หมายเหตุ : เนื่องจากพล็อตบางอย่างยังไม่ลงตัวในระหว่างทีมแต่ง จึงขออนุญาตนำเนื้อเรื่องมาลงเพียงครึ่งบทก่อน เนื้อเรื่องที่เหลือจะนำมาลงวันถัดไปในกระทู้นี้ครับ
ถึงทีมแต่งฉิก รบกวนไปดูพล็อตด้วยนะครับ
==============
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
บนยอดเขาบู๊ตึ้งฮั่นตงกับหลี่ซังฮู้ยังสำรวจบริเวณนั้นอยู่
น่าเสียดายที่มีการเคลื่อนย้ายซากศพออกไปก่อน เราเลยหาเบาะแสได้ยากขึ้น ฮั่นตงกล่าวเคร่งเครียด
ขณะเดียวกันหลี่ซังฮู้ได้เดินไปพบก้อนหินก้อนหนึ่งมีคราบเหนียวสีดำติดอยู่ พริบตานั้นเลือดนางฉีดซ่านรู้สึกตื่นเต้นกระอักกระอ่วน นางเหลือบไปทางฮั่นตงเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับการหาหลักฐาน
นางค่อยๆหยิบก้อนหินก้อนนั้นซ่อนในแขนเสื้ออย่างแผ่วเบา หมายว่าชายหนุ่มจะไม่เห็นกิริยาของนาง
ทว่าฮั่นตงยังคงเป็นฮั่นตง สิ่งที่ปิดบังเขาได้คือสิ่งที่เขาเสแสร้งยินยอมให้ปิดบังเท่านั้น ฮั่นตงย่อมเห็นพฤติกรรมของหลี่ซังฮู้ แต่เขาแสร้งทำเป็นมิเห็น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากนั้น ฮั่นตงทำการสำรวจร่อยรอยต่างๆสักครู่หนึ่ง มือปราบหนุ่มจึงพาหญิงสาวในคราบหนุ่มน้อยลงมาจากยอดเขา
จากนั้น ฮั่นตงขู่เข็ญแกมบังคับให้หลี่ซังฮู้เข้าพักผ่อนในห้องที่ทางสำนักบู๊ตึ้งจัดไว้รับรอง ซึ่งนางก็ยินยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก แต่แล้วหลี่ซังฮู้กลับส่งเสียงร้องเรียก เมื่อเห็นฮั่นตงตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง
นั่นท่านจะออกไปที่ใดกัน
ก็ออกไปข้างนอกน่ะสิ ฮั่นตงตอบเรียบๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็ร้องขึ้นว่า เช่นนั้น ข้าไปด้วย
นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนเอาแรงไว้จะดีกว่า จะตามข้าออกไปเพื่อประโยชน์อันใด
ข้ามิใช่เด็กเล็กๆ จะได้เข้านอนแต่หัวค่ำ ในเมื่อท่านยังออกไปได้ เหตุใดข้าจะออกไปไม่ได้ หญิงสาวจ้องหน้าฮั่นตงอย่างไม่เกรงกลัว แววตาทอประกายดื้อดึงอย่างเด็กเอาแต่ใจ
มือปราบหนุ่มส่ายหน้าแสดงอาการคล้ายเอือมระอา
ก็เพราะเจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วน่ะสิ ข้าถึงต้องออกไป ฮั่นตงจ้องหน้าหญิงสาว ก่อนจะพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตากลับทอประกายขบขัน
หรือเจ้าเห็นว่า การที่หญิงสาวเช่นเจ้าอยู่ในห้องหับมิดชิดกับชายหนุ่มเช่นข้าในยามวิกาลเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เหมาะสม หากเจ้ามีความเห็นเช่นนั้น คืนนี้ข้าก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนอกไปหาที่นอนที่อื่น ไม่พูดเปล่า ฮั่นตงยังทำท่าจะเดินไปที่เตียงนอนซึ่งหญิงสาวนั่งอยู่อีกด้วย
หลี่ซังฮู้หน้าแดง รีบผลักอกชายหนุ่ม พลางร้องว่า ไป .. ท่านไสหัวออกไปให้กับข้าพเจ้า ซึ่งนั่นก็ตรงกับความต้องการของมือปราบหนุ่มพอดี
ฮั่นตงแค่นหัวร่อ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง
+++++++++++
ในความคิดของเขาจากการที่หลี่ซังฮู้ระบุชื่อยาพิษถูกต้องซ้ำยังซ่อนสิ่งของบางอย่างจากเขาเมื่อครู่ แสดงว่าเด็กสาวคนนี้ต้องรู้เบาะแสที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับยาพิษซาเลอปี่และการฆาตกรรมอย่างแน่นอน
แต่เด็กสาวก็ยังคงเป็นเด็กสาวซึ่งมีประสบการณ์อ่อนด้อยกว่าเขามาก ฮั่นตงพอใจจะใช้วิธีการนุ่มนวลให้เจ้าตัวสารภาพออกมาเองมากกว่าบีบบังคับ เขาจึงคิดแกล้งปล่อยนางไว้คนเดียวในห้อง และคอยดูว่านางจะทำอะไรต่อไป
เมื่อฮั่นตงเดินออกมาด้านนอก เขาก็ครุ่นคิดถึงผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นฆาตกรผู้ลงมือสังหารเตียหงี
ฆาตกรผู้นี้คาดว่ามีฝีมือในระดับสี่เจ้าสำนักแห่งหอห้ากระบี่ ซึ่งบุคคลที่ฮั่นตงสงสัยที่สุดมิใช่ตั๋วล่ายสุก เพราะคนผู้นี้โจ่งแจ้งโผงผาง เบาะแสเด่นชัดเกินไป ผู้ที่ฮั่นตงสงสัยคือ หลิวหยงเคอ ต่างหาก
หลิวหยงเคอคือผู้ที่ประมือกับตั๋วล่ายสุก ในวันแรกที่ตุลาการเที่ยงธรรมเริ่มทำการสอบสวนสี่เจ้าสำนัก ดูผิวเผินคล้ายบุคคลทั้งสองมีเรื่องกินใจกัน และจากการให้ปากคำของตั๋วล่ายสุกอันพาดพิงไปยังหลิวหยงเคอ ยิ่งทำให้ฮั่นตงรู้สึกว่าน่าสงสัย เหตุเพราะคำให้การนั้น ยิ่งจงใจทำให้ดูเหมือนกับว่า บุคคลทั้งสองมีเรื่องผิดใจกัน แต่หากพิเคราะห์เสียให้ลึกซึ้ง กลับคล้ายว่าสองคนนี้ร่วมมือการแสดงละครบางอย่างอยู่ และหากตั๋วล่ายสุกร่วมมือกับหลิวหยงเคอจริง บุคคลที่น่าจะอันตรายที่สุด ก็เห็นจะหนีไม่พ้น หลิวหยงเคอ นั่นเอง
บุคคลเช่น หลิวหยงเคอ มีบุคลิกน้ำนิ่งไหลลึก ย่อมจัดว่ามีอันตรายอย่างยิ่ง เหตุที่มีอันตราย เพราะมันยังไม่เผยธาตุแท้ออกมา
สิ่งซึ่งอยู่ในเงามืด ลึกลับ คาดเดาไม่ออก ย่อมมีอันตรายมากกว่า และยิ่งสร้างความน่าเกรงขามให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้มากกว่า และเพราะคนเราย่อมหวาดเกรงต่อสิ่งที่ไม่รู้ อันเป็นสัญชาติญาณระวังภัยพื้นฐานของมนุษย์เสมอ
เฉกเช่นเดียวกับ เงาพรายไร้รูป เหตุที่เงาพรายไร้รูปเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ทุกผู้คน นั่นเพราะจนบัดนี้ ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเบื้องหลังของเงาพรายไร้รูปนั้นคืออาวุธใด
ด้วยเหตุที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นั่นเอง จึงทำให้เงาพรายไร้รูป คงความร้ายกาจและเป็นที่น่าเกรงขามตลอดมา!!!
[ยังมีต่อจนจบตอน 8 รออ่านได้ในกระทู้นี้ครับ]
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 46 09:12:14
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 46 08:57:14
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
23 มิ.ย. 46 00:27:17
]