**************************
อันดับแรกต้องขอโทษทุกคนไว้ก่อนที่มาโพสต์ช้าไป แล้วก็ต้องขอโทษที่ตอนนี้คงไม่ได้ตอบความคิดเห็นค่ะ เพราะวาโยไม่ค่อยสบาย เป็นหวัด + ข้อเท้าพลิก เท้าบวมตุ่ยเชียว ยังสรุปไม่ได้ว่าที่ไม่สบายนี่เพราะหวัดหรือพิษบาดแผลกันแน่
ทำไมชีวิตเราไม่เหมือนนิยายบ้านหนอ ตอนสะดุดบันไดข้อเท้าพลิก ก็ไม่มีหนุ่มหล่อมารับซักกะคน พอไปหาหมอ ก็กะว่าจะหมอหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ มารักษาให้ ดันเจอป้ายแพทย์หญิงติดอยู่หน้าห้องเสียอีก เซ็งค่ะ..
แถมต้องกลับบ้านมาเอาผ้าพันเท้าให้ตัวเองอีก (ไปโรงพยาบาลแต่ไม่มีใครพันให้) ใช่สิ! เรามันใช้ประกันสังคมนี่ หมอพยาบาลที่ไหนเขาจะมาสนใจ
ยังไงก็ขอโทษอีกครั้งค่ะที่ไม่ได้ตอบความคิดเห็นใคร เพราะวาโยจาไปนอนต่อแล้วค่า...........
***************************************
ลำนำแห่งรัก (ตอนที่16)
พลาด!!
กำพลไล่สายตาไปยังลูกสาวทั้งสองของเขา ปาลิกานั่งหน้าซีดเซียวไม่ยอมปริปากกล่าวอะไรตั้งแต่กลับมาถึง เขาเห็นอาภรณ์แปลกตาที่ปาลิกาสวมใส่ แต่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนปณาลีก็นั่งเงียบ มองพี่สาวฝาแฝดอย่างใจลอย
ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองทำตัวผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย แต่กลับไม่วิตกทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ราวกับว่าปาลิกาและปณาลีมีเรื่องอื่นที่น่ากลุ้มกว่าเหตุการณ์ที่เขาเห็นว่าร้ายแรงในครั้งนี้
พวกแกทำผิดพลาดมากรู้มั้ย กำพลกล่าวเสียงหนัก ทำให้ปณาลีละสายตาจากพี่สาวมามองเขาอย่างไม่ชอบใจนัก ไม่ต้องมามองฉันอย่างนั้นยัยลี ความผิดน่ะมันอยู่ที่แกมากกว่าทำงานได้เลวยิ่งกว่ามือสมัครเล่นชั้นสวะซะอีก
นัยน์ตาของปณาลีลุกวาบอย่างน่ากลัว แต่แทนที่เธอจะโต้ตอบออกไปอย่างเผ็ดร้อน เธอกลับเดินไปยังเคาท์เตอร์เครื่องดื่มแทน วิสกี้สีเหลืองทองถูกเทลงในแก้วเจียรนัยเนื้อดี เธอเลิกคิ้วให้ผู้เป็นบิดาและได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา แก้วเจียรนัยอีกใบจึงถูกจัดออกมาวาง ปณาลีตั้งใจจะจัดเครื่องดื่มให้ปาลิกาด้วย แต่พี่สาวส่ายหน้าเสียก่อน เธอจึงได้แต่ยักไหล่ เดินไปส่งแก้วเจียรนัยที่บรรจุน้ำสีอำพันให้บิดา
กำพลยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
หนูยอมรับว่าคราวนี้หนูพลาดจริง ๆ เพราะไม่ทันคิดว่าคุณไรภีจะมาเดินอยู่แถวบ้านเราได้ ปณาลียิ้มนิด ๆ เมื่อนึกถึงอีตาไรภีบ้าขึ้นมา เขาเป็นคุณไรภีเสมอยามอยู่ต่อหน้าบิดาเช่นนี้ ทำให้เธอหมั่นไส้จนต้องเรียกเขาในใจว่าอีตาไรภีบ้ามาตลอด
เพราะอย่างนี้น่ะสิ พ่อถึงบอกว่าทำอะไรให้รอบคอบทุกฝีก้าว
ปณาลีเขย่าแก้ววิสกี้ในมือเบา ๆ แล้วพ่อคิดว่าเราควรทำยังไงต่อไปคะ
ทำไมแกถึงโยนปัญหามาให้ฉันอย่างนี้ล่ะยัยลี ไม่คิดหรือไงว่าปัญหานี้แกควรหาทางแก้เองเพราะแกเป็นคนทำพลาด กำพลมองลูกสาวคนเล็กนิ่ง แต่รอยยิ้มพริ้มเพราบนริมฝีปากของปณาลีทำให้เขาไม่สบายใจเอาเลย
พ่อเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ปณาลียกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ เสียงดังกึกเบา ๆ กลับทำให้บรรยากาศชวนตรึงเครียดยิ่งขึ้น
กำพลกระแอมเบาๆ แกหมายความว่ายังไงยัยลี ฉันเข้าใจผิดยังไง
ปณาลีเงยหน้าสบตากับบิดาด้วยนัยน์ตาราบเรียบ เย็นเยียบราวกับก้อนน้ำแข็ง ก็เข้าใจผิดที่ว่าปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะหนูน่ะสิคะ พ่อช่วยลองคิดอีกทีเถอะค่ะว่าปัญหาทุกอย่างมันเกิดจากใครกันแน่ ทำไมหนูกับปาต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ไม่มีสักครั้งในชีวิตที่เราสองคนจะมีชีวิตเต็มร้อย ไม่ว่าจะทำอะไรเราต้องเผื่อใจสำหรับการระวังตัว และความรอบคอบที่พ่อพูดเสมอ..
ไม่เพียงกำพลเท่านั้นที่อึ้งไป กับท่าทางซีเรียสของปณาลี ปาลิกาที่เอาแต่เงียบมาตลอดก็กำลังเริ่มสับสน เมื่อได้ฟังคำพูดของน้องสาวฝาแฝด
..หนูคิดเสมอนะคะพ่อ ริมฝีปากของปณาลีบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มขมขื่น เมื่อสิบปีก่อนหนูคิดถูกหรือเปล่าที่ กลับมาอยู่กับพ่อ แทนที่จะอยู่กับแม่ ปณาลีพูดเพียงแค่นั้นก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
พ่อคะ? ปาลิกายืนขึ้นอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าควรตามปณาลีไป หรืออยู่กับบิดา ที่เห็นชัดว่านิ่งขึงไปกับคำพูดของน้องสาว
แต่กำพลเป็นคนตัดสินใจแทนปาลิกา ยัยปา ตามน้องไป ไป๊...
เมื่อปาลิกาคล้อยหลังไป กำพลยืนเหม่ออยู่ชั่วครู่ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ผลักหน้าต่างบานหนึ่ง เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน ความมืดแบบนี้แหละที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับมันมาตลอด เมฆก้อนใหญ่ลอยผ่านไปเผยให้เห็นดวงจันทร์ส่องแสงสีเหลืองนวล
กำพลตระหนักถึงความคิดที่ไม่เคยผุดขึ้นมาในสมองเขามาก่อน กลางคืนคือชีวิตของเขา แต่สำหรับลูกสาวของเขากลางคืนหรือกลางวันกันแน่ที่เป็นชีวิตของพวกเธอ..
**********************************************
ปาลิกาเคาะประตูเบา ๆ ก่อนผลักบานประตูห้องของปณาลีเข้าไป ในห้องไม่ได้มืดสนิท แต่มีแสงไฟสีส้มอ่อน จากหัวเตียงทำให้เห็นร่างบางของปณาลีที่นั่งเหม่ออยู่ข้างหน้าต่างได้ในทันที
ปาเหรอ
อือ
ปณาลีหันมามองปาลิกา ขอโทษนะ ปาไม่ได้ตั้งใจที่พูดราวกับว่าไม่อยากอยู่กับปาแล้วก็พ่อ แต่วันนี้มันเกิดเซ็งชีวิตแบบนี้ขึ้นมา ปณาลีส่งยิ้มเศร้าสร้อยให้คู่แฝด
ปาลิกาสะท้อนในอก รู้สึกปวดใจกับภาพที่น้องสาวผู้ร่าเริงแจ่มใสเคว้งคว้างราวกับเด็กหลงทาง เธอค่อย ๆ เดินไปทรุดตัวตรงหน้าเก้าอี้ที่ปณาลีนั่งอยู่ เอื้อมมือไปโอบกอดร่างของน้องสาว
ไม่เป็นไรหรอก แต่ปาอยากบอกให้ลีรู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นปาจะไม่ทิ้งลีไปไหน
ปณาลีกอดตอบพี่สาว ต่างคนต่างกอดกันแน่นจนชวนอึดอัด แต่ไม่มีใครรังเกียจความอึดอัดที่มากับความอบอุ่นนี้
ลีก็เหมือนกัน ลีก็เหมือนปา จะไม่ทิ้งปาไปไหนเราจะไม่ทิ้งกัน เสียงเครือนิด ๆ บอกถึงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
ปาลิการู้สึกถึงหยดน้ำร้อน ๆ ที่หัวไหล่ และก็รู้ตัวว่าน้ำตาเธอกำลังหลั่งรินเช่นกัน เธอดันร่างน้องสาวออกเบา ๆ
อะไรก็ไม่รู้ นี่เรามานั่งร้องไห้กันทำไมเนี่ย ดูสิยัยหนูลีน้ำตานองหน้าเชียว ปาลิกาปาดน้ำตาจากแก้มน้องสาว
ตัวเองก็เหมือนกันแหละ ปณาลียกชายแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาตัวเอง อีกมือก็ควานหากระดาษทิชชูส่งให้พี่สาว ต่างคนต่างหัวเราะให้กันและกัน
************************************************
เอ่อ..ปา ลีกะจะถามตั้งแต่ปากลับมาแล้วล่ะ แต่พอดีพ่อทำหน้ายักษ์อยู่เลยขึ้เกียจพูด ปณาลีในชุดนอนกำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงในห้องของปาลิกา เธอมองพี่สาวที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำมานั่งแปรงผมอยู่
เรื่องอะไรล่ะ ปาลิกายังแปรงผมไปเรื่อยๆ
ก้อ...ปากลับมาเสียดึกแล้วทำหน้าเหมือนปวดท้องอย่างนั้น นายธัญธาดาทำพิษอะไรเข้าล่ะ
ปาลิกาชะงักแปรงในมือ เม้มริมฝีปากแน่น ก็ไม่มีอะไรนี่ ไปกินข้าว แล้วก็ฟังเพลงเท่านั้นแหละ
ปณาลีฟังออกว่าน้ำเสียงของปาลิกาออกจะแข็ง ๆ อยู่ แถมกิริยาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พ้นสายตา แต่ในเมื่อปาลิกาไม่อยากเล่าตอนนี้ ก็คงต้องปล่อยไปก่อน
แค่นั้นเองเหรอ...สู้ลีก็ไม่ได้ ปณาลีทำเป็นย่นจมูก อีตาไรภีทำป่วนหมดเลย
หือ..? คุณไรภีทำป่วนอะไรล่ะ ปาลิกายินดีที่ได้เปลี่ยนเรื่อง
ปณาลีก็เริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นหลังกลับบ้านให้พี่สาวฟัง
*************************
โอ๊ย...ร้อนๆๆ ไรภีโวยทันทีเมื่อเข้ามานั่งในบ้านหญิงสาว เขาดึงวิกผมออกวางกองลงกับโต๊ะ อย่างไม่มีมารยาทที่สุดเท่าที่ปณาลีเคยเห็นมา เธอเลยจัดการรินน้ำเย็นเจี๊ยบจากตู้เย็นให้เขาดื่ม ขณะที่ลงมือจัดข้าวของเข้าครัว เตรียมทำอาหารฝรั่งเศสที่ไปเข้าคลอสเรียนมา ตอนสืบหาคน ๆ ในงาน งานหนึ่ง
หลังจากกระดกน้ำจนหมดแก้วอีตาไรภีบ้าก็เดินเข้ามาสมทบในครัว
ไงมีอะไรให้ช่วยมั้ย?
ลูกเศรษฐีอย่างคุณทำกับข้าวเป็นหรือไง ปณาลีถามแกมเยาะ
อย่าดูถูกไป สมัยอยู่หอที่มหาลัย ผมเป็นพ่อครัวประจำหอเลยนะ
จริงอ่ะ???? ปณาลีไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเขาก็เลยต้องยอมให้เขาช่วย
จะให้ทำอะไรก่อนล่ะ
ช่วยลอกเปลือกมะเขือเทศให้หน่อยแล้วกัน ปณาลีหยิบหม้อใบกะทัดรัดใบหนึ่งออกมาหลังจากล้างผลมะเขือเทศเรียบร้อยก็ใส่ลงไปในหม้อเปิดน้ำจนน้ำท่วมผลมะเชือเทศสีแดงอมส้ม จากนั้นก็นำมาตั้งไปอ่อน ๆ บนเตา พอน้ำอุ่น ๆ คุณก็ลอกเปลือกมันออกนะ พอไรภีพยักหน้ารับ ปณาลีก็หันกลับไปจัดการกับของอื่นต่อ
ผ่านไปพักหนึ่ง เสียงน้ำเดือดปุด ๆ ทำให้ปณาลีหันไปมองที่เตาอย่างสงสัย
คุณไรภี นั่นน้ำเดือดแล้วนะ ทำไมมะเขือเทศยังอยู่ในหม้อล่ะ ปณาลีโวยลั่น รี่เข้าไปปิดเตาแก๊ส แต่สายไปแล้ว มะเขือเทศในหม้อสุกจนนิ่มไปทั้งลูกแล้ว
ปณาลีตักมะเขือเทศสุกใส่จาน เธอเงยหน้ามองไรภีด้วยความสงสัย ชายหนุ่มยักไหล่เล็กน้อย เป็นทำนองบอกว่าช่วยไม่ได้
ผมไม่เคยลอกเปลือกมะเขือเทศนี่นา..
ราวกับว่านั่นเป็นคำตอบทั้งหมดที่เขาอธิบายได้ ปณาลีแอบกัดฟันกรอด...เมื่อได้ยินไรภีพูดต่อ
..เอาไว้ทำซุปก็ได้นี่นา
แล้วซุปในเย็นนั้นก็เป็นซุปมะเขือเทศแทนที่จะเป็นซุปฟักทองอย่างที่ปณาลีคิดไว้แต่แรก
ฉันว่าคุณออกไปรอข้างนอกดีกว่านะคุณไรภี
แต่ผมทำสลัดผักได้นะ ไรภีดื้อแพ่ง
คราวนี้ปณาลีไม่ค่อยอยากจะเชื่อเขานัก เลยแอบดูเขาเป็นระยะ ๆ ปรากฏว่าเขาจัดสลัดผักได้สวยน่ากินจริง ๆ เสียด้วย เธอเห็นเขาทำน้ำสลัดด้วย อดไม่ได้เลยขอโผล่หน้าไปชิม เอ๊ย..ไปดูใกล้ ๆ
ทว่า...เจ้าขวดที่หนุ่มนักแสดงรูปงามที่สาว ๆ ทุกคนกรี๊ดกร๊าดทุกครั้งที่เจอเพิ่งวางลงไป ทำให้ปณาลีกรีดร้องเสียงดังลั่น
ตายแล้ว...!! คุณไร คุณเพิ่งใส่อะไรลงไปในน้ำสลัดน่ะ ไอ้สามช้อนพูน ๆ นั่นน่ะ
น้ำตาลไง ไรภีทำหน้าเหรอ ไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร
น้ำตาลงั้นเหรอ..งั้น คุณลองชิมดูสิ ปณาลีคว้าช้อนแกงคันเล็ก มาตักน้ำสลัดมาจ่อถึงปากเขาเลยล่ะ ไรภีทำหน้าประหลาดใจ แต่ไม่วายทำหน้าทะเล้นใส่หญิงสาว จนปณาลีอยากจะถองศอกเข้าชายโครงเขานัก
ไรภีอ้าปากชิมน้ำสลัดฝีมือเขาที่ปณาลีป้อนถึงปากอย่างมั่นใจ แต่พอลิ้นรับรู้รส ชาดเท่านั้นเขาก็แทบพ่นออกมา เขารีบยกมือป้องปากพยายามกลืนเจ้าน้ำสลัดช้อนนั้นเข้าไป
ปณาลีวางช้อนลง เท้าสะเอวมองเขาอย่างสมน้ำหน้า เป็นไงบ้างน้ำตาลของคุณน่ะ
ถ้าปณาลีคิดว่าไรภีจะจนมุมก็ผิดไปล่ะ ทำไมน้ำตาลบ้านคุณเค็มจัง
ปณาลีอ้าปากกรี๊ดเสียงดังจนไรภีต้องอุดหู
จากคุณ :
wayo
- [
26 มิ.ย. 46 23:01:40
]