บันทึกไว้ในวงวรรณ (ภาค ๓)...เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์...

    บันทึกไว้ในวงวรรณ (ภาค ๓)...เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์...

    ไม่รู้ว่าจอมยุทธฯ จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนอีกกี่ลูก ฮ่า ฮ่า ในการนำเสนอ บันทึกไว้ในวง
    วรรณ ภาค ๓ นี้ ถ้าไม่เป็นเพราะในขณะที่นำเสนอกระทู้ บันทึกไว้ในวงวรรณ ภาคแรก ตอน
    วรรคทอง มีสาวน้อยนางหนึ่งบอกกับจอมยุทธฯ ว่า "พี่จอมยุทธฯค่ะ หนูขอให้แยกงานของ
    ครูเนาว์ เป็นอีกกระทู้หนึ่งได้ไหม" จอมยุทธฯ ก็ชอบเอาใจคนซะด้วยซี  ก็เลยต้องมีกระทู้นี้
    ขึ้นมา "บันทึกไว้ในวงวรรณ (ภาค ๓)...เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์..."

    ก่อนจะว่าต่อไป มารู้จักกับกวีท่านนี้สักนิดดีกว่า

    เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นกวีรัตนโกสินทร์ เจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์แห่งอาเซียน
    (ซีไรท์) จากรวมกวีนิพนธ์ชุด เพียงความเคลื่อนไหว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๓ และได้รับการยกย่อง
    เชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นกวีคนสำคัญของบ้านของเมืองอีกคนหนึ่ง
    ที่มีผลงานต่อเนื่องและเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป

    ในแวดวงกวีและแวดวงของนักเขียนนั้น ถ้าหากเป็นรุ่นพี่ก็จะเรียกกวีคนนี้ด้วยความรักความ
    เมตตาว่า เนาว์ และถ้าเป็นรุ่นน้องๆก็จะเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสนิทสนมว่า พี่เนาว์ จนกลายเป็น
    ธรรมเนียมต่อมาจนถึงปัจจุบัน

    เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจน-
    บุรี เกิดมาในครอบครัวของคนที่รักและสนใจในเรื่องของวรรณคดีไทย พ่อของเขาสนใจดนตรีไทย
    และกาพย์กลอนมากเป็นพิเศษ ซึ่งความหลงใหลเช่นนี้ ชาวบ้านที่อำเภอพนมทวนบอกว่าพ่อของ
    เนาวรัตน์ เป็นกวีคนหนึ่งของอำเภอพนมทวน

    แม่ของเนาวรัตน์เองก็เป็นคนชอบอ่านวรรณคดี หลังจากอ่านแล้วก็ยังเจือจานถ่ายทอดรสและ
    เรื่องราวดังกล่าวให้ลูกๆได้รับรู้อีกด้วย นอกจากนี้ที่บ้านยังสะสมหนังสือวรรณกรรมทั้งเก่าและ
    ใหม่ไว้มากมาย

    ความที่เป็นครอบครัวของนักอ่าน และครอบครัวที่มีความรักความผูกพันอยู่กับเรื่องราวทางวรรณ
    คดีไทย ดนตรีไทย ทำให้สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมจิตใจของทุกคนในบ้านให้มีความรักความผูพัน
    อยู่กับสิ่งเหล่านี้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเนาวรัตน์ได้ดูดซับประสบการณ์ดังกล่าวเข้ไว้ในสาย
    เลือด และเรียนรู้จากของจริงไปโดยปริยาย

    "คนบ้านนี้เป่าขลุ่ยเก่ง" เพื่อนบ้านเล่าถึงครอบครัวของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ คำกล่าวนี่เป็น
    ความจริง เพราะเมื่อครั้งที่ยังเด็กๆอยู่นั้น เนาวรัตน์เป็นเด็กที่เป่าขลุ่ยได้ไพเราะจับใจมาตั้งแต่
    เรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒

    เนาวรัตน์ เป็นคนช่างฝัน อารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ เขามีความละเมียดละไมมาแต่เล็กแต่
    น้อย ในเรื่องเกี่ยวกับการแต่งกลอนนั้น เนาวรัตน์เคยกล่าวไว้ว่า

    "เริ่มแต่งกลอนมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนมัธยมที่โรงเรียนวิสุทธิรังษี มาเขียนจริงจังเอาเมื่อเรียนมหา
    วิทยาลัย"

    เนาวรัตน์ หัดแต่งโคลงก่อนกลอน ช่วงมัธยมก็ยังเขียนโคลงอยู่ โดยครั้งหนึ่งได้เขียนโคลงที่แปล
    ความหมายมาจาก บทกลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า ของพระยาอุปกิตศิลปสาร เป็นการเขียนตาม
    แบบแผนยึดฉันทลักษณ์เป็นหลักอย่างเคร่งครัด โดยถือตามแบบวรรณคดีที่ได้ร่ำเรียนมา คือ ลิลิต-
    พระลอ นิราศนรินทร์ และ ลิลิตเตลงพ่าย

    เนาวรัตน์ เริ่มมาเขียนกลอนอย่างจริงจังเมื่อมาเรียนที่ธรรมศาสตร์ โดยได้ร่วมกับเพื่อนๆก่อตั้ง
    ชมรมวรรณศิลป์ และ ชมรมดนตรีไทย ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นหนึ่งในนักกลอน
    สี่มือทอง ยุคแรกของธรรมศาสตร์ ร่วมกับ นิภา บางยี่ขัน, ทวีสุข ทองถาวร และ  ดวงใจ รวิปรีชา
    ที่ชนะเลิศการแข่งขันกลอนสดระหว่างมหาวิทยาลัย อย่างสม่ำเสมอ

    คงต้องเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนขอรับกลัวจะยาวไป มาเริ่มอ่านงานกวีนิพนธ์ของเนาวรัตน์ กันดีกว่า

    สำหรับกระทู้ที่แล้ว " บันทึกไว้ในวงวรรณ (ภาค ๒) .....บทกวีเพื่อชีวิต......"

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2329126/W2329126.html

    จากคุณ : จอมยุทธเมรัย - [ 7 ก.ค. 46 13:01:30 ]