ความคิดเห็นที่ 20
กลุ่มดาวราศีเมษนี้ เป็นดาวจักราศี มีรูปแกะเป็นเครื่องหมาย ระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์เราจะมีโอกาสได้เห็นกลุ่มดาวราศีเมษ อยู่ที่ตำแหน่งประมาณ 3 นาฬิกา ระดับ 20 องศาเหนือ ในกลุ่มดาวราศีเมษ ไม่มีดาวดวงใดสว่างมาก ประกอบด้วยดาวหลักๆ 3 ดวง คือดาว Alpha Ari, Beta Ari และ Gamma Ari ตามลำดับ
เหตุที่เริ่มต้นด้วยราศีเมษนั้น ก็เพราะในสมัยโบราณ ถือว่าการที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าราศีเมษ คือการเริ่มต้นปีใหม่ทางดาราศาสตร์ ณ จุดที่เรียกว่า จุดแรกของราศีเมษ (first point of Aries) และใช้สัญลักษณ์เขาแกะ เป็นเครื่องหมายจุดเริ่มต้นดังกล่าว ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณวันที่ 21 ของเดือนมีนาคม
เชื่อว่าชาวอียิปต์เป็นผู้สร้างสรรค์ลัทธิราศีเมษขึ้นมา อันเป็นราศีที่สำคัญมาก เพราะจุดสูงสุดนั้นตรงกับการขึ้นของดาวโจร หรือดาวซิริอุส (Sirius) อันเป็นระยะเวลาบ่งบอกช่วงน้ำท่วมเอ่อแม่น้ำไนล์ สิ่งที่บ่งชี้ถึงความสำคัญของราศีเมษในวัฒนธรรมอียิปต์ ก็คือ ถนนสู่คาร์นัค ซึ่งสร้างเป็นสฟิงส์ 2 ปีก ทำด้วยหินแกรนิตมีศีรษะเป็นแกะ ส่วนที่ถนนสู่อารามอะมอน หรือ อะเมนรา (เทพเจ้าแห่งดวงตะวัน ในเทพปกรณัมของอียิปต์) ก็มีเทพเขาแกะ นั่งบนเรือในกระบวนแห่ วัฒนธรรมราศีเมษ (รูปแกะ) แพร่หลายจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนเมดิเตอเรเนียน ส่วนวัฒนธรรมราศีพฤษภ ที่มีอายุเก่าแก่กว่านั้น ก็ค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปสู่วัฒนธรรมใหม่นี้
สำหรับดาราศาสตร์โบราณของอินเดียนั้น มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจน ระหว่างกลุ่มดาวม้ามีปีก และกลุ่มดาวราศีเมษ ในคัมภีร์ฤคเวทยังมีเทพเจ้าม้าฝาแฝด คืออัศวินและอัศวิณี และมีม้าในพิธีบูชายัญที่เรียกว่า อัศวเมธ โดยเรียกม้านั้นว่า ปาคัส ทั้งยังเป็นผู้ควบคุมราศีแรกของปีนักษัตร ซึ่งหมายถึงผู้เริ่มปีใหม่นั่นเอง ดาวคู่แฝดดังกล่าวนั้นในทางดาราศาสตร์ก็คือ Beta Ari และ Gamma Ari นั่นเอง
ดาว Alpha Ari นั้น มีชื่อว่า ฮามัล ย่อมาจากชื่อในภาษาอาหรับว่า อัลราส อัล ฮามัล หมายถึง ศีรษะของแกะ บางทีก็เรียกว่า อันนาติห์ หมายถึง เขาสัตว์ขนาดเล็ก ส่วนในดินแดนเมโสโปเตเมีย มีหลายชื่อ เช่น อาร์คุชา ริชุคู หมายถึง ท้ายทอยของผู้นำ, ดิลคาร์ หมายถึง สตรีผู้ประกาศอรุณรุ่ง, และ ดิลกัน คือ สตรีผู้เป็นคนสื่อสารของอรุณรุ่ง
ดาว Beta Ari นั่นเรียกชื่อว่า เชอราตัน มาจากภาษาอาหรับ ว่า อัล ซารัต หมายถึง ราศี, เครื่องหมาย เพราะเป็นการบ่งบอกช่วงศารทวิษุวัต ในสมัยโบราณ ส่วนดาว Gamma Ari มีชื่อเรียกว่า เมซาร์ธิม ซึ่งมาจากภาษาฮิบรูว่า มฺซารติม หมายถึง เสนาบดี และดาวเดลตา นั้น มีชื่อว่า โบทีน มาจากคำว่า อัล บุเทน หมายถึง ท้อง
ในตำนานเทพของกรีก เมษ ก็คือ แกะที่มีขนเป็นทองคำ เดิมเป็นของแกะวิเศษ ที่เทพซิวสส่งลงมา ภายหลังถูกตัดขนออก ถวายพระราชาแห่งไอเอเตส พระองค์จึงนำไปแขวนไว้บนต้นไม้ ในป่าศักดิสิทธิ์ เหนือหลุมศพของอาเรส โดยมีมังกรผู้ไม่หลับคอยเฝ้าระวังอยู่ทั้งวันทั้งคืน หลังจากนั้นจึงนำแกะบูชายัญแก่เทพเจ้า
ชาวกรีกเล่าว่าเปลิอัส โอรสของโปเซย์โดน ได้ยึดครองบัลลังก์ของไอสัน และจับขังไว้ในพระราชวังพร้อมปอลีเมเล ชายา เปลิอัสสั่งว่า หากปอลีเมเลตั้งครรภ์ จะต้องฆ่าเด็กนั้นทันที เพราะมีคำพยากรณ์ว่าตนจะถูกฆ่าโดยทายาทของไอสัน
หลังจากปอลีเมเลให้กำเนิดโอรสขึ้นมา นางจึงพยายามช่วยชีวิตลูกไว้ โดยกล่อมให้หลับด้วยยานอนหลับอย่างหนึ่ง และให้หญิงรับใช้ร่ำไห้แสดงความเศร้าโศกต่อโอรสที่ดูประหนึ่งว่าเสียชีวิตไปนั้น จากนั้นก็นำโอรสไปไว้บนภูเขาเปลิออน โดยมีเซนเทาร์ชื่อฆิรอนคอยเลี้ยงดู เมื่อเติบโตขึ้นมา ให้ชื่อว่า เจสัน
อยู่มาวันหนึ่ง เปลิอัสได้พบกับเจสัน เด็กหนุ่มทวงบัลลังก์คืน เปลิอัสรับปากว่าจะคืนให้ แต่เจสันต้องนำขนแกะทองคำมาให้ตนเสียก่อน เจสันรับปากแต่โดยดี เดินทางโดยเรืออาร์โก (อ่านรายละเอียดจาก กลุ่มดาว กระดูกงูเรือ) ฝ่าฟันอุปสรรค คลื่นลม และพายุมากมาย ทั้งยังต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายนานา ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของเทพเจ้า ทำให้ลูกเรืออาร์โก (เรียกว่า อาร์โกนอท, กรีกว่า อารกอเนาเตส) ไปถึงดินแดนโคลฆิส
เจสันและลูกเรือตัดสินใจว่า ออกปากถามหาขนแกะทองคำจาก ไอเอเตส ราชาแห่งโคลฆิส แต่พระองค์ไม่อยากจะมอบขนแกะทองคำให้เจสัน จึงเสนอเงื่อนไขที่ยากยิ่ง นั่นคือให้จับโคป่าสองตัวของเฮไฟสตุส ที่มีกีบเท้าเป็นทองสำริด และมีลมหายใจเป็นไฟมาให้
ในตอนแรกเจสันจะใส่ขื่อคาแก่โคทั้งสอง และจะได้นำไปไถไร่ของมารส เพื่อจะได้หว่านฟันของงูใหญ่ที่นั่น แต่เป็นเรื่องที่ยากและลำบากมาก เจ้าหญิงเมเดอาซึ่งเป็นธิดาของราชาไออาเตสได้เห็นเจสันมาพบกับพระบิดา ก็หลงรัก ได้เข้ามาช่วยเหลือเจสัน โดยมีข้อแม้ว่า หากนางช่วยให้เจสันจับโคของเฮไฟสตุสและขโมยขนแกะทองคำมาได้ แต่เจสันต้องพานางกลับไปด้วย และแต่งงานกับนาง
เจสันรีบตอบตกลง นางเมเดอาจึงมอบขี้ผึ้งให้เจสัน เพื่อช่วยมิให้ถูกไฟจากลมหายใจของโคทั้งสองทำอันตรายได้ ยานี้ได้มาจากยางของดอกไม้ ที่บานในหุบเขาคอเคซัส และเติบโตด้วยเลือกจากตับของปรอเมธิวส ดอกไม้นี้จึงมีรากเป็นสีเลือก
จากคำแนะนำและยาวิเศษของเมเดอา ทำให้เจสันสามารถใส่แอกแก่โคทั้งสอง นำไปไถไร่ และหว่านฟันงูใหญ่ได้ จากนั้นก็บังเกิดนักรบสวมเกราะข้นมาทันที ซึ่งปรี่เข้ามาตะลุมบอนวีรบุรุษชาวกรีกผู้นี้เจสันปาหินเข้าใส่พวกนักรบ จนล้มตายไปทีละคนๆ จนหมด
แม้เจสันจะทำตามสัญญาจนเสร็จ แต่ราชาไอเอเตสกลับคืนคำ ปฏิเสธไม่ยอมทำตามสัญญา และเตรียมสังหารลูกเรืออาร์โก แถมจะทำลายเรือของพวกเขาด้วย แต่เจ้าหญิงเอเดอาผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รีบพาเจสันไปยังป่าอาเรส ตัดกิอ่งไม้ พรมด้วยน้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ และเข้าไปหามังกรพันตา และสะกดสัตว์ร้ายนี้ด้วยอาคมวิเศษ จากนั้นก็ประพรมยาสลบไปทั่วตัว จนมันหลับไหลโดยง่าย
เมื่อสัตว์ร้ายหลับ เจสันก็รีบนำขนแกะทองคำที่แขวนกับกิ่งไม้โอ๊คกลับมา แล้วรีบไปยังเรืออาร์โก ก่อนที่ทหารที่เฝ้าเรืออาร์โกของราชาไออาเตสจะเห็น และพาพลพรรคหนีไปในคืนนั้น ฝ่ายไออาเตสก็ตามมาติดๆ แต่ในที่สุด เจ้าหญิงเมเดอาก็ฆ่าฝ่ายไออาเตสได้ ทำให้ฝ่ายที่ติดตามต้องหยุดลงโดยพลัน
ในที่สุดเจสันและลูกเรือพร้อมกับเจ้าหญิงเมเดอาก็เดินทางไปกับเรืออาร์โกจนถึงบ้านเกิดโดยสวัสดิภาพ แต่หนทางที่ไปนั้นต้องอ้อมวกวน ผ่าแม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทรมากมาย แลข้ามทะเลทรายถึง 40 วันในที่สุดก็เดินทางถึงนครไอโอลคัส
เจสันนำขนแกะทองคำไปมอบแก่กษัตริย์เปลิอัส แต่เปลิอัสไม่ยอมคืนบัลลังก์ให้ตามสัญญา เปลิอัสบังคับให้บิดาของเจสันฆ่าตัวตาย และมารดาของเจสันก็เสียชีวิตด้วยความเศร้าใจ เจสันจึงขอความช่วยเหลือจากนางเมเดอา นางจึงใช้อุบาย บอกธิดาของเปลิอัสว่าตนมีคาถาชุบชีวิตคนแก่ให้หนุ่มขึ้นมาได้ และฆ่าแกะชราตัวหนึ่ง แล้วนำไปใส่หม้อน้ำเดือด จากนั้นก็เป่ามนต์ แกะนั้นกลับมามีชีวิตและยังอายุอ่อนเยาว์กว่าเดิม เมเดอาทำให้เปลิอัสหลับ จากนั้นธิดาทั้งหลายก็เชือดเนื้อของพระองค์เป็นชิ้นๆ แล้วขอให้เจ้าหญิงเมเดอาชุบชีวิต แต่เมเดอากลับหนีไป ปล่อยให้เปลิอัสต้องตายด้วยน้ำมือของลูกสาวตนเอง
หลังจากเปลิอัสตายแล้ว ลูกชายก็ขึ้นบัลลังก์แทน ขับไล่เจสันและพรรคพวกไปอยู่เมืองคอรินธ ลูกเรืออาร์โกต่างแยกย้ายกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตน ฝ่ายเจสันอยู่ในเมืองคอรินธ์กันต่อไป แต่อีกสิบปีต่อมาเจสันได้แต่งงานกับเจ้าหญิงครูซา แห่งนครคอรินธ์ ทำให้นางเมเดอาเสียใจและโกรธแค้นเป็นอันมาก แสร้งทำดี มอบอาภรณ์วิเศษให้เจ้าหญิงครูซา ทว่าเมื่อนางสวม ก็บังเกิดไฟไหม้จนเจ้าหญิงครูซาเสียชีวิตทั้งยังเกิดไฟไหม้ปราสาทราชวังมากมาย ทั้งนางเมเดอายังฆ่าลูกของเจสันจนตายหมด นางเมเดอาขึ้นรถหนีไป ส่วนเจสันเสียใจมาก ไปนอนตายอยู่ข้างๆ เรืออาร์โก ที่นำไปจอดไว้ในสวนศักดิสิทธิ์
โมเสสในตำนานศาสนาคริสต์นั้น เติบโตมาในเขตรั้ววังของฟาโรห์ และได้รับการศึกษาจากนักบวชผู้ใหญ่ของอียิปต์ ทำให้ซับซับการใช้สัญลักษณ์ในศาสนาของอียิปต์ อันเป็นศัตรูสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ในตำนานยังมีเรื่องที่โมเสสขึ้นไปบนเขาซีไน (ภูเขาแห่งพระจันทร์) เพื่อรับกฎหมายใหม่สำหรับปกครองประเทศอิสราเอลในอนาคต และลงมาพร้อมกับบัญญัติ 10 ประการ และสวมเขาแกะบนหน้าผาก จากนั้นก็จับพวกอิสราเอลที่ยังบูชาโคทองคำ อันเป็นสัญลักษณ์ของราศีพฤษภ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเก่า และได้ส่งให้ทำลายรูปเคารพเหล่านั้นเสีย
ราศีเมษเป็นราศีที่รู้จักกันดีที่สุด เพราะในช่วง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล พระอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีนี้ในช่วงศารทวิษุวัต แต่ก่อนหน้านี้ คือ 4,000-2,000 ปีก่อนคริสตกาลนั้น พระอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีพฤษภ ในช่วงศารทวิษุวัต ด้วยเหตุนี้ เมอริเดียนจึงเคลื่อนสู่ราษีเมษ อันเป็น 1 ใน 4 ราศีหลัก (ได้แก่ เมษ, มกร, ตุล และ กรกฎ)
ดังกล่าวมาข้างต้น ว่าดาวในราศีเมษ มีความสว่างน้อย ที่สว่างมาก อย่าง Alpha Ari และ Beta Ari ก็มีความสว่างเพียงระดับ 2 เท่านั้น ในจำนวนนี้มีดาวคู่อยู่มาก ได้แก่ดาว Gamma Ari มีความสว่าง 4.8, ดาว Lambda Ari เป็นดาวคู่ที่มีช่วงความสว่างกว้าง 4.9, 7.7 นอกจากนี้ยังมีดาว Epsilon Ari, 30 Ari และ 33 Ari ซึ่งเป็นดาวคู่ที่สว่างน้อย และสังเกตได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีดาวแปรแสง คือ g2 Ari มีความสว่าง 4.62-4.66 และคาบแปรแสง 2.6 วัน ส่วนดาว SX Ari (หรือ 56 Ari) มีความสว่าง 5.67 - 5.81 คาบแปรแสง 17.28 น.
วัตถุที่น่าสนใจในกลุ่มดาวนี้ก็คือ NGC 772 เป็นดาราจักรฝ้ารูปประหลาด มีแขนกังหันที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ดาราจักรนี้พบได้ทางตะวันออกเฉียงใต้/ตะวันออก ห่างจากดาว Gamm Ari ราวหนึ่งองศา
จากคุณ :
คน ละแม
- [
17 มิ.ย. 46 09:25:14
A:203.113.67.71 X:
]
|
|
|