=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอน 3 – ตุลาการเที่ยงธรรม –

    เนื่องจากมีนักอ่านบางคนท้วงติงว่าช่วงเวลาในการโพสต์ของเรานานเกินไป จึงขอปรับปรุงโดยจะส่งอาทิตย์ละสองตอนแทน อาทิตย์ละตอนครับ

    ใครผ่านเข้ามาอ่านช่วยลงชื่อเป็นกำลังใจและชี้แนะเพื่อเราจะได้พัฒนาให้ดีขึ้นในโอกาสต่อๆไปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

    +++++++++++++++++++++++++++++++

    (ต่อจากตอนที่แล้ว)
    “พี่ตั๋วเปิดตัวได้ยิ่งใหญ่ครึกโครม สมกับเป็นประมุขสำนักคุนหลุน ผู้มีฝีมือพอที่จะท้าชิงตำแหน่งผู้นำหอห้ากระบี่กับท่านประมุขเตียผู้ล่วงลับจริง ๆ” หลิวหยงเคอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก

    ตั๋วล่ายสุกได้ยิน ต้องลอบร้องคำ ‘ร้ายกาจ’ ในใจ ..

    คำของหลิวหยงเคอเปลือกนอกดูเหมือนให้การยกย่อง แต่กลับแฝงความหมายคุกคามคน ซ้ำยังให้ความรู้สึกว่าฆาตกรสังหารเตียหงีอาจเป็นตัวตั๋วล่ายสุกเอง ยังมีหลิวหยงเคอเอ่ยประโยคนี้ เท่ากับคลายความคับข้องหมองใจของจื่ออิงและศิษย์สำนักบู๊ตึ้งเมื่อครู่เสียสิ้น นับเป็นความร้ายกาจของเจ้าสำนักหัวซาน คำที่ออกจากปากของคนผู้นี้ คล้ายยิงเกาทัณฑ์เพียงดอกเดียว แต่ได้นกถึงสามตัว

    “พี่หลิวกล่าวเกินไป เราตั๋วล่ายสุก แม้มีฝีมือจริงดั่งท่านว่า ก็ยังมิหาญเทียบเทียมกับ เพลงยุทธแปดทิศอันร้ายกาจของสำนักท่าน ดังนั้นผู้ที่จัดว่ามีฝีมือเทียบเคียงกับบู๊ตึ้งใช่มีแต่คุนหลุนเราสำนักเดียวไม่” ตั๋วล่ายสุกรีบเอ่ยตอบ วาจานี้เท่ากับลบล้างการซัดทอดความผิดของหลิวหยงเคอเสียสิ้น ว่าแล้วประมุขสำนักคุนหลุนก็แค่นหัวร่อ แล้วเอ่ยว่า

    “ในเมื่อครานี้ได้พบหน้ากับพี่ท่าน เราตั๋วล่ายสุกก็ใคร่ขอรับทราบความร้ายกาจของเพลงยุทธแปดทิศอันลือชื่อแห่งหัวซานดูสักครั้ง”

    เช่นนี้เท่ากับตั๋วล่ายสุกเปิดฉากท้าทายหลิวหยงเคอโดยตรง หากหลิวหยงเคอจงใจหลบเลี่ยงหรือบ่ายเบี่ยง ชื่อเสียงของสำนักหัวซานที่สั่งสมกันมานับร้อยปี ก็จะต้องจบสิ้นลงในครานี้เอง แต่ในทางตรงกันข้าม หากหลิวหยงเคอยอมรับคำท้าทายของตั๋วล่ายสุกแล้วพลาดท่าเสียทีแก่เจ้าสำนักคุนหลุนผู้นี้ สำนักหัวซานก็ไม่มีหน้าที่จะลงช่วงชิงตำแหน่งผู้นำของหอห้ากระบี่ได้อีก มีแต่ต้องปล่อยให้อีกสามสำนักที่เหลือและสำนักคุนหลุน ช่วงชิงกันตามอำเภอใจ หมากตานี้ของตั๋วล่ายสุกนับว่าพลิกแพลงและเผ็ดร้อนยิ่งนัก
    “ประสกทั้งสอง….”

    ไต้ซือหัวหลินพยายามเอ่ยวาจายับยั้งศึกนี้ แต่กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลิวหยงเคอก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามจึงจำต้องหยุดปาก

    “เห็นว่าพี่ตั๋วกักตัวฝึกวิชาถึงสองปี หมายมาตรตำแหน่งผู้นำหอห้ากระบี่ หวังว่าเพลงยุทธสิบเจ็ดใจเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสูญ ของคุนหลุนคงก้าวหน้าไม่น้อย” หลิวหยงเคอพูดพลางใช้มือหนึ่งลูบเรียวหนวดบนริมฝีปาก อีกมือหนึ่งพลิกขลุ่ยหยกขาวที่เหน็บข้างเอวขึ้นมาไว้ในมือ

    หัวหลินไต้ซือกล่าวคำ ‘อะมิตตาพุทธ’ แล้วถอยไปด้านข้าง ในขณะที่ซือไถ้กล้วยไม้ขาว ก็ขยับตัวไปอีกข้างหนึ่ง เพื่อเว้นที่ว่างเป็นลานประลองเล็กๆ หย่อมหนึ่งให้กับ ตั๋วล่ายสุก และหลิวหยงเคอ


    “ศาสตราวุธไร้ดวงตางอกเงย พี่ตั๋วเชิญชักอาวุธเถอะ!!!”
    ทว่าตั๋วล่ายสุกกลับมิสนใจคำพูดของหลิวหยงเคอ อาศัยเวลาเพียงชั่วพริบตากราดฟาดฝ่ามือออกไปถึงสี่ห้าฝ่ามือ หลิวหยงเคอสะกดใจแน่วแน่ใช้ท่าเท้าของเพลงยุทธแปดทิศเคลื่อนขวางหลบได้อย่างน่าหวาดเสียว พลางสะกิดขลุ่ยหยกขาวออกสกัดกั้นหมัดอีกชุดที่ตามมา ในใจของเขายังเกรงการใช้อาวุธลับและยาพิษของตั๋วล่ายสุกอยู่ไม่น้อย

    ตั๋วล่ายสุกตวาดเสียงดังลั่น อาศัยเคล็ดวิชา สิบเจ็ดใจเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสูญ ส่งพยุหะหมัดและเท้าเข้าสู่ร่างของหลิวหยงเคออย่างหักโหม เจ้าสำนักหัวซานใช้เคล็ดวิชาแปดทิศเคลื่อนร่างต้านรับเพลงหมัดไม่หยุดยั้ง ท่าร่างบัดหนึ่งอยู่ซ้ายจากนั้นย้ายมาขวา ท่วงท่าบัดเดี๋ยวแข็งบัดเดี๋ยวอ่อนเปลี่ยนแปลงพลิกแพลงตามหลักแปดทิศหมุนเวียนตลอดเวลา

    ถึงตอนนี้แม้ว่าหลิวหยงเคอจะสามารถหลบหลีกการจู่โจมของตั๋วล่ายสุกได้ทั้งหมด แต่ก็ตกเป็นฝ่ายตั้งรับโดยตลอด หากไม่สามารถพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายรุกคงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เขาจึงตระเตรียมใช้วิชาลับก้นหีบของหัวซานออกมาบ้างแล้ว

    “เจ้าสำนักทั้งสองหยุดมือให้เรา !!!”

    วาจาแฝงอำนาจดังขึ้น สองเจ้าสำนักยุติโดยพร้อมเพรียง จากนั้นหันไปทางผู้กล่าววาจาเมื่อทั้งสองเห็นว่าผู้มาคือใครต่างพากันตกตะลึงไปเล็กน้อยจากนั้นพากันประสานมือคำนับผู้มาถึง เท่ากับเป็นการยุติศึกของตั๋วล่ายสุกและหลิวหยงเคอโดยปริยาย

    ยังมีผู้ใดมีคุณสมบัติในการยับยั้งการต่อสู้ครั้งนี้ได้ และนอกจากนั้นยังสามารถทำให้สองเจ้าสำนักใหญ่ที่แสนจะโอหังต้องน้อมคำนับให้แก่มัน คำตอบคือไม่มีผู้ใดทำได้ หากแต่บุรุษผู้มาใหม่สามารถกระทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้บังเกิดขึ้นแล้ว

    “ท่านผู้ตรวจการมาถึง ขออภัยที่มิได้ออกไปต้อนรับ” หัวหลินไต้ซือเอ่ยขึ้น

    ที่ประตูทางเข้า ทหารองครักษ์อัญเชิญกระบี่อาญาสิทธิ์เดินนำเข้ามา บุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดโอ่โถงก้าวตาม ท่วงท่ามีสง่าราศี ที่หมวกปรากฏตราสัญลักษณ์ผู้แทนพระองค์ ทุกคนในที่นั้นน้อมกายลงกระทำคารวะ ที่แท้ผู้มาใหม่คือผู้ตรวจการแผ่นดิน ฉายาตุลาการเที่ยงธรรม ผู้แทนพระองค์อันมีอำนาจเต็มขององค์จักรพรรดิ เช่นนี้เท่ากับว่าทางการสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีสังหารเจ้าสำนักบู๊ตึ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 46 17:38:08

    แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 46 15:45:39

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 4 มิ.ย. 46 15:37:47 ]