หอพัก 3 (ผู้มาเยือนยามวิกาล)

    ตอนที่ 1 (วันแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2356397/W2356397.html


    ตอนที่ 2(คืนแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2366829/W2366829.html

    ++++

    หอพัก 3

    เด็กสาวตัวสั่นเทาเหมือนลูกนกต้องลมหนาว เปลวเทียนในมืออาจารย์แม่มดสั่นไหววูบวาบตามแรงลมที่กรรโชกเป็นระยะ แสงเทียนแรเงาใบหน้าสีเหลืองซีดเหมือนศพข้างคืนสร้างเงาเกลี่ยไหวไปมาราวกับองคาพยพบนใบหน้าเป็นชิ้นส่วนของปีศาจร้าย เสียงสายลมกระทบสายลมด้านนอกหอพักหวีดหวิวเหมือนเสียงเปรตร้องโหยหวนขอส่วนบุญ

    “ผี ค่ะ..ผี “

    เด็กสาวพยายามอธิบายทั้งที่รู้สึกว่าแข้งขาอ่อนจนแทบจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น  หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงอึงอลในสมองไม่กล้าหันไปมองทางเตียงเพราะภาพผู้หญิงเลือดท่วมตัวกับเด็กผียังติดตาอยู่อย่างชัดเจนแล้วตอนนี้เหมือนหางตาจะเห็นเงาร้ายเคลื่อนไหววูบวาบอยู่ด้วยซ้ำไป

    “ผีบ้าผีบออะไร”  อาจารย์สยองเน้นเสียงสูงเหมือนจะเย้ยหยัน
    “นี่มันหอพักนะ ไม่ใช่โรงทึมหรือที่เก็บศพในป่าช้า จะได้มีผี เธอคงประสาทหลอนไปเอง แล้วเธอเชื่อเหรอว่าผีมีจริงในโลกนี้”

    “แต่เมื่อครู่.......”   เด็กสาวอึกอัก พยายามจะอธิบายรายละเอียดแต่อาจารย์ผู้น่ากลัวตัดบทขึ้นมาก่อนว่า

    “เธอคงประสาทหลอนไปเองล่ะ หรือว่าเธอไปได้ยินข่าวอะไรมา”

    “ข่าวอะไรคะ”

    อาจารย์แม่มดจ้องหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆว่า

    “ข่าวที่มาห้องนี้มีนักศึกษาคนหนึ่งเคยตกเลือดและตายคาห้องนี้ ตายบนเตียงใดเตียงหนึ่งในห้องนี้ล่ะ”

    หัวใจของเด็กสาวเหมือนตกวูบลงพื้นห้องหมุนคว้าง ผิวหนังชาเห่อด้วยอาการขนพองสยองเกล้า ใจหวิวเหมือนจะเป็นลม นี่เธอเพิ่งจะนอนทับตายที่เตยมีคนตายมาแล้วอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมอาจารย์ต้องจำเพาะเจาะจงให้เธอมาค้างคืนคนเดียวที่ห้องนี้ด้วยนะ แล้วมาบอกมาเล่าอะไรตอนนี้  บ้ากันไปใหญ่แล้ว นี่มันยิ่งกว่าโรงแรมผีสิงเสียอีก

    เธอเคยได้ยินเรื่องเล่าประเภทนี้มากมาย จากเพื่อนฝูง จากวารสาร จากใครต่อใครที่เล่าถึงแขกไปพักห้องที่ไม่ค่อยได้เปิดให้คนเข้าพักเท่าไร แล้วเจอฤทธิ์เดชของภูติผีปีศาจหลอกหลอน ตั้งแต่ศพที่เลือดท่วมคาอ่างอาบน้ำหรือร่างของผู้หญิงผูกคอห้อยลงมาจากพัดลมติดเพดานลอยหมุนคว้างอยู่เหนือแขกซึ่งนอนตาเหลือกบนเตียง แต่ไม่คิดว่าจะมาประสบกับตนเองเลยสักนิดในคืนวิปริตเลวร้ายนี้

    อาจารย์ผู้เต็มไปด้วยความลึกลับข้ามาในห้อง ต่อเทียนเล่มหนึ่งแล้วปักวางบนโต๊ะเล็กๆหัวเตียง แกเดินไปไขบานเกล็ดปิดลงเพื่อกันลมฝน  วางไม้ขีดไฟและเทียนสองสามเล่มลงบนโต๊ะ ท่าทางของแกดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

    “เวลาฝนตกไฟที่นี้มักจะดับ ฉันเลยเอาเทียนมาให้  อ้อ....”

    แกหันมาจ้องมาด้วยแววตาเร้นลับ นิ่งไปพักหนึ่งก่อนพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบอย่างไม่น่าเป็นไปได้เลยว่า

    “ถ้าเธอกลัวมากๆ จะไปนอนในห้องฉันก็ได้นะ อยู่ชั้นที่สามฝากหนึ่งของตึก เดินตรงไปเรื่อยๆพอเจอบันใดให้เลี้ยวซ้ายมือแล้วจะเจอประตูห้อง เคาะเรียกได้ ฉันนอนดึก หรือบางทีไม่นอนเลย”

    ประโยคหลังเด็กสาวรู้สึกขนลุกเกรียวอีกครั้ง มันคืนอะไรกันนี่

    เสียงเทียนสร้างเงาของอาจารย์แม่มดทาบผนังตู้เสื้อผ้า เออ.. อย่างน้อยก็มีเงา คงไม่ใช่ปอบผีสางที่ไหน แต่จะด้วยความกลัวหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้รู้สึกว่าเงาของอาจารย์ดูเคลื่อนไหวผิดแผกแตกต่างจากความน่าจะเป็นเหลือเกิน และเหมือนมีเงาจางๆร่างหนึ่งแยกออกไปยืนนิ่งอยู่ด้านหลังก่อนจะไหวสั่นพร่าหายไปเหมือนเงาในสายน้ำนิ่งถูกโยนก้อนหินลงไปรบกวนแล้ว ประตูเสื้อผ้าเหมือนจะขยับนิดหนึ่งราวกับอะไรบางอย่างถูกขังอยู่ในนั้นและกำลังพยายามดันออกมาข้างนอก

    เด็กสาวขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ ภาวนาว่าขอให้คืนนี้เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น ฝันร้ายที่เหมือนจริงเหลือเกิน อยากจะตื่นจากฝันน่ากลัวนี่เสียทีเพื่อที่จะลุกจากที่นอน เดินไปรับสายลมแสงแดดอรุณรุ่งอย่างมีความสุขกับพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย

    แต่เสียดายเหลือเกิน....นี่คือความจริง และจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้นในคืนนี้ ซึ่งช่างเป็นราตรีกาลที่ยาวนานเหลือเกินราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุดทั้งที่ยังไม่ดึกมากสักเท่าไรเลย

    “ฉันไปล่ะนะ ขอให้นอนอย่างมีความสุข จนรุ่งเช้า”

    เสียงเย็นชาของอาจารย์ผู้น่ากลัวบอก ก่อนค่อยผลักประดูอย่างช้าๆและเดินออกไป

    เด็กสาวคงนั่งอยู่กับพื้น ไม่กล้าลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียง เพราะไม่แน่ใจว่าเตียงไหนคือเตียงที่นักศึกษารุ่นก่อนนอนตาย ไม่อยากนอนทับเตียงเธอตาย ไม่อยากตื่นขึ้นมากลางดึกและพบผู้หญิงซึ่งตายไปแล้วมานั่งคร่อมร่างจ้องมองลงมาอย่างโกรธแค้นเหมือนที่เคยฟังมา

    แต่จะนั่งอยู่กับพื้นแบบนี้ทั้งคืนเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เทียนที่มีอยู่จะจุดสว่างทั้งคืนคงไม่มีทางเป็นไปได้ อาจารย์แม่มดก็ช่างใจร้ายเหลือเกิน แทนที่จะให้เทียนมาทั้งกล่อง  เด็กสาวพยายามตั้งสติ ยกมือพนมท่องนะโมหลายจบ ตอนนี้คาถาอาคมอะไรพอนึกได้ถูกนำมาใช้จนหมด แต่ไม่ว่าคาถาเหล่านั้นจะมีผลจริงหรือไม่ อย่างน้อยก็ทำให้เธอใจชื้นขึ้นบ้าง

    เปลวไฟสั่นไหวอย่างน่าแปลกใจครู่หนึ่งเหมือนโดนลมพัดทั้งที่บาดเกล็ดก็ปิดหมดแล้ว และมีลมเย็นวูบหนึ่งโชยมาจนเย็นวาบไปทั่วไขสันหลัง  เป็นลมเย็นที่มีกลิ่นสาบสางเหมือนพัดผ่านมาจากหลุมฝังศพว่างเปล่า พัดมาจากสุสานอันเยือกเย็น แล้วความเย็นยะเยือกนั้นค่อยไต่ขึ้นมาตามไหล่ แผ่ซ่านมาตามซอกคอและแก้มจนขนลุกเป็นครั้งที่เท่าไรก็นับไม่ได้แล้ว ตอนนี้รู้สึกว่ามีเงาของภูตผีปีศาจวูบวาบอยู่เต็มไปหมด ทั้งผนังห้อง บนเพดาน ใต้เตียง รวมทั้งในตู้เสื้อผ้าที่เหมือนจะส่งเสียงดังแปลกๆขึ้นมาบางครั้งบางคราว

    เสียงเหมือนใครคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่

    เปลวเทียนสะบัดเปลวเหมือนใครบางคนซึ่งมองไม่เห็นตัวกำลังก้มตัวลงเป่าแล้วหันมามอง หูเหมือนได้ยินเสียงฟู่..ของการเป่าลมออกจากปากเสียด้วยซ้ำ

    โอ้ย....คุณพระคุณเจ้า เด็กสาวร้องในใจ พยายามตั้งสติสุดชีวิต กลัวว่าจะเสียสติไปเสียก่อนด้วยความหวาดกลัวเธอหดตัวติดแนบชิดประตูกอดเข่าด้วยท่าทางคนหวาดกลัวขนาดหนัก จ้องมองดูเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งปรากฏต่อจักษุราวโดนสะกดวิญญาณและไม่มีทางเลือก

    ไม่..มันก็แค่ลมธรรมดา ลมจากที่ไหนสักแห่งมาพัดเปลวเทียนเท่านั้น ผีไม่มีในโลก เราเรียนมาจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ยังจะมากลัวผีซึ่งไม่มีตัวตน ใครรู้คงหัวเราะเยาะ

    อะไรบางอย่างวูบวาบอยู่ข้างผนัง เด็กสาวหันขวับไปมองโดยไม่รู้ตัว มันเป็นแค่กระจกบานนั้นเอง ไม่มีอะไร เปลวเทียนสั่นไหวคงทำให้เกิดเงาสะท้อนมาจากกระจก


    แต่แล้วเธอต้องตัวเย็นวาบ

    จากกระจกเงาซึ่งติดอยู่กับผนัง บนนี้มันปรากฏบางส่วนของใบหน้าผู้หนึ่ง กำลังกรอกตาชำเลืองมองออกมา เหมือนกระจกบานนั้นเป็นช่องเล็กๆช่องหนึ่งแล้วมีใครบางคนกำลังจ้องมองผ่านช่องนั้นมาอย่างไรอย่างนั้น ปอยผมบางส่วนหลุดห้อยยื่นออกมาทาบผนัง ระริกไหวแล้วหลบวูบหายไปราวภาพมายา

    เสียงร้องติดอยู่ในลำคอ กลัวจนร้องไม่ออกแล้ว พ่อเอ๋ยแม่เอ่ย

    ไม่..มันเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น เธอพยายามคิด มันเป็นอาการของคนซึ่งอยู่ในที่มืดโดดเดี่ยวแล้วตาฝาดไปเท่านั้น จิตวิทยาก็เรียนมาแล้ว และมันต้องเป็นเช่นนั้น และเราต้องเชื่อด้วย ไม่อย่างนั้นมีหวังบ้าตายแน่ๆ

    แล้วจู่ๆเหมือนจะท้าทายความคิด บนเตียงทางซ้ายมือพลันมีร่างของผู้หญิงชุดขาวผมยาวปรกประระหน้าและเปื้อนไปด้วยเลือดลุกพรวดพราดแบบกะทันหันขึ้นมาจากความว่างเปล่าของผ้าปูเตียงแบบไม่ให้ตั้งตัว  ก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งเหมือนมึนงง ก่อนค่อยเงยหน้าขึ้นมามอง มือขาวซีดไม่ผิดกับมือซากศพค่อยปัดผมยาวข้ามไหล่ไปด้านหลัง

    ใบหน้านั้นจึงชัดเจนเหลือเกิน ชัดเจนอย่างไม่น่าเป็นไปได้

    เป็นใบหน้าซีดขาวเย็นชา ..ดูเหมือนว่าเป้นคนที่เธอเห็นทางหน้าต่างนั่นเอง

    ตอนนี้ถ้าเป็นลมได้ดั่งใจเด็กสาวเป็นลมไปแล้ว แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างตอกตรึงร่างลงบนพื้นเย็นเฉียบ กอดรัดไว้ด้วยอ้อมแขนอันเย็นยะเยียบ สะกดให้ดูภาพนั้นต่อไป

    ร่างของหญิงสาวค่อยหันมามอง นัยน์ตาของเธอเลื่อนลอยเหลือเกินในขณะที่เลือดสีเข้มไหลทะลักออกมาจากหว่างขาราวทำนบแตกมือข้างหนึ่งยื่นตรงออกมาเหมือนจะไขว่คว้าตรงมา แต่มีพลังอำนาจอะไรบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้  ริมฝีปากขยับไปมาเหมือนกำลังจะพยายามบอกอะไรบางอย่างหากปราศจากเสียง

    ดาวสีต่างๆแตกกระจายเต็มหน้า เนิ่นนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ เธอจะไม่ลืมภาพนี้อีกเลยตลอดชีวิต ตัวชาดิกเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างจนทำให้ประสาททั้งหลายทั้งมวลชาค้างเป็นอำมพาตไปชั่วขณะ เพื่อให้รับอรรถรสเต็มตากับภาพที่เห็น

    ร่างผู้หญิงคนนั้นดิ้นรนไปมาเหมือนพยายามหนีให้พ้นจากการเกาะกุมของมือซึ่งมองไม่เห็น ใบหน้าเธอสะบัดจนผมกระจายนัยน์ตาเหลือกกลับขึ้นด้านบนเห็นแต่ตาขาว  เสียงตึ่กๆ เหมือนเสียงหัวใจขนาดใหญ่กำลังเต้นอยู่ที่ใดที่หนึ่งของหอพัก ซึ่งเคยได้ยิน ตอนนี้กลับมาดังอีกครั้ง และรู้สึกว่าตึกทั้งตึกกำลังสั่นไหวไปกับเสียงอุบาทว์นั่น

    แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 46 19:25:42

    จากคุณ : Psycho man - [ 18 ก.ค. 46 19:21:11 ]