ความคิดเห็นที่ 1 ภาพประกอบกระทู้ค่ะ ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : ...ดาวฯ... (สิมิลัน) - [ 6 มิ.ย. 46 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แหะๆ เมื่อกี้ภาพใหญ่ไป เอาใหม่ จากคุณ : ดาวฯ เมา (สิมิลัน) - [ 6 มิ.ย. 46 22:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามประสา คนคุ้นเคยกะท้องทุ่ง ไร่นา ต้นข้าวสีไสว ภาพระยะใกล้ จึงเห็นรวงไม่เด่นมาก นึกถึงทุ่งข้าวไสว เวลาไป ตจว อดจะมองดูนาข้าวไม่ได้ บรรยายความชัดเจน เป็นธรรมชาติดีครับ ใสๆ แต่สั้นไปนิดเนอะ น่าจะยาวกว่านี้อีกสัก 2-3 บท จากคุณ : คน ละแม - [ 6 มิ.ย. 46 22:54:52 A:203.113.67.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 แหะๆ งั้นเอารูปนี้ไปนะคะ ท้องนาระยะไกล ถ่ายจากฟาร์ม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เมื่อปี 2543 ค่ะ อยากให้มีใครแต่งกลอนเกี่ยวกับข้าวน่ะค่ะ เลยเอารูปทุ่งข้าวมาแปะให้ จากคุณ : ...ดาวฯ.. (สิมิลัน) - [ 6 มิ.ย. 46 23:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีจ้ะหนูเดาประจำดง ขอเข้าข้างชาวนาหน่อยนะ ............................................................... ยางข้าวยางคน ลูกกราบก้มพนมแดแม่โพสพ ขอนอบนบชาวนาผู้กล้าแกร่ง รวงอร่ามงามหลือด้วยเหงื่อแรง เพราะเคียวแข่งคมท้าต่อสาธาธารณ์ ขจีทุ่งรุ่งแถวแนววิถี ดูพ่วงพีธัญญาผลาหาร แต่ละเกล็ดเม็ดนี้มีวิญญาณ กินขอยางอายย่านสะท้านเยือน อย่ากินทิ้งกินขว้างซางจะโผล่ พุงจะโร่ก้นจะปอด-ผมดอดเฉือน ด้วยเสียดายเม็ดข้าวค่าดาวเดือน หว่านจนเกลื่อนโต๊ะดูหมูยังอาย ไม่นับถือเทพธิดาไม่ว่าดอก กลัวถูกศอกชาวนาจนหน้าหงาย เขาจะโห่หุยฮา ว้า!จ้าวนาย ปลูกแทบตายเหงื่อติ๋งทิ้งกันเต็ม/. ............................................................... ชาวนาคือกระดูกสันหลังของประเทศ ขอแสดงความเคารพมา ณ ที่นี้ครับ จากคุณ : ราม ลิขิต - [ 7 มิ.ย. 46 01:41:53 A:203.113.81.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นรวงข้าวอะคร้าวกล้าฟ้าไสว ทองรำไรเรืองระยับประดับสี สิบหกเมล็ดหนึ่งรวงสรวงปรานี ให้ขจีมณีทุ่งยุ้งฉางเต็ม แต่ละเคียวเกี่ยวกระหวัดตัดตรงก้าน หอบสู่ฐานย่านฟาดกราดดุจเข็ม ร่วงเมล็ดหล่นพื้นผืนดินเปรม ข้าวเปลือกเหมแห้งกองพองพอกพูน หนึ่งเมล็ดหนึ่งหยาดเหงื่อแทบเหลืออด ร้อนเหงื่อรดทั่วกายแทบพ่ายสูรย์ แดดก็สาดผิวก็คันหวั่นอาดูร แต่ชาวนาเกื้อกูลไม่หนีลา แสนจะปลื้มชาวนาในทุกย่าน ทุกสถานที่อดทนจนสังขาร์ อ่อนละเหียเพลียแรงเพื่อประชา ถ้วนทั่วหน้าได้อิ่มลิ้มข้าวไทย นึกถึงตอนสมัยเรียน วิชาพืชไร่ เกี่ยวข้าวกันตอนบ่ายๆ... สนุกดีแต่ร้อนละก็เหนื่อยค่ะ ซึ้งถึงความลำบากของชาวนาเลย จากคุณ : ไกลถิ่น - [ 7 มิ.ย. 46 08:15:31 A:67.162.190.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นแล้วนึกถึงสมัยเด็ก เคยไปเกี่ยวข้าวกะเค้าเหมือนกัน แถมยังเกี่ยวก้อยตัวเองเลือดกระฉูด.. ประทับใจจั๊ง... เลือดท่วมทุ่ง (((แหะ ๆ .. เลือดหยดไป สองจึ๋ง..ขี้โม้อีกแระ))) อิอิ จากคุณ : สีน้ำฟ้า - [ 7 มิ.ย. 46 09:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาอ่านอย่างสำนึกบุญคุณข้าวครับ จากคุณ : แทน*-* - [ 7 มิ.ย. 46 18:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โห...อ่านแล้วเห็นภาพเลยครับ ประทับใจทุ่งนา ฟ้าสีฟ้า คันคู ลมหนาว ลอมฟาง เคยอ่าน "วัยฝันวันเยาว์" ของพิบูลย์ศักดิ์ ละครพล ไหมครับ ได้ความรู้สึกเดียวกันเลย ฉากที่เขาบรรยายถึงทุ่งนาสีทอง จากคุณ : tor09 - [ 8 มิ.ย. 46 01:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับคุณดาวประจำเมือง น่าสงสารชาวนาที่ไม่มีที่นาเป็นของตนเอง ขณะที่มีคนครอบครองที่นาไว้มากมายแต่ไม่ได้ทำนา ....................................................... คนทำกินไม่มีที่ทำกิน ไร้ผืนดินเพาะปลูกสู่ลูกหลาน คนยากจนค่นแค้นไม่มีงาน คือรากฐานสังคมที่อ่อนแอ เมื่อฐานล่างรองรับอยู่ไม่รอด เสริมแต่ยอดเด่นงามตามกระแส ปัญหาคนส่วนใหญ่ไม่เหลียวแล ก็มีแต่พังครืนไม่ยืนยง จากคุณ : วิชชา - [ 8 มิ.ย. 46 11:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โค้งรวง น้อมเรียง เอียงต้นค้อม ละเม็ดเรียง ทะนุถนอม ยอมเรียงต้น เขียวเหลือง เรืองงาม ยามได้ยล และทั้งหมด เพื่อคน ที่ทนทุกข์ ฯ แหะ แหะ ขอรับ สวัสดี ขอรับ แวะมาอ่าน สวัสดี ทักทาย พร้อมกับชมทุ่งเหลืองรวงข้าวไสว ขอรับ สวัสดี ขอรับ จากคุณ : นายทิวา - [ 8 มิ.ย. 46 17:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีค่ะ ทุกๆท น แหะๆ ด้วยเหตุจำเป็นบางประการ อาจไม่ได้ตอบทุกๆ คนเป็นการเฉพาะนะคะ แต่ระลึกถึงทุกๆ คนค่า จะพยายามหาเวลามาแปะงานบ่อยๆ ป.ล. อ่านงานของทุกๆ ท่านนะคะ แต่ไม่ได้แปะชื่อไว้ว่าอ่านในแต่ละกระทู้น่ะค่ะ ขอบคุณที่ระลึกถึงพระคุณของข้าวนะคะ จากคุณ : ..ดาวประจำเมือง.. - [ 9 มิ.ย. 46 00:48:28 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อซังสอดพลอดลมที่บ่มรอบ แผ่วเอียดออดกอดตอบก็นอบไหว ใบระเนนเอนลู่ก็กรูไกว ระดะไล้ไออวลกระบวนกาล ละเลงรำกล้ำกรายสยายย่าง พลิ้วโบยบางคว้างคราอุษาขาน พระพายชื่นรื่นรับประทับมาน กรุ่นไอดินกลิ่นดาลผสานรม ที่อิ่มพวงล่วงหนาวจะก้าวเกี่ยว โค้งคมเคียวเหนี่ยวเหน็บจะเก็บสม ระย้าเม็ดเด็ดดัดตวัดคม กองทับถมจมฟางอยู่กลางนา คัดเม็ดเปลือกเลือกผลมาวนหว่าน จวบวสันต์หันกาลหวนผ่านหา จึงเติบต้นยลเขียวของเรียวคา และใหญ่กล้าท้าแกร่งสำแดงชนม์ หากวสันต์ผันผายไม่กรายกลับ ชีพจะยับอับปางและร้างผล เป็นกล้าข้าวร้าวคอยด้วยน้อยชล จวบแห้งเหี่ยวเปลี่ยวปรนอยู่กล่นลาน ข้าวคอยฝนดุจคนที่คอยไข ฉาบแสงใสในหมายที่ฉายฉาน ข้าวคอยน้ำฉ่ำเชื้อจะเอื้อปราณ ควรคนขานหาญหัดอัฏฐรอย จากคุณ : สดายุ (สดายุ...) - [ 9 มิ.ย. 46 10:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เขียวชรอุ่มชุ่มผืนนาไร่ ลมไกวใบเรียวเมล็ดอิ่ม จากเขียวเป็นเหลืองทองพิมพ์ น้อมยิ้มซบธรณินภักดี ฯ มาแจม ขอรับ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 46 19:15:47 จากคุณ : พิราบเงิน - [ 11 มิ.ย. 46 19:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณพี่ดาว เจ้าขา พักนี้งานยุ่งหัวฟูๆ เลยขอเอางานเก่ามาเล่าแจมนะคะ :) ...............    "หรือข้าว...ไม่มียาง" เป็นกระดูกสันหลังจวนพังผุ อยู่ในกรุนิยายเศร้าให้เล่าขาน เป็นบุคคลข้นแค้นมาแสนนาน และจะผ่านไปอย่างนี้อีกกี่ยุค? เลี้ยงชาวโลก แต่โลกไม่แลเหลียว มือกำเคียวด้วยหัวใจไม่เคยสุข ทั้งหนี้สินท่วมท้นต้องทนทุกข์ อยู่ในคุกเขตคามแห่งความจน ผืนนาแล้งแห้งฝนพอทนได้ แต่คนแล้วน้ำใจให้หมองหม่น คนขายข้าว คนขายควาย คนขายคน ทนทุกข์ทนจนน้ำตาจะแห้งตา ต้องลงแรงจนแรงจะแห้งเหือด หรือจะต้องลงเลือดชโลมหล้า จึงจะได้ “ความเท่าเทียม” นั้นคืนมา สร้างคุณค่าชดเชยที่เคยรอ ท่านมีเงิน มีเกียรติ มีอำนาจ มีในสิ่งที่เขาขาดเสียทุกข้อ ท่านมีมากเท่าไร ไม่เคยพอ เขาทนท้อ น้อยเท่าไร ไม่เคยมี ยังคงเป็นนิยายเศร้าให้เล่าซ้ำ ถูกเหยียบย่ำหยามหมิ่นสิ้นศักดิ์ศรี ทำความดีแต่ต้อยต่ำไร้ความดี หรือว่าข้าวที่ปลูกนี้ ไม่มียาง จากคุณ : Pen (จันทร์เพ็ญ จันทนา) - [ 16 ก.ค. 46 22:10:43 ]