนตัวของเจ้าเด็กน้อยลอยอยู่กลางอากาศ
ผมเพียงแค่ออกแรงบีบอีกเล็กน้อยเท่านั้นเอง เด็กคนนี้ช่างโชคร้าย อนิจจา..
ผมไม่ลืมที่จะทิ้งสร้อยคอทองคำขาวที่เด็กชายตัวน้อยคนนั้นสวมใส่อยู่ไว้ในมือของสาวใช้ผู้หลับไหล ใช่.. ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่คร่าชีวิตเด็กชายคนนั้นคือผม แต่สิ่งที่คนอื่นจะรู้คือ "เธอ" เป็นคนฆ่าเด็กคนนั้นเสียเอง
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาก็เป็นไปตามที่ผมคาดหมายเอาไว้ สาวใช้ถูกจับแขวนคอประจานกลางฝูงชน ก่อนที่เธอจะมีโอกาสอธิบายอะไรเสียอีก เธอถูกผู้คุมพามายืนที่กลางเวทีที่สูงมาก นักฆ่าได้นำถุงผ้าสีดำมาคลุมหัวและคล้องคอเธอด้วยเชือก ก่อนที่จะผลักตัวเธอให้ตกลงไป จนเชือกนั้นรัดคอเธอแน่น เธอดิ้นและเตะขาอยู่ไม่นาน ก่อนที่จะสงบลง นั่นคือ "ตาย"
ดูเหมือนชิ้นส่วน "วัตถุ" สมองที่ผู้สร้างได้ใส่ให้ผมไว้นั้น จะมีปัญญาไม่เบาเลยทีเดียว แต่นั่นยังไม่พอ ยังไม่เพียงพอเลยกับสิ่งที่ผมได้พบ เขายังจะมีคนคอยปลอบใจแน่นอน ความเศร้าอย่างการที่ต้องจากผู้คนไปนั้นไม่นานก็จะทุเลาลงได้ แต่หน้าตาอันอัปลักษณ์ของผมนั้นจะทำให้ผมถูกรังเกียจ ถูกทำร้าย และเป็นทุกข์ไปตลอดกาล เพราะฉะนั้น มันยังไม่พอ ผมจึงได้ส่งจดหมายไปหาเขาคนนั้น ให้มาพบผม มาเพียงแค่คนเดียว ซึ่งผมยังคงฉงนอยู่ว่าทำไมผมจึงสามารถเขียนหนังสือได้ สงสัยว่า "วัตถุ" ที่เป็นสมอง ที่อยู่ใน "วัตถุ" ที่เป็นศีรษะนั้น เป็นของผู้ใด
จากคุณ :
จิ้งจอกสีเงิน
- [
23 พ.ค. 46 16:04:55
A:202.133.163.144 X:
]