T__T .. มีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชื่อตอนนี้แบบสั้นๆ แต่ชัดเจนว่า .. "อี๋" ..
(^^)> .. แต่ช่างเหอะนะ .. ตั้งไปแล้วนี่ .. มาติดตามกันต่อดีกว่า ..
+++++++++++++++++++++++++++++++
ฮั่นตงรุดเข้าไปตรวจดูสภาพศพตามความเคยชินของมือปราบผู้หนึ่งพึงจะกระทำ มือปราบหนุ่มค่อย ๆ เลิกผ้าปิดหน้าของศพออกช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งซีกซึ่งขาวหมดจดงดงาม แม้จะล่วงเลยวัยสาวมาแล้วก็ตามที ที่แท้ผู้ตายในชุดดำผู้นี้ เป็น ... สตรี!!!
สิ่งที่ทำให้ฮั่นตงต้องตกตะลึงยิ่งกว่านั้นก็คือ ... คนผู้นี้กลับเป็น ... ซือไถ้กล้วยไม้ขาว !!!
เหตุใดซือไถ้กล้วยไม้ขาวจึงต้องปลอมแปลงตัวในชุดดำเยี่ยงคนร้ายผู้น่าสงสัย .. เหตุใดนางจึงต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้
และที่สำคัญที่สุด ใครเป็นผู้ลงมือสังหารนาง ?
นอกเหนือไปจากนั้น สิ่งที่รบกวนจิตใจของฮั่นตงในเวลานี้นั่นก็คือ .. เหตุใดสภาพการลงมือสังหารจึงคลับคล้ายกับ เงาพรายไร้รูป หากพิจารณาจากสภาพศพที่เห็น ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่า ซือไถ้กล้วยไม้ขาวตกตายด้วยเงื้อมมือของเขา ..
หรือทั้งหมดนี้คือกับดัก .. กับดักอันแยบยลที่ขุดล่อเหยื่อตัวโตที่ชื่อ ฮั่นตง ให้มาติดกับ
ความคิดยังมิทันสิ้นสุด เสียงชายเสื้อปะทะลมก็แว่วสู่โสตประสาทของยอดมือปราบ ฉับพลันนั้นเอง ปรากฏเงาร่างสามร่างเหินติดตามกัน มุ่งหน้ามายังจุดที่ฮั่นตงและซากสังขารของซือไถ้กล้วยไม้ขาวอยู่ ฮั่นตงได้แต่ลอบทอดถอนใจ ครั้งนี้ตัวเขาเห็นทีจะหนีมิพ้นความยุ่งยากเป็นแน่
เงาร่างทั้งสามได้พุ่งเข้ามาหยุดยืนที่ข้างกายฮั่นตงอย่างรวดเร็ว
มือปราบหนุ่มรู้สึกตึงเครียดยิ่งนัก เพราะเพียงสัมผัสกำลังภายในและท่าร่างของทั้งสาม ก็ทราบว่าต่างต้องมีฝีมือจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของยุทธภพแน่นอน
เหตุใดทั้งสามจึงมาปรากฏกายในที่นี้ และในเวลาเช่นนี้ !!!?
แต่แล้วฮั่นตงก็ต้องลอบถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเห็นร่างเหล่านั้นชัดตา ที่แท้ผู้มาคือไต้ซือหัวหลิน จื่ออิง และตั๋วล่ายสุกนั่นเอง เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินซึ่งมีอาวุโสสูงสุดและเป็นคนนับถือกันกับมือปราบหนุ่มเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นก็มีความสงสัยจึงเอ่ยปากถามว่า ประสกฮั่นเหตุใดจึงอยู่ที่นี่?
ฮั่นตงรักษาความเยือกเย็นตอบกลับไปว่า แล้วเพวกท่านทั้งสามเล่า ?
พวกเราตามคนร้ายชุดดำมา แต่ไม่นึกว่าจะเจอเจ้าด้วย !!! ตั๋วล่ายสุกแค่นเสียงเหน็บแนม เขายังผูกใจเจ็บจากเมื่อกลางวันอยู่
"พวกท่านก็ติดตามคนชุดดำมา ?" ฮั่นตงอุทาน
ตั๋วล่ายสุกทำท่าจะพูดอะไร ทว่าไต้ซือหัวหลินยกมือปรามตั๋วล่ายสุกกล่าวว่า เมื่อครู่อาตมาสนทนาอยู่กับประสกแซ่จื่อ พลันพบเห็นคนชุดดำแปลกหน้า ใช้ท่าร่างพิสดารเหินผ่านขึ้นเขา คิดว่าอาจเป็นพวกพรรคมารก็เลยติดตามมันมา ระหว่างทางพบประมุขตั๋วซึ่งติดตามคนชุดดำมาเช่นกันจึงร่วมทางมาด้วยกัน ... คาดว่าประสกฮั่นก็ตามคนชุดดำนั้นมาด้วยกระมัง ?
ฮั่นตงผงกศีรษะรับ ก่อนที่เขาจะได้ทันชี้แจงอันใด จื่ออิงกลับร้องขึ้นพร้อมชี้มือสั่น ๆไปที่ศพแม่ชีกล้วยไม้ขาว ศพนั่น? คนชุดดำ? ... เอ๊ะ! นั่น ...นั่นซือไถ้กล้วยไม้ขาว!!!!
คนทั้งหลายมองตามจื่ออิง เห็นร่างแม่ชีกล้วยไม้ขาวนอนตายอยู่ก็แตกตื่นตกใจ ไต้ซือหัวหลินชูมือขึ้นร้อง อมิตพุทธๆ ไม่หยุดปาก ส่วนตั๋วล่ายสุกหลังจากหายตกใจกลับทำท่าครุ่นคิดแล้วตะโกนขึ้นว่า
เดี๋ยวก่อนเหตุใดแม่ชีจึงสวมใส่ชุดดำ ... และเหตุใดจึงถูกสังหารอยู่ที่นี่!!! เจ้าสำนักคุนหลุนก้าวสวบๆเข้าใกล้ศพแม่ชี พลิกไปพลิกมาแล้วกล่าวว่า อย่างที่ข้าคิดจริงๆ! นี่มันรอยถูกผ่าเรียบสนิท ในยุทธภพผู้ที่สามารถทำได้เช่นนี้น่ากลัวมีไม่มาก ยิ่งสามารถลงมือกับชนชั้นระดับเจ้าสำนักเฉกเช่น ซือไถ้กล้วยไม้ขาวด้วยแล้วยิ่งมีน้อยยิ่งกว่าน้อย!
คำพูดของเจ้าสำนักคุนหลุน ทำให้ไต้ซือหัวหลินและจื่ออิงอดที่จะเหลือบไปยังฮั่นตงไม่ได้ ...
ฮั่นตงรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมายังตน แต่เมื่อตนมิได้กระทำก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปฏิเสธเพียงกล่าวเนิบๆว่า ...เรื่องนี้มีเบาะแสซับซ้อนจำต้องสืบให้ละเอียด
สืบสวน!!! หลักฐานเด่นชัดขนาดนี้เจ้ายังคิดปฏิเสธ? ตั๋วล่ายสุกตวาด ซากสังขารของซือไถ้ถูกผ่าแยกเป็นสองส่วนเช่นนี้ ทอดตาทั่วแผ่นดินคงมีแต่เงาพรายไร้รูปของเจ้าที่ทำได้"
กล่าวจบ เจ้าสำนักคุนหลุนพลันซัดฟาดออกด้วยฝ่ามือ สิ้นสุด อันเป็นกระบวนท่าที่ใช้เมื่อกลางวัน แต่คราวนี้เป็นการทุ่มเทพลังเต็มที่หวังเอาชีวิต
อันวิชาคุนหลุนนั้น ความลึกล้ำพิศดารอยู่ที่ความมุ่งมั่นในการลงมือ ยิ่งมุ่งมั่นมากพลังฝีมือยิ่งร้ายกาจ เพราะเหตุนี้ตั๋วล่ายสุกจึงเป็นเจ้าสำนักคุนหลุนที่มีฝีมือสูงส่งที่สุดในรอบ 300 ปี ของสำนัก เนื่องเพราะมันมีความมุ่งมั่นอย่างร้ายกาจ มุ่งมันจนแทบกลายเป็นความอำมหิต หรือจริง ๆแล้ว ความมุ่งมั่นของมันคือความอำมหิตของตัวมันกันแน่ก็มิอาจทราบได้ .. ฝ่ามือนี้ของตั๋วล่ายสุกเมื่อใช้ออกกับฮั่นตงย่อมเหนือกว่าฝ่ามือที่จู่โจมทำร้ายหลี่ซังฮู้ยิ่งนัก และนั่นย่อมหมายถึงว่ามือปราบหนุ่มมิอาจใช้ฝ่ามือเลียนแบบต้านรับได้ !!
ประสกตั๋วโปรดหยุดมือ... ไต้ซือหัวหลินร้องขึ้น พลันใช้ออกด้วยฝ่ามือปัญญาปรมัตอันเป็นหนึ่งใน ๗๒ ไม้ตายของเส้าหลิน สะบัดฟาดพลังกระแสอ่อนหยุ่นสายหนึ่งพุ่งเข้าปะทะกับพลังฝ่ามือของตั๋วล่ายสุก จากนั้นกระแสพลังอ่อนหยุ่นสายนั้นยังชักนำพลังจู่โจมทั้งหมดของเจ้าสำนักคุนหลุนลงยังพื้นหิมะด้านข้าง เสียงระเบิดดังขึ้น ปุยหิมะกระจายว่อนไปทั่วบริเวณ
ไต้ซือหัวหลินกลับสามารถใช้พลังฝ่ามือคลี่คลายสลายท่าจู่โจมของตั๋วล่ายสุกลงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นตั๋วล่ายสุกและหัวหลินไต้ซือต่างส่ายร่างโงนเงนเล็กน้อย ทว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
"ไต้ซือ!! ท่าน!!!"ตั๋วล่ายสุกตวาด
ฮั่นตงลอบชื่นชมกำลังฝีมือของหลวงจีนชราผู้นี้อยู่ในใจ คิดว่าเมื่อเตียหงีสิ้นชีวิตแล้ว คนผู้นี้อาจถือเป็น ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ ที่แท้จริง จึงไม่แปลกที่จะมีคนสงสัยวัดเส้าหลิน เพราะจากการตายของเตียหงีนั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือวัดเส้าหลิน
ไต้ซือหัวหลินแค่นเสียงกล่าวว่า ประสกตั๋ว เรื่องราวครานี้เกี่ยวพันกับผู้คนในวงกว้าง อาตมาไม่อาจปล่อยให้ท่านใช้อารมณ์วู่วามตัดสินกันเองได้
แต่แม่ชีกล้วยไม้ขาวต้องได้รับความเป็นธรรม !!! เจ้าสำนักคุนหลุนชี้หน้าฮั่นตงพลางร้องด้วยน้ำเสียงเป็นเดือดเป็นแค้น ทั้งที่ก่อนนั้นก็ไม่เคยปรากฏว่า ตั๋วล่ายสุกสนิทสนมกับซือไถ้กล้วยไม้ขาวแต่ประการใด
เอาเถอะ เมื่อเรื่องนี้เกิดในบู๊ตึ้ง อีกทั้งเวลานี้ท่านตุลาการที่ได้ชื่อว่าเที่ยงธรรมเป็นที่สุด ก็อยู่ ณ ที่นี่ด้วย ข้าคิดว่าท่านจื่ออิงที่เป็นเจ้าของสถานที่ และท่านตุลาการจะสามารถให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไต้ซือหัวหลินหันไปทางจื่ออิง
จื่ออิงมีท่าทีเลิ่กลั่กลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ประกาศว่า ได้ เช้าวันพรุ่งนี้จะมีการชำระความกันที่ห้องโถงของสำนัก ข้าขอเชิญทุกท่านมาเป็นพยาน
ตั๋วล่ายสุกได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ หันไปมองฮั่นตงอย่างมีชัย ส่วนมือปราบหนุ่มยังคงนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น
.
.
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 46 10:44:04
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 46 10:38:12
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 46 23:17:40
แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 46 23:11:02