- เ รื อ น จำ - [ ตอนที่ 3 ]

             ชักลำบากใจแล้วสิ  กลัวตอนใหม่ที่จะลงไปนี้จะทำให้คุณเบื่อ  ความจริงผมเตรียม เรื่องของเรือนนอนไว้แล้ว  แต่มานึกอีกที-เก็บไว้ลงคราวหน้าดีกว่า  เพราะถ้ามาว่ากันถึงเรือนนอน  โรงเลี้ยง ว่ากันแต่ละเรื่องไปเรื่อย อย่างที่อยากจะลง  เดี๋ยวคุณจะงงอีก    วันนี้มาว่ากันถึงเรื่องภูมิสถาปัตย์กันก่อนดีกว่า  ว่าในคุกนั้นมีอะไรบ้าง  เอาคุกที่ผมอยู่นี้มาเป็นบรรทัดฐานนะครับ  เพราะแต่ละแห่งนั้นก็ไม่น่าจะต่างกันมากนัก
             คงจำกันได้  ตอนที่เข้ามาคุณต้องผ่านประตู 1  ประตู 2  และประตู 3 ก่อน   แล้วถึงจะอยู่ในกำแพงจริงๆ    ตอนอยู่นอกกำแพงนั้นคุณอาจจะคิดว่าแคบมาก  วิ่งรอบกำแพงสัก 10 รอบได้สบายๆ   แต่พอเข้ามาภายในแล้วจะรู้ว่า  โหย . . . มันดูกว้างกว่าตอนดูจากข้างนอกมากเลย  
             คุกทุกแห่งสร้างเหมือนๆกัน  เหนือประตูทั้ง 3 นั้น  จะเป็นตัวอาคารสำนักงาน   ผู้ที่มีหน้าที่บริหารเขาจะทำงานกันอยู่ตรงนั้น   เมื่อผ่านประตู 3 เข้าไป   จะเป็นสำนักงานของผู้มีหน้าที่ควบคุม   จุดนี้ละที่เป็นศูนย์รวม  อะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณที่พูดมาในตอนก่อน จะทำกันที่ตรงนี้  แต่วันนี้จะไม่ขอพูดถึงนะครับ   สิ่งที่จะพูดถึงคือเรื่องถัดจากนั้น  ที่เกี่ยวกับนักโทษโดยตรง
             ถัดจากที่ทำการควบคุมไป   หากเป็นเรือนจำใหญ่  เรือนจำความมั่นคงสูง   คุณอาจจะต้องเห็นกำแพงปูนสีขาวต่อไป  เพราะเขาจะแบ่งเป็น แดน 1 แดน 2 ไปจนครบ  แต่เรือนจำที่ผมอยู่นี้  เป็นเรือนจำเล็ก   เมื่อเข้าไปภายในแล้ว  คุณจะเห็นหมดเลย  รอบด้านคือกำแพง    แล้วเรือนนอน  โรงเรียน  โรงครัว  โรงงานฝึกวิชาชีพ  แดนพยาบาล   และแดนขังหญิง  รวมอยู่ในนั้น   โดยแยกเป็นแดนๆ เหมือนกัน  แต่แยกกันด้วยเหล็กตาข่าย  ทำให้โปร่ง  รู้สึกว่าเป็นแดนเดียวกัน  ยกเว้นแดนขังหญิงที่เป็นกำแพงทึบ
             นึกภาพให้เป็นแผนที่นะครับ  ให้ดูคร่าวๆ  จะได้มองออกบ้างว่าผมอยู่กันอย่างไร  เดินผ่านประตูมา(ทางเข้า-ทางออก ก็เป็นประตูเดียวนี้ละครับ  ที่รู้มามีแค่เรือนจำเดียวในไทยที่มีประตูหลังด้วย)  ก็จะถึงที่ทำการควบคุม  ยืนที่จุดนั้น  ด้านหน้าจะเป็นสนามขนาดประมาณ สนามบาสเกตบอล 2 สนาม   ใช้ตอนเข้าแถวนับยอด    เลยสนามไปข้างหน้าจะเป็นโรงเรียน  ซึ่งก็เหมือนโรงเรียนทั่วไป  เพียงแต่ใช้หลักสูตร ก.ศ.น. ในการเรียน  มีร้านค้าขายของตั้งอยู่ข้างสนามนั้น
             หันไปด้านหนึ่ง  จะเป็นโรงงาน  มีทั้งช่างไม้   ช่างโลหะ  และรับจ้างถักอวน  ใช้ฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง  และโรงครัว  ใช้ทำอาหารเลี้ยงผู้ต้องขังทั้งหมด
             หันไปอีกด้านบ้าง  จะเป็นเรือนนอน  และบ่อน้ำ   ส่วนแดนพยาบาล  และแดนขังหญิงนั้นอยู่ด้านข้างใกล้ๆ ที่ทำการควบคุม
    พอจะนึกภาพออกไหมครับ  ทั้งหมดนั้นอยู่ในพื้นที่สัก 15 ไร่ได้มั้ง   ผมจะเล่าเรื่องของสถานที่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก่อน   เล่าไปเรื่อยๆ  จนจบ  แล้วค่อยมาว่ากันถึงเรื่องของโจร  และคดี  รวมทั้งเรื่องอื่นที่สำคัญๆ หรือที่คุณอยากรู้

             มาเริ่มกันที่ “เรือนนอน” นะครับ
             "เรือนนอน" ของเรือนจำ    ที่ผมอยู่นี้ มี 4 หลัง สร้างแบบ 2 ชั้น  รูปแบบก็เหมือนอาคารเรียนโดยทั่วไป  แบ่งซอยเป็นห้องๆ   คำนวณคร่าว ๆ แล้วมีพื้นที่ ราว 210 ตารางเมตร  นอนกัน 750 คน   ก็พอนอนได้       แม้เมื่อทุกคนในห้องจะนอนกันหมด ก็ยังพอมีที่ว่างให้เดิน  ในอดีตนั้นที่นี่นอนกัน 1400  คน  ฉะนั้นอย่าแปลกใจ หากใครบอกว่าที่เรือนจำหลายแห่งเขานอนตะแคงกัน เพราะพื้นที่คับแคบจริงๆ  ไม่พอ ที่จะนอนเต็มหลัง    ยอดผู้ต้องขังที่นี่เพิ่งจะลดลงเมื่อครั้งได้รับพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2541  ครั้งนั้นพ้นโทษกันไปหลายคน  แม้บางคนไม่ได้พ้นไปในทันที  ก็ได้รับการลดโทษ ส่งผลให้ได้รับการปล่อยตัวไปเดือนละหลายคนในภายหลัง   คือปกติแล้วเรือนจำจะรับตัววันละ 2 คน  และปล่อยพ้นโทษ วันละคนโดยเฉลี่ย    แต่หลังจากอภัยโทษครั้งนั้นปล่อยตัวไปราวเดือนละ 50 คน    แต่ไม่ต้องกลัวว่าโจรจะเต็มบ้านนะครับ  เพราะไม่นานถัดมาคนเหล่านั้นที่ยังปรับตัวเข้าสังคมไม่ได้  ก็จะไปสุมหัวก่อเรื่องสักครั้ง 2 ครั้งแล้วก็ถูกจับมาใหม่อีก   ก็คุกไม่ได้มีไว้ขังหมาใช่ไหม  ร้อยละ 50 ที่เป็นโจรโดย:-)ก็จะกลับมาให้ขังอีกจนได้   และร้อยละ 2 ที่ชอบเดินแกว่งเท้า  เพราะคิดว่าตัวเองเป็นนักเลงใหญ่ก็มักจะตายในวงเหล้า   - ข่าวแบบนี้มาเร็วครับ  ตายไปไม่กี่วัน ก็แพร่กันไปทั้งคุก    แต่โจรไม่กลัวหรอกครับการตายแบบนี้  ที่ตายโดยอุบัติเหตุรถชน โดยมียาบ้าในกระเป๋ากางเกง  ดูท่าจะพูดถึงกันนานกว่า
             มาว่ากันถึงเรือนนอนที่นี่ต่อดีกว่า   เรือนนอนที่นี่นั้นเขาสร้างอย่างดีครับ  ช่วง 2541 - 2542  เขามีการต่อเติม   เห็นวิธีการสร้างแล้ว  หมดสิทธิ์พังออกมาแน่  ถ้าคิดว่าจะซ่อนใบเลื่อยเข้าไป  แล้วแอบตัดวันละนิดนั้น   คงครบกำหนดพ้นโทษไปโทษเสียก่อน ที่จะลอดตัวออกมาได้   ฝาห้องนั้นเขาใช้เหล็กมาเชื่อมเป็นตารางอย่างแน่นหนา แล้วเทปูนขึ้นไปประมาณสะเอว  ครึ่งบนก็ใช้มุ้งลวด ติดไว้กับตะแกรงเหล็กอีกที ป้องกันยุงกัด  - (ออกนอกเรื่อง?…)  เปล่าออกนอกเรื่องครับ  ที่พูดถึงมุ้งลวดเพราะอยากจะบอกว่า  ที่นี่นั้นเปลี่ยนมุ้งลวดที อยู่ในสภาพดีได้ไม่ถึงเดือน  ก็พรุนไปรอบห้อง   ต้องมาปะกันอีก  ปะแล้วเปลี่ยน เปลี่ยนแล้วปะ  ทำไมหรือครับ  ก็สิ่งของต้องห้ามไง  โดยก่อนเก็บขังเข้าห้องในตอนเย็นนั้น  เขาจะทำการค้นตัวห้ามนำสิ่งของต้องห้ามเข้าไป  แต่โจรนี่ครับ สิ่งไหนผิดสิ่งนั้นละที่โจรจะทำ   เคยบอกไหมครับว่าที่นี่ เขาห้ามสูบบุหรี่ในห้องนอน เพราะกลัวจะเกิดไฟไหม้  แต่เมื่อเขาห้ามก็ต้องหาทางนำเข้าไป  ติดตัวเข้าไปไม่ได้ก็กรีดมุ้งลวดเสียเลย    สิ่งของอย่างอื่นที่มักจะมีเข้าไปนั้น ก็เช่นว่าพวกที่อยู่ตามโรงงาน มีเหล็กแหลมที่แอบทำเป็นอาวุธ หรือขโมยทินเนอร์ออกมาได้  ก็พามาซุกไว้ในเรือนนอน  อะไรทำนองนี้    

             เฮ้อ… หนักใจ   ไหนว่าทุกคนอยากเป็นคนดี   แต่ทำไมถึงทำแต่สิ่งไม่ดี  จะต้องให้โอกาสกันอีกกี่หนกัน . .  .

             เรือนนอนนั้นเขาซอยเป็นห้องเล็กๆ  มีทั้งห้องที่นอนได้เป็นร้อยคน  ไว้ขังพวกที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินคดี  มีทั้งห้องที่นอนคนเดียว  ไว้สำหรับพวกที่ชอบสร้างปัญหาในเรือนจำหรือพวกที่สมควรจะต้องขังเดี่ยว   แต่ส่วนใหญ่แล้ว แต่ละห้องจะนอนกัน 40 - 60 คน   โดยการแบ่งห้องนั้นใช้เพื่อการขังคนแต่ละจำพวกแยกจากกัน  เช่นว่าห้องคนชรา  ห้องเด็ก  ห้องวัยหนุ่ม  ห้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์  ห้องคดียาเสพติด  ห้องโทษสูง   อะไรทำนองนี้   คุณว่าเขาจัดไว้ดีไหมครับ  "ดี (ตอบเองเลย) "   แต่ที่ดีนั่นละมีปัญหา    อย่างวัยหนุ่มอยู่ด้วยกันนี่คิดดูสิ  พื้นฐานแล้วคนคุกมักจะนักเลงมาจากข้างนอก  เมื่อนักเลงมาเจอนักเลง  การกระทบกระทั่งกันมันก็บ่อย  แต่ทุกห้องก็มีปัญหาครับ  อย่างห้องคนชราก็มีปัญหา  ที่นี่มีคนอายุ ราว 60 ปี ประมาณ 10 คน   โหย ..  แต่ละคนล้วนดื้อกว่าเด็กอีก  หอบกระเป๋าใบใหญ่ ติดตัวตลอด  เข้าห้องทีค้นกันเป็นชั่วโมง  นอกจากเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นแล้ว(เขามีล็อกเกอร์ให้เก็บของไว้แล้ว)  ยังมีอาหาร  น้ำดื่มส่วนตัว  แล้วบางคนยังรับจ้างขนบุหรี่ -ไฟแช็กเข้าห้องอีก  เพราะรู้ว่าคนแก่นั้นทำผิดกฏเล็กน้อย เขาก็มักจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
             มาว่ากันถึงห้องเล็กสำหรับไว้นอนคนเดียวอีกนิดนึง  ห้องเล็กนี่จะขังพวกที่ชอบก่อเรื่อง  โดยจะขังไว้ทั้งวันทั้งคืน  ไม่ได้ลงมาเข้ากองงานในตอนกลางวันเหมือนคนอื่น  คงจะแทนห้องขังเดี่ยวแบบในอดีต  แต่ดีกว่าตรงที่ในอดีตที่ฟังมานั้น ใครถูกขังเดี่ยวก็จะไม่ได้เห็นเดือน เห็นตะวันกัน  แต่ห้องขังเดี่ยวในปัจจุบันนั้น น่าอยู่  เพราะเหมือนห้องนอนอื่นๆ  เพียงแต่คับแคบ  แต่ก็ได้อยู่เป็นส่วนตัว   บางคนนั้น ขอพัศดี เพื่อที่จะได้อยู่ห้องขังเดี่ยวเพื่อหนีหนี้  พัศดีก็ต้องให้อยู่ เพราะถ้าอยู่รวมกับคนอื่นก็อาจถูกรุมตีหัว  เป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ แล้วต้องลำบากกับพัศดีอีก  

             มาแทรกเรื่องหนี้กันสักนิด  ในเมื่อบ้านไม่ต้องเช่า  ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ  แล้วจะสร้างหนี้กันทำไมอีก    อย่างอื่นสิครับ  ซื้อกาแฟ  ซื้อบุหรี่  หรือบางทีซื้อน้ำร้อน  คือน้ำร้อน ที่นี่ เขาต้มไว้บริการครั้งละ 2 ถัง  ดูแล้วไม่น่าจะเกิน  50 ลิตร    ลองคิดดู ช่วง 06.30 ที่ลงมาเข้าแถวนับยอด  กินข้าวเช้า  จน 08.00  ที่จะเข้าแถวอีกครั้งเพื่อแยกย้ายเข้ากองงาน  ช่วงเวลานั้นสั้นนิดเดียว  บางทีคนที่มาต่อคิวรับน้ำร้อนยังไม่หมดแถว  ก็ต้องเติมน้ำต้มใหม่กว่าน้ำจะเดือดอีกที คนที่มาต่อคิวท้าย ๆ  ก็อดกินกัน  บางคนที่อยากกินกาแฟอย่างห้ามไม่ได้  ก็ต้องใช้วิธีซื้อต่อจากคนอื่น  แต่ซื้อของกินของใช้  พวกเสื้อกางเกง(ไว้ใส่วันพ้นโทษ) หรือผ้าห่ม(ไว้เย็บเป็นที่นอน) นั้นไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ  ที่มีปัญหานั้นคือหนี้จากการพนัน
             เงินสดเป็นสิ่งผิดในที่นี้  แล้วคุณเอามาใช้ได้อย่างไร ?    ไม่ได้ครับ  แม้จะมีเงินสดลักลอบเข้ามาใช้ซื้อขายในสิ่งที่ต้องใช้เงินสดซื้อเช่นว่ายาเสพติด   เอ๊ะ-แล้วยาเสพติดเข้าคุกมาได้ยังไงอีก  อันนี้เก็บไว้เล่าในตอนของมันดีกว่า  มาว่ากันเรื่องหนี้พนันอีกนิดหนึ่ง  เขาใช้กาแฟ  หรือบุหรี่มาใช้แทนเงินสดครับ  ว่ากันเป็น 10 ซอง  20 ซอง   ส่วนเรื่องที่นำมาพนันนั้นก็ได้หมดละครับ  ที่กลายเป็นวัฒนธรรมของที่นี่ไปแล้ว คือ คนเข้าใหม่ในวันนี้  จะเป็นจำนวนคู่ หรือคี่   บ่าย 5 โมง วันนี้ฝนจะตกหรือไม่ตก  ถ้าเลยเวลาแล้วฝนยังไม่ย้อย ก็ชั่วโมงถัดไปอีกเรื่อยๆ  แล้วย้อยไม่ย้อยวัดกันตรงไหน  ก็นัดกันสิครับ เลือกจุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองเห็นชัดเจน  เช่นว่าหลังคาเรือนนอน     เมื่อถึงเวลาเป๊ะแล้ว หากฝนตกแต่ที่ชายคาที่ว่าหยดน้ำยังไม่ย้อยลงมา  ฝ่ายที่ว่าฝนไม่ตกก็กินไป   แต่ยุคใหม่นี้  เขาฮิตกีฬากัน  ก็เล่นพนันบอล  ต่อเงิน  ต่อลูก  ครึ่งควบลูก โอ้ย . . . มีวิธีให้ได้เป็นหนี้กันเยอะแยะ   แล้วรุ่งขึ้นก็หามาจ่ายละครับ  ถ้าไม่มีจ่ายก็เสียดอกรายวันเพิ่มกันไปเรื่อย ๆ  ทบเป็นร้อย  สองร้อยซอง  นั่นละที่เป็นปัญหาปากแตกตาบวมกันไป  เพราะญาติมาเยี่ยมแล้ว  ฝากตังค์ไว้ไม่พอจ่ายหนี้  ก็ส่อแนวโน้มหนี้สูญ  ผีพนันนี่กลัวครับถ้าจะต้องตกอยู่ในสภาพนั้น  ไม่ใช่กลัวถูกเตะ  แต่กลัวที่จะไปพนันกับใครไม่ได้อีก  ก็อดถอนทุนคืน
             แล้วเขาดูบอลกันยังไง ? …    

    < ขออนุญาตแยกเป็น 2 หน้าครับ  -  เชิญติดตามต่อ ด้านล่าง >
           

    จากคุณ : Old Man Jailer - [ 20 ก.ค. 46 09:05:53 ]