กล่องดนตรี.........(สำหรับคนชอบเรื่องเศร้า).................

    กล่องดนตรีที่แขวนติดอยู่กับผนังเหนือเตียงนอนของฉัน ทำจากพลาสติกสีฟ้าสดเป็นรูปก้อนเมฆ  บนก้อนเมฆนั้นมีพระจันทร์เสี้ยวคลี่ปากยิ้มสีเหลืองนวลกับหมู่ดาวสามดวงที่สามารถเคลื่อนตัวขึ้นลงได้  หากดึงเชือกที่มีปลายโผล่จากด้านในออกมาจนสุด หมีโคอาล่าสีน้ำตาลตัวน้อยที่กอดเกี่ยวอยู่กับจันทร์เสี้ยวนั้นจะขึ้นลงไปด้วยตามจังหวะของดนตรี  คล้ายเด็กน้อยที่โล้ตัวอยู่บนชิงช้ากลางลานสนามหญ้ากว้าง

    ฉันไม่เคยลืมที่มาของกล่องดนตรีซึ่งเป็นของขวัญวันเกิดของฉันชิ้นนี้ แม้วันเวลาจะผ่านเลยและผู้ให้ของขวัญชิ้นนี้จะจากไปถึง 3 ปีเต็มแล้วก็ตาม ฉันไม่เคยลืมฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ดังมาจากด้านในเจ้าก้อนเมฆสีฟ้านั้นก่อนนอนทุกคืน
    .............................................................................................................................................

    เจ้าของกล่องดนตรีเคยมีความหมายต่อจิตใจของฉันมาก เมื่อตอนที่ฉันเป็นเฟรชชี่คณะศิลปกรรมในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง คนที่ฉันสนิทสนมคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัยคือ พี่วิชญ์พี่รหัสของฉัน  เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ที่มีน้ำใจและดูแลน้องใหม่อย่างฉันได้เป็นอย่างดี

    พี่วิชญ์เป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง  ผิวสีเข้ม  ไว้ผมตัดสั้นสกินเฮด เหมือนทรงผมของนักฟุตบอลต่างประเทศหลายๆ คนที่นิยม   เพราะนอกจากพี่วิชญ์จะรักในการวาดรูปและงานศิลปะเช่นเดียวกับฉันแล้ว เขายังชอบกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ  จากความมุ่งมั่นทำให้เขาเป็นหนึ่งในทีมนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย

    ด้วยมิตรภาพที่เรามีต่อกัน ทำให้ฉันซึมซาบเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตของพี่วิชญ์เข้ามาในจิตใจของฉันทีละน้อย

    ครอบครัวของพี่วิชญ์ไม่ได้มีความสุขนัก เขามีบาดแผลจากชีวิตครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่ของเขาแยกทางกัน แม่ของเขาได้สามีใหม่ พี่สาวกับน้องสาวของเขาอยู่ในปกครองของแม่และพ่อใหม่ที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวเขาถูกแม่ตัดสินให้อยู่กับพ่อซึ่งติดเหล้างอมแงม  ด้วยเหตุที่เขาเคยเห็นพ่อของเขาเมามายมาตั้งแต่เล็กจนโต เขาจึงไม่แตะต้องสิ่งเสพย์ติดใดๆ เขาพยายามกำจัดปมด้อยของตัวเองด้วยการเล่นกีฬา  เวลาว่างหลังเลิกเรียนของเขาในแต่ละวันจึงหมดไปกับการเล่นฟุตบอล  เพราะเขาเบื่อที่จะกลับบ้านเร็ว เพื่อพบว่าพ่อของเขาเมาพับหลับอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกกับผู้หญิงแปลกหน้า

    เวลาผ่านไป  เราเริ่มเป็นเงาของกันและกัน หลังเลิกเรียนฉันมักดูพี่วิชญ์ซ้อมบอลที่มหาวิทยาลัยบ่อยๆ ฉันสุขใจที่จะอยู่เคียงข้างเขาจนพลบค่ำ  เมื่อเลิกซ้อมบอลพี่วิชญ์จะมาส่งฉันที่บ้าน  พร้อมกับทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะกับพ่อแม่ของฉันในบางครา  เขามักกระวีกระวาดที่จะเก็บสำรับและช่วยล้างจานก่อนกลับทุกครั้ง  พ่อแม่ของฉันพอใจในความเป็นคนดีมีน้ำใจของพี่วิชญ์และสุขใจที่เราอยู่ในสายตาของท่านและไม่เคยทำอะไรให้เสื่อมเสีย เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่แสนดีพร้อมทั้งเป็น ติวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมของฉันเลยทีเดียว

    ก่อนกลับบ้าน เขามักพูดกับฉันเสมอๆว่า
    “ ขอบใจนะ ดาว ที่ทำให้วันแต่ละวันของพี่มีความสุข ”

    และฉันมักตอบกลับไปว่า
    “ ค่ะ ดาวยินดีที่จะใช้เวลาอยู่กับพี่วิชญ์ให้มากที่สุด เพราะดาวรู้ว่าเมื่อพี่กลับถึงบ้าน พี่จะรู้สึกโดดเดี่ยว ”

                      เขายิ้มเศร้าๆ คล้ายอยากตอกย้ำคำขอบคุณที่กล่าวมาในตอนต้น

    จากคุณ : tidds - [ 18 ก.ค. 46 16:16:22 ]