จับตัวมันไว้ !!!
หัวหลินไต้ซือตวาดเสียงก้อง จากนั้นหลวงจีนชราแห่งเส้าหลินเทียนซานพลันใช้ออกด้วยฝ่ามือ พุทธรรม บังเกิดเป็นพลังสองสายที่สงบนิ่งและอ่อนหยุ่นจู่โจมเข้าล้อมกักหลี่ซังฮู้ไว้ตรงกลาง
แต่เดิมหลี่ซังฮู้พลาดท่าเสียทีแก่ตั๋วล่ายสุกที่ลอบทำร้ายอยู่ก่อนแล้ว เมื่อหัวหลินไต้ซือลงมือซ้ำเติมแบบมิให้มีโอกาสตั้งตัวเช่นนี้ แน่นอนว่ามือเท้ามิทันขยับก็ถูกสยบลงภายในกระบวนท่าเดียว ฮั่นตงที่ยืนอยู่ด้านข้างแม้คิดช่วยเหลือ แต่เมื่อสังเกตสายตาของทุกผู้คนในห้องโถงที่มองมายังนางแล้ว ก็ทราบได้ทันทีว่า หากแม้นเขาลงมือช่วยเหลือแล้ว มิแน่ว่าอาจก่อให้เกิดการปะทะขั้นแตกหัก ล้มตายทั้งสองฝ่าย อีกทั้งฮั่นตงเองก็ยังไม่แน่ใจในความเป็นมาของ ดรุณี นางนี้
.. ในที่สุด ร่างท่อนบนของมือปราบหนุ่มที่ขยับเตรียมลงมือ พลันหยุดนิ่งมิเคลื่อนไหว ปล่อยให้ หลี่ซังฮู้ถูกสยบลงใต้กระบวนท่าฝ่ามือ พุทธรรม ของหัวหลินไต้ซือ
หัวหลินไต้ซือกระชากบิดไขว้มือของหลี่ซังฮู้มาไว้ด้านหลังอย่างแรง จากนั้นกดลงจนนางต้องทรุดกายลงกับพื้น การลงมือทั้งหมดรวบรัด เฉียบขาด รุนแรง จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เป็นการลงมือของหลวงจีนผู้ทรงศีล !!
หลี่ซังฮู้หน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด ทว่ามิมีเสียงร้องครวญครางดังออกจากปากแต่อย่างใด .. นางเพียงใช้ดวงตาทอประกายตัดพ้อมองไปยังมือปราบหนุ่มเป็นเชิงต่อว่า เหตุใดท่านจึงไม่ช่วยเรา? .. ฮั่นตงเห็นดังนั้นก็ได้แต่นิ่งอึ้ง สุดท้ายเบือนหน้าหนีมิอาจสบสายตาด้วย
บอกมา !!! .. เจ้าเป็นไส้ศึกของพรรคมาร ใช่หรือไม่ .. พรรคฉิกจับอิดของเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่ คำพูดที่ดุดันเร่งร้อนเช่นนี้ มิว่าผู้ใดได้ยิน ก็มิสามารถคาดคิดคำนวณได้ว่าเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของ ... หัวหลินไต้ซือ!!!
หลวงจีนชราผู้นี้ยามปกติเครียดขรึมสำรวมเป็นอย่างยิ่ง มิมีใครคาดคิดว่าเพลานี้กลับลงมืออย่างดุดันอำมหิตเช่นนี้
ระหว่างที่ทุกผู้คนกำลังยืนตะลึงอยู่นั้นเอง ตั๋วล่ายสุก ซึ่งยืนอยู่ใกล้คนทั้งสองมากที่สุด ก็ก้มลงหยิบตราหยกขึ้นจากพื้น พินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า ..
เกรงว่า หนุ่มน้อยผู้นี้ มิเพียงเป็นไส้ศึกธรรมดา เช่นที่ท่านไต้ซือเข้าใจเสียแล้ว
คำพูดประโยคนั้น ทำให้ทุกคนในห้องโถงยิ่งตะลึงมากขึ้น กระทั่งตุลาการเที่ยงธรรมยังถึงกับเอ่ยปากถาม ท่านตั๋วกล่าวเช่นนี้ .. หมายความว่าอย่างไร
พรรคฉิก จับอิด มีกฏเกณฑ์เข้มงวด สายการบังคับบัญชาภายในพรรค เป็นระบบ ชัดเจน โดยมีตราหยกประจำตัวซึ่งสร้างขึ้นจากวัสดุที่แตกต่างกันเป็นเครื่องชี้บ่งฐานะ ข้าเคยมีโอกาสได้เห็นตราหยกประจำตัวของหัวหน้าสาขาพรรคฉิกจับอิด ครั้งหนึ่ง .. ตราหยกของมันผู้นั้น ยังเพียงสร้างขึ้นด้วยหยกธรรมดาเท่านั้น..
กล่าวถึงตอนนี้ เจ้าสำนักคุนหลุนก็หันไปจ้องหน้าฮั่นตงพร้อมกับรอยยิ้มของผู้มีชัย ก่อนจะอธิบายต่อไปว่า ..
แต่ตราหยกของผู้ช่วยท่านมือปราบฮั่นชิ้นนี้ สร้างด้วยเนื้อหยกชั้นเยี่ยม ซ้ำขอบยังเลี่ยมด้วยทองคำ แสดงว่าตำแหน่งของผู้เป็นเจ้าของ ย่อมมิใช่ชนชั้นสามัญภายในพรรคอย่างแน่นอน .. กล่าวจบ ตั๋วล่ายสุกก็ยื่นตราหยกชิ้นนั้นให้ตุลาการเที่ยงธรรมด้วยท่าทีนอบน้อมเป็นพิเศษ ก่อนจะกล่าวปิดท้ายว่า ..
ท่านมือปราบฮั่น นำพาผู้ช่วยซึ่งมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้ขึ้นมายังสำนักบู๊ตึ้ง หากจะอ้างว่า มิรู้เห็น เกรงว่าคงทำให้ผู้คนเชื่อได้ยากแล้ว
ตุลาการเที่ยงธรรมรับเอาตราหยกนั้นไป ระหว่างนั้น หลี่ซังฮู้ที่โดนไต้ซือหัวหลินคุมตัวอยู่ยังคงนั่งนิ่ง ไม่เอ่ยวาจา ตุลาการเที่ยงธรรมพลิกตราหยกไปมา ตรวจดูอย่างละเอียดอยู่เป็นครู่ จากนั้นจึงหันไปถามฮั่นตงด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน ราวกับกำลังสอนสวนผู้ต้องหากระนั้น
ท่านฮั่นกล่าวว่า หนุ่มน้อยแซ่หลี่ผู้นี้ เป็นผู้ช่วยของท่าน .. ไม่ทราบว่าท่านได้พบกับคนผู้นี้ที่ไหน เมื่อไหร่ .. และท่านทราบความเป็นมาของคนผู้นี้หรือไม่
แต่ยังไม่ทันที่ฮั่นตงจะตอบคำถาม ได้ซือหัวหลินหลันร้องขึ้นว่า ..
หนุ่มน้อยแซ่หลี่ !!! .. คนผู้นี้แซ่หลี่ !!! .. ใช่แล้ว .. ประมุขพรรคฉิกจับอิด ก็แช่หลี่ .. ที่แท้ เจ้าเป็นใครกันแน่
ทุกผู้คนพากันหันไปมองหน้า หลี่ซังฮู้เป็นตาเดียว รวมถึงฮั่นตงด้วย .. แม้มือปราบหนุ่มจะพอคาดเดาได้ว่า หลี่ซังฮู้อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับพรรค ฉิกจับอิด แต่หาได้เคยคาดคิดไม่ ว่า ดรุณีน้อยในคราบชายหนุ่มผู้นี้จะถึงกับมีความสัมพันธ์กับ หลี่เฉินเชียง ประมุขพรรค ฉิกจับอิด เช่นนี้ ..
เมื่อเห็นผู้ตกเป็นจำเลยยังคงนิ่งเฉย ไต้ซือหัวหลินก็ถึงกับออกแรงบิดมือของหลี่ซังฮู้หนักขึ้น จนนางสุดจะทนทานได้ ส่งเสียงร้องขึ้นเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความตำตะลึงของทุกคน
โอ้ย !!
หากข้าออกแรงเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย ข้อมือของเจ้าต้องหักอย่างแน่นอน เจ้าสำนักเส้าหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ไม่ใส่ใจอาการเจ็บปวดของเชลยในความควบคุมแต่อย่างใด ทั้งสีหน้าและแววตาของหลวงจีนชราในยามนี้แลดูโหดเหี้ยม อำมหิต และเต็มไปด้วยโทสะอย่างน่าประหลาด ..
เจ้าเป็นอะไรกับหลี่เฉินเชียงกันแน่ ?? .. พูด !!!
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลี่ซังฮู้ ทำให้ฮั่นตงสุดที่จะทนยืนนิ่งเฉยอยู่ได้ มือปราบหนุ่มพลันลงมือใช้ออกด้วยกระบวนท่า มังกรชิงไข่มุก นิ้วทั้งห้างองุ้มเข้าหากัน พุ่งเหยียดมือออกหวังชิงตัวหลี่ซังฮู้ออกจากความควบคุมของหัวหลินไต้ซือ ทว่าตั๋วล่ายสุกซึ่งคุมเชิงรออยู่ก่อนแล้ว พลันใช้ออกด้วยฝ่ามือ ทลายภูผา ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ทื่อด้านปราศจากความพลิกแพลงทว่าความดุดันรุนแรงของฝ่ามือนั้นเป็นที่คาดคำนวณได้ เพราะแม้แต่ศิลาอันแข็งแกร่งยังคงแตกสลายใต้ฝ่ามือนี้ ฝ่ามือนี้ของตั๋วล่ายสุกมิได้หวังสะกัดกั้นการช่วยเหลือหลี่ซังฮู้ของฮั่นตงแต่อย่างใด
มันกลับพุ่งเป้าจู่โจมเข้าใส่จุดที่ต้องป้องกันของฮั่นตง มือปราบหนุ่มเมื่อเห็นเจ้าสำนักคุนหลุนซัดฟาดฝ่ามือที่รุนแรงดุดันเช่นนี้ก็มิกล้าประมาท วกมือข้างนั้นกลับมาป้องกันทรวงอก ส่วนฝ่ามืออีกข้างกราดฟาดออกด้วยท่าเพลง คันฉ่องส่องนภา กระบวนท่านี้เป็นท่าที่ใช้ตั้งรับศัตรูของฮั่นตง เนื่องจากมันมีทั้งความเรียบง่ายและพลิกแพลงอยู่ในตัว เปรียบได้กับคันฉ่องที่ส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า หากแม้ท้องฟ้าสดใสกระจ่างตา ภาพที่เห็นจากคันฉ่องก็ย่อมเป็นภาพท้องฟ้าที่กระจ่างตา ในทางกลับกันหากแม้นว่าฟ้าครึ้มเมฆดำปกคลุมพายุใหญ่พัดกรายมา คันฉ่องก็ย่อมส่องให้เห็นภาพพายุร้ายดังกล่าว
ดังนั้นครานี้ เจ้าสำนักคุนหลุนใช้ออกด้วยกระบวนท่า ทลายภูผา ความรุนแรงของการปะทะครั้งนี้จึงรุนแรงยิ่ง ฮั่นตงเนื่องจากถูกจู๋โจมโดยมิทันตั้งตัวตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ร่างพลันส่ายโงนเงนไปด้านหลัง 2 ก้าว ส่วนตั๋วล่ายสุกแม้จะเตรียมตัวอยู่ก่อน ทว่ากระบวนท่าที่ตอบโต้ของมือปราบหนุ่มนั้นก็รุนแรงมิได้ด้อยไปกว่าของตน ดังนั้นถึงเป็นฝ่ายมีเปรียบ ทว่าเลือดลมในกายก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนจนยากที่จะควบคุม
ทั้งสองใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หลังจากลอบเดินพลังชั่วครู่ รอยสีแดงบนใบหน้าจึงหายไป ตั๋วล่ายสุกไม่รอช้า ซัดฟาดฝ่ามือที่สองออกตามติดในกระบวนท่า ฝ่ามือไร้เงา กระบวนท่านี้เน้นความรวดเร็วพลิกแพลง มองเห็นเงาฝ่ามือของตั๋วล่ายสุก ฉวัดเฉวียนไปมายี่สิบกว่าฝ่ามือ จู่โจมเข้าใส่ฮั่นตง
ฮั่นตงพลันรวบรวมพลังลอยตัวขึ้นใช้ออกด้วย ท่าเท้านกนางแอ่น เท้าทั้งสองสะบัดเตะออกอย่างถี่ยิบ กลับต้านปะทะกับทุกฝ่ามือของเจ้าสำนักคุนหลุน
ตั๋วล่ายสุกอุทานดัง อา มันย่อมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากพลังขาของมนุษย์นั้นมีกำลังมากกว่าแขนถึงสี่เท่า ครานี้มันกลับใช้ฝ่ามือเข้าปะทะกับท่าเท้าของฮั่นตงไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็คงเป็นเรื่องประหลาด
ตั๋วล่ายสุกเซถลาไปด้านหลังสามก้าวใหญ่ๆ ฮั่นตงไม่รอช้า พุ่งกายตามติด กระบวนท่าที่ใช้ยังคงเป็น "ท่าเท้านกนางแอ่น อันว่องไวพลิกแพลงและรุนแรงเป็นยิ่งนัก ตั๋วล่ายสุกเองก็มิเสียทีที่เป็นชนชั้นเจ้าสำนัก อาศัยหยิบยืมพลังจากการเซถลาสะกิดปลายเท้าพลิกตัว หมุนตามแรงเหวี่ยงหลบรอดพ้นจากท่าจู่โจมของฮั่นตงไปได้
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังประมือกันอยู่นั้น ไต้ซือหัวหลินกลับยังคงออกแรงบิดแขนหลี่ซังฮู้ พร้อมตะคอกถามเสียงดัง โดยไม่ใส่ใจกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของนางแม้แต่น้อย .. นั่นยิ่งทำให้ฮั่นตงยิ่งร้อนใจมากขึ้น จึงตัดสินใจลงมือขั้นเด็ดขาด
ทว่าขณะที่ฮั่นตงกำลังจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมตั๋วล่ายสุกอีกครา พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ช้าก่อน !!!!
อำนาจบางอย่างที่แฝงไว้ในน้ำเสียงนั้น ทำให้ทุกคนหยุดมือ แล้วหันไปทางประตูห้องโถง .. เจ้าของเสียงนั้นก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างแช่มช้า .. เมื่อสามารถแลเห็นหน้าของผู้มาใหม่ได้ถนัดตา ฮั่นตงก็ถึงกับตกตะลึงไป ..
.. และการต่อสู้ระหว่างมือปราบอันดับหนึ่งแห่งยุค กับ เจ้าสำนักคุนหลุน ที่พึ่งอุบัติขึ้นก็เป็นอันจบลงในลักษณะนี้เอง ..
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 46 16:26:43
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 46 16:20:52
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 46 23:14:49
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 46 01:50:33
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
5 ก.ค. 46 00:31:31
]