มาโพสต์ตอนต่อไปแล้วครับ ขอบพระคุณเพื่อนๆนักอ่านที่กรุณาติดตามนะครับ คำวิจารณ์และติชมของท่านคือกำลังใจของเรา ขอบคุณครับ
ฮั่นตงสาวเท้าก้าวยาว ๆ มุ่งหน้าสู่บู๊ตึ้ง ตามคำสั่งเรียกตัวของตุลาการเที่ยงธรรม อากัปกริยาของเขานั้น คล้ายกับไม่แยแสสนใจบุรุษหนุ่มชุดขาว ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาเบื้องหลัง แต่แท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้น..
ที่แท้อาการย่างก้าวที่ดูเหมือนกับเดินตามปกติของฮั่นตงนั้น กลับแฝงหลักวิชา ร้อยก้าวพันลี้ อันเป็นหลักวิชามาตรฐานในยุทธจักร หลักวิชานี้เน้นการฝึกกำลังช่วงขา ขั้นตอนการฝึกไม่ยากลำบาก ทว่าจำต้องอาศัยความอดทนเป็นอย่างยิ่ง
เริ่มแรกผู้ฝึกจะต้องจุดธูป 1 ดอก จากนั้นออกวิ่งไปไกลราว 5 ลี้ จึงย้อนกลับมา โดยต้องกลับมาให้ทันเวลาก่อนที่ธูปจะดับ .. เมื่อสามารถทำได้สำเร็จ ถือว่า สามารถฝ่าด่านขั้นแรก..
ขั้นต่อไป ผู้ฝึกจะต้องนำตุ้มน้ำหนักมาถ่วงไว้ที่จุดต่างๆ ตามร่างกาย รวม 5 ชั่ง แล้วฝึกตามวิธีเดิม เมื่อสามารถทำได้ ถือว่า สำเร็จวิชาขั้นที่สอง ...
สำหรับขั้นต่อๆ ไป จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักถ่วง จาก 5 ชั่ง เป็น 10 ชั่ง 15 ชั่ง 20 ชั่ง และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ สุดแต่ความสามารถของผู้ฝึกแต่ละคน
ฮั่นตงสำเร็จวิชา ร้อยเก้าพันลี้ ถึงขั้นที่ 12 ซึ่งทั่วทั้งแผ่นดิน นับตัวได้เพียงไม่เกินสิบคน ..
ในการ เดิน ครั้งนี้ ฮั่นตงใช้พลังเพียงสามส่วน แต่เพียงเท่านี้หากเป็นผู้ไร้วรยุทธ์ก็อย่าหวังที่จะติดตามทัน ทว่าหนุ่มน้อยผู้นี้กลับสามารถติดตามจนทัน แม้นจะออกอาการทุลักทุเลไปบ้าง แต่ก็นับว่าเขาพอมีฝีมือติดตัวอยู่ไม่น้อย
ฮั่นตงยิ่งเดินยิ่งออกห่างมากยิ่งขึ้น ทว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะสลัดหลุดจากการติดตามเพียงมีเจตนาทดสอบฝีมือเด็กหนุ่มนี้เท่านั้น เมื่อเดินทางได้ระยะหนึ่งในที่สุดมือปราบหนุ่มตัดสินใจหยุดรอ...
แฮ่กๆ ... พี่ชาย นี่ท่านจงใจกลั่นแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ? เด็กหนุ่มออกปากประท้วงทันทีที่ตามทัน
กลั่นแกล้งอันใด ข้ามิเข้าใจ?? .. ฮั่นตงหรี่ตา
แฮ่กๆ .. นี่ท่านหูไม่ปกติหรือยังไงกัน .. แฮ่กๆ .. ข้าก็บอกแล้วไงว่า จะขอตามท่านไปบู๊ตึ้งด้วย .. แฮ่กๆ .. เด็กหนุ่มต่อว่าพลางหายใจหอบจนตัวโยน ใบหน้าแดงก่ำ
ฮั่นตงเห็นแล้วก็ผิดหวังอยู่ในใจ เด็กน้อยผู้นี้มีพื้นฐานวิทยายุทธมิใช่ชั่ว ย่อมแสดงว่าได้รับการอบรมดูแลจากยอดคน แต่กลับอ่อนด้อยการฝึกฝน ไร้ซึ่งความอดทน ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
ย่อมมิผิดปกติ หากมีผิดปกติคงเป็นเจ้า มิใช่ข้า ฮั่นตงตอบคำถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่กลับปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ในแววตา
ท่านหมายความว่าอย่างไร เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ยอดมือปราบ
ท่าทางเอาเรื่องแฮะ ฮั่นตงครุ่นคิด แต่ปากกลับตอบไปว่า ข้ากลับจำไม่ได้ว่าอนุญาตให้เจ้าติดตามมา ข้าเดินทางของข้า เจ้าต่างหากที่ติดตามมา จะโทษว่าข้าแกล้งได้อย่างไร
แม้นมิได้รับปากแต่ก็หาปฏิเสธไม่
ฮั่นตงนิ่งคิดหากยังขืนเสียเวลาโต้เถียงกันเช่นนี้อีก 3 วันก็คงยังไปไม่ถึงบู๊ตึ้งเป็นแน่ จึงรีบกล่าวตัดบท
ข้าไปทำงาน มิได้เที่ยวเล่น คงมิสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าได้
ท่าน !! เด็กหนุ่มโกรธจนหน้าแดง แต่ฮั่นตงหาได้สนใจไม่ เขาหันหลังเดินจากไป ทว่าก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว พลันต้องหยุดชะงักลง
ท่านมิต้องการทราบความลับการตายของประมุขบู๊ตึ๊งอย่างนั้นหรือ?
ความลับอันใด? มือปราบหนุ่มถามด้วยความสนใจและประหลาดใจ
เมื่อเป็นความลับ ข้าไยต้องบอกแก่ท่าน เด็กหนุ่มเชิดปากตอบอย่างผู้ชนะ
เมื่อครู่เป็นเจ้าเองที่ต้องการจะบอกออกมา ไฉนตอนนี้จึงกลับคำ ฮั่นตงถามเสียงดัง
เมื่อครู่ก็ส่วนเมื่อครู่ ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ ตอนนี้ข้ามิอยากบอกมีอันใดหรือไม่?"
เจ้า...เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าขออำลา กล่าวจบ ฮั่นตงก็หันหลัง ตั้งท่าจะเดินจากไปอีกครั้ง เด็กหนุ่มเห็นฮั่นตงไม่ใส่ใจตน ก็ขยี้เท้าด้วยความขุ่นเคือง
หรือท่านมิต้องการทราบว่าเตียหงีตายด้วยพิษเยี่ยงไร!
ครั้งนี้ได้ผล ฮั่นตงหันกลับมโดยทันที ใช้ดวงตาที่คมกริบสำรวจมองเด็กหนุ่มชุดขาวผู้นี้อย่างละเอียด
"เจ้าทราบได้อย่างไรว่าท่านเตียเสียชีวิตเนื่องมาจากยาพิษ" เหตุที่ฮั่นตงถามเช่นนี้ เพราะการตายของเตียหงี คนทั่วไปเพียงทราบว่าถูกลอบสังหาร เด็กหนุ่มผู้นี้กลับล่วงรู้ถึงลักษณะการตายที่แท้จริง ไยมิใช่น่าสงสัยเป็นยิ่งนัก
"ข้าจะทราบได้อย่างไรมันก็เรื่องของข้า ข้าไม่เพียงทราบว่าเขาตายด้วยพิษ ยังทราบอีกว่าตายด้วยพิษชนิดใด"
"ท่านประมุขเตียตายด้วยพิษชนิดใด?"
"นอกจากท่านรับปากให้ข้าร่วมทางไปกับท่าน มิเช่นนั้นต่อให้ฆ่าข้าซะข้าก็มิขอปริปาก" เด็กหนุ่มกล่าวพลางเชิดหน้ายืดอก
ฮั่นตงลอบปวดเศียรเวียนเกล้า เด็กหนุ่มเช่นนี้ยากตอแยยิ่งนัก แต่ยามนี้ได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น
"ตกลง ข้ายินยอมให้เจ้าร่วมเดินทางไปกับข้า"
เด็กหนุ่มนั้นลิงโลดเป็นยิ่งนักทำท่าจะโผเข้ามากุมมือของฮั่นตง แต่แล้วเหมือนนึกอันใดขึ้นมาได้ พลันหน้าแดงก้มหน้างุดลงกับพื้น
เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าบอกออกมาได้แล้ว
"ข้ายังไม่ค่อยมีอารมณ์จะบอกซํกเท่าไหร่...."เด็กหนุ่มยังกล่าวมิทันจบแต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของฮั่นตงจึงได้แต่บ่งบอกออกมา
"ยาพิษนี้มีสีดำสนิท ยามใช้งานจะถูกแช่จนอยู่ในรูปของเกล็ดน้ำแข็ง เล่าลือกันว่าเกล็ดน้ำแข็งพิษเพียงเกล็ดเดียวก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ ต่อให้ผู้มีพลังยุทธ์สูงส่งก็หามีข้อยกเว้นไม่"
เจ้าหมายความถึง พิษที่ร่ำลืออยู่ในยุทธจักรเวลานี้?
ถูกต้อง มันคือ "ซาเลอปี่" ยาพิษที่คร่าชีวิตผู้คนเพียงแค่สัมผัส"
ฮั่นตงพินิจพิเคราะห์เด็กหนุ่มตรงหน้า ดูท่าเจ้าเด็กนี้จะทราบเรื่องราวไม่น้อยทีเดียว แม้นจะไม่ทราบความเป็นมา แต่นำไปด้วยคงมีประโยชน์มากกว่าโทษ
เจ้าชื่ออะไร ??
แซ่หลี่ นามซังฮู้
หลี่ซังฮู้ .. ข้าจะจำเอาไว้
ฮันตงกล่าวสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มออกเดิน มุ่งหน้าสู่บู๊ตึ้งตามที่ตั้งใจไว้อีกครั้ง แต่ด้วยฝีเท้าที่ช้าลงกว่าเดิม โดยมีเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันเดินตามหลังไปด้วยอาการลิงโลด
.
.
ฮั่นตงนำหลี่ซังฮู้มุ่งหน้าสู่บู๊ตึ้งโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพักแต่อย่างใด แรก ๆ เด็กหนุ่มก็เดินผิวปากตามอย่างอารมณ์ดี เอ่ยชวนฮั่นตงคุยโน่นคุยนี่ไม่ขาดปาก แต่ด้วยคู่สนทนา ไม่ปรารถนาจะต่อปากต่อคำ เสียงเจื้อยแจ้วจึงค่อย ๆ เงียบลง เหลือเพียงเสียงฝีเท้าที่ย่ำไปบนพื้นดัง กึก ๆ เบา ๆ สม่ำเสมอ ตามจังหวะการก้าวเดินของคนทั้งคู่ แต่แล้วจังหวะการเดินที่สอดประสานกันอย่างน่าประหลาดนี้ ก็ต้องสะดุดลง
โอ๊ย !!
ด้วยความที่มัวแต่ชมความงามของดอกไม้ ใบหญ้า สองข้างทางจนเพลิน เด็กหนุ่มจึงสะดุดรากไม้ใหญ่ที่โผล่พ้นดินเข้าอย่างจัง
หากยังชักช้า ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ ฮั่นตงหันมาพูดเสียงดุ ๆ แต่เมื่อเห็นหลี่ซังฮู้ยังไม่ยอมลุกขึ้น ซ้ำยังเอามือกุมข้อเท้าขวา จึงจำต้องย้อนกลับมาดู
ขอข้าดูหน่อย ฮั่นตงกล่าวพลางเอื้อมมือไปจับข้อเท้าของหลี่ซังฮู้ เพื่อตรวจอาการ แต่เด็กหนุ่มกลับปัดมือของเขาออก พร้อมกับเอ่ยว่า
มิต้อง .. ข้ามิเป็นไร
แม้นปากจะกล่าวว่าไม่เป็นไร ท่วา.. เพียงแค่ฮั่นตงแตะมือโดนข้อเท้าของหลี่ซังฮู้เพียงเบาๆ เด็กหนุ่มก็แสดงอาการหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวดให้เห็นทันที ฮั่นตงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา ขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก . . .
ถ้าไม่เป็นไร ไยมิรีบลุกขึ้น หรือคืนนี้เจ้าจะค้างที่นี่
ทันทีที่ได้ยินวาจาของมือปราบหนุ่มหลี่ซังฮู้ผุดลุกขึ้นในทันใด แต่แล้วเพียงก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวร่างพลันเซถลาไปเบื้องหน้า
"ดื้อรั้นยิ่งนัก" ฮั่นตงส่ายหน้า จากนั้นรีบตรงเข้าประคองร่างเล็ก
น้องชาย อาการบาดเจ็บของเจ้า คาดว่าหนักหนาพอควร เจ้าฝืนเดินไปจะได้ประโยชน์อันใดกัน
ข้าบอกว่าไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรสิ เด็กหนุ่มพยายามสลัดตัวออกจากการเกาะกุมของฮั่นตง ใบหน้าของหลี่ซังฮู้ยามนี้แดงก่ำ นั่นทำให้ฮั่นตงยิ่งมั่นใจว่า อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าของเด็กหนุ่มต้องหนักหนาพอควร
นี่ขนาดเจ็บจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ยังจะดื้ออีก
เรื่องของข้า
นั่งลง .. ฮั่นตงขึ้นเสียงดุ เด็กหนุ่มอิดออด ทว่าเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของมือปราบหนุ่มจึงจำต้องยินยอม
ฮั่นตงจึงตรวจอาการบาดเจ็บให้กับหลี่ซังฮู้ หลังจากตรวจอยู่ครู่ใหญ่ มือปราบหนุ่มก็สรุปว่า
อาการของเจ้านับว่าหนักหนาพอควร แต่ยังไม่น่าเป็นห่วงนัก เพียงพักผ่อนสักวัน ก็คงหายเป็นปกติ ..
ระหว่างที่ฮั่นตงตรวจอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า หลี่ซังฮู้ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ใบหน้าแดงก่ำ แต่บัดนี้ได้ยินมือปราบหนุ่มกล่าว จึงเงยหน้าขึ้น เอ่ยท้วงว่า
พักหนึ่งวัน .. จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ในเมื่อเราต้องรีบเดินทางไปบู๊ตึ้ง เด็กหนุ่มเงยตาขึ้นสบตากับมือปราบหนุ่มด้วยอาการหวาดหวั่นเกรงว่าชายหนุ่มจะทิ้งตนและเดินทางไปเพียงลำพัง
ดวงตาคมเข้มของมือปราบหนุ่มจ้องมองลึกเข้าไปในภายในดวงตากลมโต ที่ดูสุกใส งดงามคู่นั้น ราวกับตั้งใจจะค้นหาอะไรบางอย่าง ที่ซ่อนอยู่ภายใน จากนั้นยิ้มน้อย ๆ ก่อนกล่าวตอบไปว่า ..
ถูกต้อง เราย่อมไม่สามารถหยุดพักได้ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ทุกปัญหาย่อมต้องมีหนทางแก้ไข ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะหาหนทางนั้นพบหรือไม่เท่านั้น .. เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ
"เดี๋ยว...."
"ไม่ต้องห่วงข้าเป็นคนรักษาสัญญาเมื่อตกลงว่าจะพาเจ้าไปบู๊ตึ๊งย่อมไม่บิดพลิ้วกลับกลายแน่"
กล่าวจบมือปราบหนุ่มก็ใช้วิชา "ร้อยก้าวพันลี้ พาร่างหายลับตาไปอย่างรวดเร็ว จนเด็กหนุ่มได้แต่มองตาปริบ ๆ พร้อมลอบตระหนกในใจ . . ที่แท้ ฮั่นตง ชลอฝีเท้ารอเขามาตลอดนี่เอง ..
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ซังฮู้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังแว่วมาแต่ไกล ครู่ใหญ่ ก็แลเห็นฮั่นตงควบม้าขาวพ่วงพีมา ..
เด็กหนุ่มมองด้วยความฉงน จากนั้นกล่าวว่า ท่านนำม้ามาจากที่ใดกัน อีกอย่างเราเดินทางกันมาสองคน เหตุใดท่านถึงนำม้ามาเพียงตัวเดียว มือปราบหนุ่มถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอา แต่กระนั้นก็ยังอุตส่าห์ตอบกลับไป
ม้านั้นข้าได้จากหมู่บ้านละแวกนี้ ส่วนที่นำมาเพียงตัวเดียวนั้น เป็นเพราะละแวกนี้ ม้าที่พอจะใช้การได้ และเจ้าของเต็มใจขายให้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
มีม้าเพียงตัวเดียว แล้วนี่เราจะเดินทางกันเยี่ยงไร เด็กหนุ่มหน้าง้ำ
ม้าตัวนี้กำลังรุ่น แข็งแรง พ่วงพี พอจะรับน้ำหนักของพวกเราสองคนได้สบาย เจ้ามิต้องเป็นกังวลไปหรอก ว่าแล้ว ฮั่นตงก็โดดลงจากหลังม้า ตรงเข้ามาประคองหลี่ซังฮู้ให้ลุกขึ้น
แต่
เด็กหนุ่มอิดออด ใบหน้าแดงฉานจรดไปถึงหู
"จะแต่อะไรอีก .. ตกลง เจ้าจะไปบู๊ตึ้งหรือไม่ มัวพิรี้พิไรยังกับผู้หญิง" ฮั่นตงชักรำคาญ
หลี่ซังฮู้ ขยับปากจะกล่าวอะไร แต่แล้วก็ก้มหน้างุด ยินยอมให้ฮั่นตงประคองขึ้นไปนั่งบนหลังม้าแต่โดยดี หลังจากจัดให้หลี่ซังฮู้นั่งในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ฮันตงจึงโดดขึ้นไปนั่งทางเบื้องหลัง สองมือจับบังเหียนพร้อมกับโอบรอบตัวเด็กหนุ่มไว้ ป้องกันมิให้หล่นลงมา
ฮั่นตงรู้สึกว่าเด็กหนุ่มในอ้อมกอดช่างมีเรือนร่างแบบบางและอ่อนนุ่มราวกับอิสสตรี อีกทั้งยังมีกลิ่นกายที่หอมกรุ่นโชยมา หลี่ซังฮู้ที่เคยพูดไม่หยุดปาก ยามนี้ได้แต่เพียงก้มหน้านิ่งใบหน้าแดงก่ำอยู่ในอ้อมกอดของมือปราบหนุ่มโดยมิปริปากกล่าววาจา แต่ความคิดของฮั่นตงในยามนี้ จดจ่อเพียงเรื่องเดียว คือ เดินทางสู่บู๊ตึ้งให้เร็วที่สุดเท่านั้น จึงไม่ได้ใส่ใจอัอากัปกริยาใดใด รีบควบม้า ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่บู๊ตึ้งทันที
... ... ...
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 46 20:47:08
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 46 20:35:20
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 46 20:34:34
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 46 20:28:54
แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 46 20:05:51
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
15 มิ.ย. 46 20:03:20
]