"ชิ้งงงง !!!"
ทันทีที่เหวินเหม่ยชิงกล่าวจบ .. เสียงกระบี่พลันดังขึ้นอย่างมิมีผู้ใดคาดคิด พร้อมกับรุ้งกระบี่สีขาว พาดเป็นแนวยาววิถีโค้งจู่โจมเข้าใส่ตั๋วล่ายสุกราวกับอสรพิษฉกกัด ตั๋วล่ายสุกยามตื่นตระหนกพลันบิดกายหมุน หลบหลีกการจู่โจมจากเพลงกระบี่ซึ่งอาศัยการจู่โจมในแนวโค้ง
"ฟึ่บๆ"
เสียงกระบี่กรีดผ่านชายเสื้อผ้าของตั๋วล่ายสุกจนขาดเป็นริ้ว ๆ สองสามรอย ตัวมันแม้รอดพ้นจากการจู่โจมอย่างกระทันหันนี้ได้ ทว่าท่วงท่าก็ทุลักทุเลเป็นยิ่งนัก
ตั๋วล่ายสุกถึงกับตื่นตะลึงมิน้อย ด้วยมันคิดไม่ถึงว่าดรุณีน้อย รูปร่างแบบบาง ปากยังไม่ทันสิ้นกลิ่นน้ำนมผู้นี้ ปากบอกลงมือก็ลงมือ หาได้เกรงศักดิ์ศรีเจ้าสำนักคุนหลุนของตนไม่ !!!
แม้ว่าเพลงกระบี่นี้จะทำอันตรายได้เพียงชายเสื้อผ้า แต่การลงมือของนางครานี้ นับว่าสร้างความเสื่อมเสียหน้าแก่ชนชั้นเจ้าสำนัก เช่น ตั๋วล่ายสุกเป็นยิ่งนัก .. เนื่องเพราะ เหวินเหม่ยชิงเป็นเพียง ชนรุ่นหลัง ของสำนักหันซานที่เพิ่งออกท่องยุทธภพ ชื่อเสียงเรียงนามมิเคยเป็นที่ปรากฏ หากนับตามศักดิ์ศรีแล้ว จัดว่าห่างชั้นจากมันยิ่งนัก
ตั๋วล่ายสุกขบกรามแน่น เคลื่อนกายหลบหลีกรังสีกระบี่ที่จู่โจมตามติดมาอย่างต่อเนื่องอีกสองถึงสามครา พลันเกร็งพลังปราณ บรรจุพลังเข้าสู่ฝ่ามือทั้งสองจากนั้นซัดฟาดฝ่ามือออกติด ๆ กัน สามถึงสี่ฝ่ามือ พลังแต่ละฝ่ามือรุนแรงราวบ้าคลั่ง บังเกิดพลังลมกรรโชกเข้าใส่เหวินเหม่ยชิงติด ๆ กันถึงสี่สาย
เหวินเหม่ยชิงพลันปาดกระบี่วูบ ควงเป็นวงเล็ก ๆ ซ้อนกันถึงสี่วง พอดีปะทะกับพลังทั้งสี่สาย ทว่าด้วยพลังฝึกปรือของตั๋วล่ายสุก แม้เหวินเหม่ยชิงจะสามารถต้านปะทะพลังฝ่ามือทั้งสี่สายเอาไว้ได้ นางก็รู้สึกเบื้องหน้ามืดทะมึน ถึงกับเซถอยหลังติด ๆ กันสามก้าวใหญ่ จึงสามารถดึงรั้งพลังไว้ได้
ตั๋วล่ายสุกมิรอช้า เมื่อชิงเป็นฝ่ายได้เปรียบ พลันใช้ออกตามติดด้วยกระบวนท่า "ฝ่ามือหมุนวน" ร่างทั้งร่างลอยสูงจากพื้นหมุนตัวควงสว่านเข้าจู่โจมใส่เหวินเหม่ยชิง ฝ่ามือทั้งสองข้างทยอยฟาดตามติดไม่หยุดยั้ง ทั้งแง่มุมและพลังฝ่ามือแตกต่างกันสิบเจ็ดสิบแปดอย่าง พุ่งเข้าใส่ศิษย์เอกแห่งสำนักหันซานผู้นี้ พลังฝ่ามือของตั๋วล่ายสุกคราวนี้จัดว่าพลิกแพลง เปลี่ยนแปลง จนยากคาดจะคาดเดา ..
ทว่าร้อยเปลี่ยนแปรมิสู้หนึ่งเรียบง่าย !!
เหวินเหม่ยชิงพลันใช้ออกด้วยเพลงกระบี่พื้นฐานของหันซาน ซึ่งใช้สำหรับตั้งรับนาม "ค่ายกลกระบี่โค้ง" สะบัดกระบี่ออกเพียงกระบวนท่าเดียวกัน ทว่าด้วยแง่มุมต่าง ๆ กัน ทุกกระบวนท่าอาศัยหลักการพื้นฐานของสำนักหันซาน คือการจู่โจมในวิถีโค้งและทรงกลม เกิดเป็นภาพมายา ราวกับว่ากระบี่ในมือของเหวินเหม่ยชิงพลันแตกระเบิดออกเป็นเส้นโค้งที่มีชีวิต จำนวนมากมายมิรู้จบสิ้น เข้าปะทะกับพลังฝ่ามือของตั๋วล่ายสุกที่จู่โจมมาจากทุกทิศทุกทาง
เสียง ติงๆ ตังๆ ดังถี่ยิบ ทั้งสองปะทะกัน ยี่สิบสามสิบครา ทว่ามิมีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ
ทุกผู้คนในที่นั้น ต่างพากันตื่นตะลึง ด้วยไม่คาดคิดว่า เหวินเหม่ยชิงจะสามารถใช้เพลงกระบี่อันเรียบง่ายให้สำแดงอานุภาพได้ถึงเพียงนี้ จนถึงกับต้านทานพลังฝ่ามืออันซับซ้อนของเจ้าสำนักคุนหลุนได้ .. กระทั่งไต้ซือหัวหลินซึ่งชมดูอยู่ด้านข้างยังถึงกับกล่าวว่า
"คำกล่าวที่ว่าคลื่นลูกหลังไล่แซงคลื่นลูกหน้านับว่ามิผิด .. ซือไถ้กล้วยไม้ขาว แม้จะล่วงลับ แต่ถึงกับมีศิษย์อันประเสริฐเช่นนี้ นับว่าเป็นบุญของสำนักหันซานจริงๆ"
เหล่ายอดฝีมือในที่นั้นต่างทราบดี คำกล่าวของเจ้าสำนักเส้าหลิน มิใช่วาจาเกินจริง !!
เดิมทีแล้วในบรรดาเจ้าสำนักของหอห้ากระบี่ทั้งห้า ซือไถ้กล้วยไม้ขาว จัดว่าเป็นผู้มีฝีมืออ่อนด้อยที่สุด ทว่าบัดนี้ เหวินเหม่ยชิง ผู้เป็นเพียงศิษย์ กลับสามารถต่อกรกับตั๋วล่ายสุก เจ้าสำนักคุนหลุน ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือเป็นรองเพียง เตียหงี เจ้าสำนักบู้ตึ๊งผู้ล่วงลับ ได้ ..
นี่ไยมิอาจนับได้ว่า ผู้เป็นศิษย์ กลับมีพลังฝีมือสูงล้ำกว่าผู้เป็นอาจารย์ !!!
กระทั่งผู้ที่ชมดูอยู่ ยังสังเกตได้ ตัวตั๋วลายสุกเองไยจะมิทราบว่า คู่ต่อสู้ของมันในยามนี้ หาใช่ผู้ที่มันจะสามารถประมาทฝีมือได้ไม่ !!
"เอ๊ะ !!! .. หลิวหยงเคอพลันอุทานด้วยความประหลาดใจ
มิเพียงหลิวหยงเคอเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนั้น จื่ออิง ตุลาการเที่ยงธรรม ฮั่นตง และไต้ซือหัวหลินก็พากันจับจ้องมองการต่อสู้ที่กำลังแปรเปลี่ยนไป ..
เนื่องจากบัดนี้ .. ตั๋วล่ายสุกกลับตกเป็นฝ่ายรับมือแต่เพียงฝ่ายเดียว !!!
เหวินเหม่ยชิงพลันเปลี่ยนแปลงแนวทางในการใช้กระบี่ จาก ตั้งรับ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของกระบี่หันซาน กลับใช้ออกด้วยกระบวนท่า รุก เริ่มจากการแทง ฟาด ฟัน ตามติดกันมาอย่างมิลดละ ทั้งรุนแรงและแปลกประหลาดต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ราวกับกระแสน้ำป่าที่เชี่ยวกราก
ตั๋วล่ายสุกรู้สึกราวกับตนเองตกลงไปกลางกระแสน้ำป่าอันรุนแรงและบ้าคลั่งซึ่งจู่โจมต่อเนื่องมาทุกทิศทุกทางจนยากที่จะแข็งขืน เพียงสามารถประคองตัวให้พ้นผ่านไปก็นับว่ายากยิ่งแล้ว ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากที่มันดูแคลนศัตรูนั่นเอง ครั้นจะเปลี่ยนใจมาใช้กระบี่เพลานี้ก็คงมิทันการณ์
จึงได้แต่ฝืนใจใช้เพียงพลังปราณอันลึกล้ำ บรรจุลงฝ่ามือทั้งสองข้างจนแข็งแกร่งปานเหล็กไหลเข้าต้านปะทะกับตัวกระบี่ของเหวินเหม่ยชิงโดยมิสามารถหยิบฉวยอาวุธคู่มือออกมา
ร่างของเจ้าสำนักคุนหลุนแกว่งไกวไปมา บางครั้งหลบซ้ายบางครั้งย้ายมาขวา ทว่าล้วนตกอยู่ภายใต้การชักนำของกระแสกระบี่ของเหวินเม่ยชิงโดยสิ้น กระบวนท่าของหญิงสาวนั้นยิ่งมายิ่งร้ายกาจ แต่ละกระบี่ที่ใช้ออกล้วนรุนแรง รวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังจู่โจมมาจากแง่มุมที่ยากจะต้านรับทั้งสิ้น ถาโถมเข้าใส่จนตั๋วล่ายสุกถึงกับมือไม้ปั่นป่วน
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 46 17:04:29
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 46 10:02:57
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 46 09:30:04
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 01:32:39
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 01:16:56
แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 00:00:55