. . . เปอร์เซโปลิส . . . ( Persepolis) . . . ๒

                                 ผ้าคลุมหน้า


    นี่คือฉันในปี ค.ศ. 1980 เมื่ออายุได้สิบขวบ


    และนี่เป็นภาพทุกคนในชั้นเรียน


    จากซ้ายไปขวา คือ กอลนาซ มาห์ชิด นารีนและมินนา


    ฉันนั่งอยู่ซ้ายสุด ๆ จนคุณไม่มองเห็นฉันในรูป

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ในปี ค.ศ. 1979 เกิดการปฎิวัติ ทีมีชื่อเรียกภายหลังว่า"อิสลามปฏิวัติ"

    แล้วก็ถึงปีค.ศ. 1980 อันเป็นปีที่ประกาศบังคับให้สวมผ้าคลุมหัวไปโรงเรียน


    "ใส่สิจ๊ะ" คุณครูสั่ง


    เราไม่ชอบใส่ผ้าึคลุมหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราิไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใส่


    "ข้างนอกนี่ร้อน!" ใครคนหนึ่งบ่น

    "ตายเสียเถอะในนามของเสรีภาพ" อีกคนร้องเลียนแบบพวกปฏิวัติ

    "เอาผ้าคลุมฉันคืนมา" ใครคนหนึ่งร้องเสียงหลง

    "ก่อก ๆ"

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ก็เพราะก่อนหน้านั้นในปีค.ศ. 1979 เราต่างเรียนในโรงเ๋รียนฝรั่งเ๋ศสที่ไม่เคร่งศาสนา

    ที่ ๆ ซึ่งนักเรียนชายหญิงเรียนร่วมชั้นกัน


    แล้วทันใดในปี ค.ศ. 1980 . . .


    "โรงเ๋รียนสองภาษาต้องถูกปิด
    มันเป็นสัญลักษณของพวกทุนนิยม. . ."



    "ยอดเลย!"


    ". . . ของความเสื่อมทรามทางศีลธรรม"


    "ฉลาดเจง ๆ"




    นี่เองที่เรียกว่า"การปฏิวัติวัฒนธรรม"


    แล้วเราก็พบตัวเองใส่ผ้าึคลุมและถูกแยกจากเพื่อน ๆ ของเรา

    "และนี่นคืออย่างงั้นล่ะ. . ." ฉันว่า

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ทุกหนทุกแห่งบนท้องถนนเต็มไปด้วยพวกเดินขบวนทั้งพวกที่เห็นด้วยและพวกไม่เห็นด้วย


    ผ้าคลุม ! ผ้าคลุม ! ผ้าคลุม !


    เสรีภาพ! เสรีภาพ! เสรีภาพ!




    ที่การชุมนุมประท้วงคราวหนึ่ง ช่างภาพเยอรมันถ่ายภาพของคุณแม่ฉันไป


    ฉันภาคภูมิใจในตัวท่านมาก


    ภาพของท่านได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ยุโรปทุกฉบับ


    และแม้แต่นิตยสารในอิหร่านเอง



    คุณแม่ฉันนั้นกลับหวาดผวาหวั่นกลัว


    "คุณเห็นนี่หรือยังคะ" คุณแม่ถามคุณพ่อ


    "อย่ากังวลไปเลยที่รัก" คุณพ่อปลอบ


    ท่านเลยไปย้อมผมเป็นสีทอ

    และสวมแว่นดำอำพรางเป็นเวลานาน


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับผ้าคลุมหน้า

    ลึก ๆ ลงไปฉันก็เคร่งศาสนา

    แต่ครอบครัวเราค่อนข้างหัวสมัยใหม่และออกจะล้ำยุคเสียด้วยซ้ำไป


    ฉันกำเนิดมาำพร้อมศาสนา


    ตอนอายุสามขวบฉันก็มั่นใจแล้วว่าฉันเป็นผู้พยากรณ์คนสุดท้ายที่ถือกำเนิดมา

    นี่ไม่กี่ปีก่อนหน้าการปฏิวัติเอง


    ก่อนหน้านั้นได้มีผู้ยากรณ์อื่น ๆ อีกสองสามคน


    "หนูเป็นผู้ยากรณ์คนสุดท้าย" ฉันบอ


    "ผู้หญิงนี่นะ?"


    ฉันอยากเป็นผู้พยากรณ์คนสุดท้าย



    เำพราะสาวใช้เรา ไม่มากินอาหารร่วมกับเรา


    เพราะึคุณพ่อมีรถคาดิแล็คขับ


    เหนือสิ่งใด เำพราะว่าคุณย่าฉันมักจะเจ็บเข่า


    "มานี่สิจ๊ะ มาร์จี้ มาช่วยพยุงย่าหน่อย"


    "อย่าห่วงเลยอีกหน่อยหนูจะช่วยไม่ให้ย่าเจ็บป่วยอีก คอยดูสิคะ" ฉันบอกท่าน



    เช่นเดียวกับผู้พยากรณ์คนก่อนหน้าฉันทั้งหลาย

    ฉันมีคัมภัร์ศักดิ์สิทะของตนเอง


    กฏสามข้อแรกมาจากซาราธูสตรา เขาเป็นผู้พยากรณ์คนแร
    ". . . เจ้าต้องยึดหลักสามข้อ
          ประำพฤติดี
          กระทำดี
          พูดจาดี. . ."


    ฉันอยากให้เราฉลองวันหยุดเทศกาลซาราธุสตรากัน
    อย่างพิธีบูชาไฟก่อนวันนอรูส วันปีใหม่ชาวเปอร์เซียน
    ในวันที่ยี่สิบเอ็ดเมษายน วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ



    มีแต่คุณย่าคนเดียวที่ล่วงรู้ถึงคัมภัร์ศักดิ์สิทธิ์ของฉัน


    ". . . กฏข้อที่หก ทุกคนต้องมีรถ

    กฏข้อที่เจ็ด สาวใช้ทุกคนต้องกินอาหารพร้อมกับคนอื่น

    กฏข้อที่แปด คนแก่คนเฒ่าไม่ต้องเจ็บป่วย. . ." ฉันบอกคุณย่า



    "งั้นย่าจะเป็นสาวกของหนูคนแรกเลย"


    "จริงหรือคะ?"


    "แต่บอกอย่าหน่อย หนูจะทำไงไม่ให้คนแก่คนเฒ่าเจ็บป่วย" คุณย่าถามอย่างสงสัย


    "ง่าย ๆ ก็แค่ห้ามเท่านั้นเองค่ะ" ฉันตอบ


    nุกคืน ฉันมีเรื่องใหญ่โตสนทนากับพระเจ้า


    "พระเจ้าขา ให้เวลาหนูอีกนิด หนูยังไม่พร้อมค่ะ"


    "ได้ หนูเป็นแสงสว่างแห่งสรวงสวรรค์ หนูเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของฉัน"

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ยกเว้นคุณย่าแล้วฉันเป็นเำพียงผู้เดียวที่เชื่อมั่นในตัวฉัน


    "หนูอยากเป็นผู้พยากรณ์"ฉันตอบคุณครูไป


    "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ"


    "เธอเำพี้ยนแล้วล่ะ" เพื่อนคนหนึ่งว่า


    คุณพ่อคุณแม่ถูกเรียกตัวมาพบที่โรงเรียน


    "ลูกคุณเป็นตัวก่อกวน เธออยากเป็นนักพยากรณ์ " คุณครูฟ้อง


    "แล้วไงล่ะครับ(คะ)" คุณพ่อคุณแม่ตอบไป


    "นี่คุณไม่เ้ดือดร้อนเลยหรือ"


    "ไม่เลย"


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ก็รู้สึกพิศวงงงงัน


    "ลูกจ๋างั้นบอกพ่อทีว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร."


    'ผู้พยากรณ์ค่ะ' หนูคิดในใจ


    แต่ตอบไปว่า "หนูอยากเป็นอหมอค่ะ"


    "นั่นดีแล้วจ๊ะลูกรักดีมากเลย" คุณแม่ชม

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ฉันรู้สึกละอายใจต่อพระเจ้า


    "หนูอยากเป็นหมอเหรอ"พระเจ้า่ตรัสถา


    "ไม่ ไม่ค่ะ หนูอยากเป็นผู้พยากรณ์ แต่ต้องไม่ให้พวกท่านรู้"


    หนูอยากเป็นตัวแทนความยุติธรรม ความรัก และผุ้ลงทัณฑ์แทนพระเจ้า

    แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 07:00:31

    แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 06:59:33

    แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 46 06:58:43

     
     

    จากคุณ : ส.ค.ศ. ๔๙๑๔ - [ 15 ก.ค. 46 06:56:50 ]