ปรากฏคำเล่าลือในยุทธจักร
นอกจากเจ้าสำนักทั้งห้าแห่งหอห้ากระบี่แล้ว ยอดฝีมือรุ่นใหม่ในยุคนี้ หากเทียบฝีมือเห็นจะไม่มีใครเกิน 'ฮั่นตง'
มันแซ่ฮั่น ชื่อ 'ตง' ซึ่งแปลว่า 'ข้างใน' เป็นฉายาที่ได้รับการตั้งขึ้น หมายความว่าคนผู้นี้สามารถเข้าแทรกเข้าไปข้างในในทุกวงการ แต่ชื่อที่แท้จริงของมันนั้น ไม่เคยมีผู้ใดทราบมาก่อน
ส่วนที่ร้ายกาจที่สุดของฮั่นตงคือ มันเป็นคน เฉียบไว ฉลาดหลักแหลม ทำงานใดมักไม่พลาด ฝีมือเช่นนี้หากมันคิดเป็นโจรก็ต้องเป็นมหาโจร หากคิดเป็นมาร ก็ต้องเป็นจอมมารใหญ่
แต่อาจเป็นเพราะมันมีใจรักคุณธรรมอยู่บ้าง อาชีพที่ฮั่นตงเลือกจึงเป็น มือปราบของราชสำนัก
และมันย่อมเป็นมือปราบที่เก่งที่สุด
... ... ...
คดีฆาตกรรมเตียหงี เจ้าสำนักบู๊ตึ้ง ประมุขแห่งหอห้ากระบี่ เป็นคดีใหญ่สะท้านฟ้า ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ตุลาการเที่ยงธรรม จะต้องเลือกใช้มือดีที่สุดในการสืบคดี และมือดีที่สุดคนนั้นย่อมเป็น ฮั่นตง นั่นเอง
วันนี้ฮั่นตงกำลังดื่มสุราในเหลาใหญ่กลางเมือง พลางอ่านคำสั่งลับของตุลาการเที่ยงธรรม ผู้คนเห็นเครื่องแต่งกายมือปราบของฮั่นตงก็จำได้ ต่างลอบชี้ชวนกันมองดู และซุบซิบกันอย่างชื่นชม เพราะมันเคยทำบุญคุณไว้แก่ชาวบ้านนับครั้งไม่ถ้วน
ฮั่นตงยกจอกสุราดื่มโดยไม่สนใจต่อคำเยินยอเหล่านั้น มันไม่เคยสนใจต่อคำติฉินหรือเยินยอที่มีต่อตนเองอยู่แล้ว
พลันนั้นเองก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในร้าน คนผู้นี้รูปร่างใหญ่โต ผิวกายดำมะเมื่อม คล้ายเจดีย์เหล็กที่แข็งแกร่งและทนทาน เพียงเคลื่อนกายผ่านเข้ามาในร้าน ก็สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ที่มานั่งดื่มกินในเหลาแห่งนี้ไม่น้อย
ทั้งนี้เพราะมีหลายคนจดจำได้ว่ามันผู้นี้คือ เซี่ยวโกย ฉายา 'ปังตอเชือดสุกร' คนผู้นี้เป็นมือสังหารชื่อดังผู้หนึ่งแห่งยุค ยามลงมือแต่ละครั้งดุดันอำมหิตยิ่งนัก ทุกครั้งที่ลงมือ มันไม่เคยเหลือทางถอยให้กับคู่ต่อสู้หรือกระทั่งตัวของมันเอง อาศัยเคล็ดวิชา ชีวิตแลกชีวิต ของมันจนบัดนี้ไม่ทราบว่ามีผู้มีฝีมือมากน้อยเท่าไหร่ที่ตกตายภายใต้ปังตอของมัน ด้วยเหตุนี้ช่วงระยะเวลาสองปีที่ผ่านมามือสังหารที่มีชื่ออื้อฉาวและโด่งดังที่สุดก็คือ .... มันนั่นเอง!!!
วันนี้มันได้ยินถ้อยคำเยินยอฮั่นตง รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงจงใจเข้ามาหาเรื่องกับมือปราบผู้นี้ดูสักครั้ง
"ได้ยินว่าท่านคือมือปราบฮั่นตง?
อืม
ฮั่นตงรับ
บิดาใคร่ขอสั่งสอนมือปราบชั้นต่ำอย่างเจ้าสักเล็กน้อย !!!"
กล่าวจบไม่รอช้าสะบัดปังตอในมือ ฟันโต๊ะอาหารตรงหน้าฮั่นตงขาดเป็นสองท่อน ผู้ดื่มกินในร้านแตกตื่นจนหน้าถอดสี แต่ไม่มีผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน กระทั่งลมหายใจยังไม่กล้าระบายแรงเกินไป ผู้ที่คิดห้ามปรามยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ฮั่นตงนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย พิจารณาจากวรยุทธของผู้มาจึงกล่าวว่า
"ท่านผู้นี้คือเซี่ยวโกย?"
"ไยเจ้าเอ่ยนามของบิดาโดยหาความเคารพไม่ !!!" เซี่ยวโกยตวาด
"ท่านเป็นผู้สังหารศิษย์หัวซานสามคน รวมถึงชาวยุทธอื่นๆ อีกมากมาย ?"
"เรื่องของชาวยุทธ ทางการไม่เกี่ยว !!!"
ในยุทธจักรการเข่นฆ่าเพื่อล้างแค้นหรือแทนบุญคุณเป็นเรื่องปกติ จนบางทีทางการเองก็ไม่รู้จะใช้มาตรฐานใดวัดการกระทำเหล่านี้ การฆ่าชิงทรัพย์ก็คือฆ่า การปราบมารก็คือฆ่า การประลองแล้วพลาดพลั้งถูกสังหารก็คือฆ่า วิถีแห่งชาวยุทธนั้น ซับซ้อนและละเอียดอ่อนเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ด้วยกฎหมาย หากชาวยุทธทำร้ายกันเองโดยยังไม่มีการกระทำที่ล่วงเกินราษฎรผู้สุจริต บ่อยครั้งพวกมือปราบก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
"อืม ... ถูกของท่าน อย่างนั้นข้าพเจ้าไม่ยุ่งเกี่ยว" ฮั่นตง ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไปเฉย ๆ
"ช้าก่อน!" เซี่ยวโกยตวาด
"บิดาไม่คิดว่าเจ้าจะขวัญอ่อนเพียงนี้ เรียนรู้ฝีมือดาบสักสองสามเพลงจะเสียเวลาเพียงไหนกัน?"
ฮั่นตงนิ่งเงียบ
"หากเจ้าไม่ยอมลงมือ ข้าจะสังหารคนผู้นี้เสีย !!!" เซี่ยวโกยจับตัวเสี่ยวเอ้อเคราะห์ร้ายมาจี้ไว้
"จอมยุทธฮั่น ช่วยข้าพเจ้าด้วย" เสี่ยวเอ้อกลัวตายระล่ำระลักร้องขอความช่วยเหลอ เหงื่อมันไหลโทรม ตัวสั่นระริกน่าสงสารยิ่งนัก
ตามปกติ ฮั่นตงไม่ต้องการมีเรื่องราวมากความ แต่เมื่อเซี่ยวโกยทำถึงเพียงนี้ เขาได้แต่ถอนหายใจพลางลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเซี่ยวโกยนิ่ง
"...เจ้าใคร่รับทราบฝีมือของเราจริง?"
เซี่ยวโกยตวัดปังตอพลางหัวเราะ "ยังมิรีบนำอาวุธเจ้าออกมาให้บิดาชมอีก? เจ้าใช้อาวุธอันใด?"
"กระบี่" มือปราบตอบคำเดียวและได้ใจความ
"ข้าไม่เห็นกระบี่เจ้า?"
"ท่านไม่เห็นดอก
" ฮั่นตงกล่าวเบา ๆ
เซี่ยวโกยตะลึงไป มันควรจะโกรธที่ถูกเหยียดหยาม แต่น่าประหลาดที่มันไม่โกรธ มิหนำซ้ำยังรู้สึกเย็นวาบที่ศีรษะตลอดตัว โดยที่ตัวมันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเช่นนั้น
ยังมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของฮั่นตง มันผู้นี้ไม่มีสิ่งใดเป็นที่ผิดสังเกต แต่เมื่อฮั่นตงทำท่าจะลงมือกับเซี่ยวโกย มันกลับปล่อยรังสีอำมหิตออกมาเล็กน้อย !
ทว่ารังสีอำมหิตนั้นจางหายไปสิ้นแล้ว จากนั้นร่างของมันฉีกแยกออกเป็นสองซีก เสียชีวิตโดยโลหิตมิหลั่งไหล !!!!
ที่แท้ในขณะที่ฮั่นตงกำลังประจัญหน้าอยู่กับเซี่ยวโกย คนผู้นั้นเตรียมฉวยโอกาสลอบสังหารฮั่นตง นับว่าคนผู้นี้เลือกโอกาสที่เหมาะนัก แต่ที่มันไม่คาดคิดคือ ฮั่นตงไม่เพียงมิได้ถูกมันลอบทำร้าย แต่เป็นมันที่กลับถูกผ่าร่างแยกเป็นสองซีก ราวกับฮั่นตงมีดวงตางอกเงยขึ้นมาที่กลางหลัง
ที่น่าสะพรึงกลัวกว่าคือ ยามลงมือกลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าฮั่นตงลงมืออย่างไร และใช้อาวุธเยี่ยงไร
แม้แต่เซี่ยวโกยก็ไม่ทันสังเกตเห็น ยามนี้มันลอบนึกขอบคุณฟ้าดินในใจที่ เป้าหมาย ของฮั่นตงมิใช่มัน
ไม่เคยมีผู้ใดทราบมาก่อนว่าฮั่นตงใช้ 'กระบี่' เยี่ยงไร แต่กระบวนท่าที่รวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ กลับมีผู้คนไม่น้อยประจักษ์แก่สายตา จนเป็นที่กล่าวขานนามของ เพลงกระบี่ อันน่าสะพรึงกลัวเขย่าขวัญสั่นประสาทนี้ว่า ... 'เงาพรายไร้รูป'
เนื่องจากบางทีกระบวนท่ารวดเร็วเกินไป รุนแรงเกินต้านรับ เพียงสัมผัสถูก สังขารซากก็แยกจากกัน จนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดทราบว่า กระบี่ ที่ฮั่นตงอ้างถึง เป็นอาวุธเยี่ยงไร
นอกจากคนที่ถูก 'เงาพรายไร้รูป' พรากวิญญาณลงนรกเท่านั้น
ยามนี้คนลึกลับที่คิดลอบสังหารฮั่นตงย่อมทราบแล้ว ว่ามันตายด้วยอาวุธอันใด แต่มันกลับมิอาจบอกใครได้
คนตายแล้วย่อมมิอาจกล่าววาจาอันใดได้อีก
ฮั่นตงมิได้สนใจเซี่ยวโกยแม้แต่น้อย เขาก้าวเดินเข้าไปตรวจซากศพของมือสังหารลึกลับผู้นี้
เป็น ฟาซิ่นหยง จริงๆ ฮั่นตงพึมพำ
...........
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
8 มิ.ย. 46 19:14:47
]