ลมทะเล...เมื่อโลกนี้มีบางสิ่งสำคัญกว่าความรัก(Part1)

    ลมทะเล      “หทัยชนชื่น”

    อาจเพราะความเครียด   อาจเป็นเพราะความหงุดหงิด   อาจเป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ   อาจเป็นเพราะเอกสารหย่าที่ทนายของธาดานำมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อวาน   อาจเพราะอะไรหลายๆอย่างที่ร่ำร้องและเก็บกดอยู่ภายในใจกำลังจะระเบิดออกมา   ทำให้เท้าของพิเชษฐ์เดินมาหยุดที่นี่……….. สถานีขนส่งหมอชิต

     มองหลายๆอย่างรอบข้างอย่างเงอะงะ   ช่องจำหน่ายตั๋วภาคอิสานอยู่ชั้นสอง   ภาคเหนือและภาคตะวันออกอยู่ชั้นล่าง   ลังเลอยู่ว่าจะไปไหนดีเพียงครู่เดียวก็สะพายเป้ไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วเล็กๆช่องหนึ่ง “ไปพัทยาครับ   รอบสิบโมง”
     เงินหนึ่งร้อยบาท   ตั๋วหนึ่งใบ

    เขาไม่เคยนั่งรถบัสมากว่ายี่สิบปีแล้ว   ยังพอจำได้ลางๆถึงวันที่นั่งรถบัสของโรงเรียนไปทัศนศึกษาวัดพระแก้วตอนที่ยังเรียนชั้นมัธยมได้บ้าง   วันนั้นรถติด  รถบัสคันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว   มีเพียงพัดลมกับช่องหน้าต่างเล็กๆสำหรับเด็กนักเรียนหลายสิบคนที่เบียดเสียดกันอยู่บนนั้น   แต่ก็บรรเทาลงเมื่อเด็กหัวโจกคนหนึ่งเริ่มร้องเพลงฮิตจากท้ายรถเสียงดัง   เพื่อนๆเริ่มร้องคลอตามเป็นเสียงเดียวกันทั่วทั้งคัน   เสียงเพลง  เสียงหัวเราะ  เขาไม่เคยลืมภาพในวันนั้นเลยตราบใดที่ยังจดจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เขารู้จักคำว่ามิตรภาพ
    รถบัสสายกรุงเทพฯ – ชลบุรีมีแอร์เย็นสบาย   แต่เขาไม่มีใครนั่งเป็นเพื่อน
     เขาไม่มีเพื่อนมานานแล้ว……….

    ยี่สิบสามปีหลังจบมหาวิทยาลัยจากออสเตรเลีย   พิเชษฐ์ถูกจองตัวโดยบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ในตำแหน่งวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์   รายได้ดีอย่างคาดไม่ถึง  และยิ่งดีกว่านั้นถ้ามาทำงานในวันหยุด  งานสนุกเพราะไม่ต้องทำร่วมกับใคร  หน้าที่เพียงแต่ขับรถตระเวณไปตามสถานีสัญญาณโทรศัพท์มือถือตำบลต่างๆเพื่อทดสอบระบบสัญญาณ   ทุกวันมีแต่พวงมาลัยและเครื่องส่งสัญญาณมีสายไฟระโยงระยางอยู่ตรงหน้า   สิบปีแรกของชีวิตการทำงานผ่านไปโดยเกือบไม่มีวันหยุดเลย   แน่นอน…….ไม่มีเพื่อน

    อายุสามสิบสี่  เขาพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง   ธาดา……..เธอร่าเริง   ช่างพูด   ช่างเอาใจ   เขาพบกับเธอในร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดในวันที่ฝนตกและโต๊ะเต็ม   เธอถือถาดอาหารถามหาที่ว่างจากโต๊ะมุมในสุดของเขา   เขาไม่ได้ปฏิเสธ   เธอยิ้ม  นั่งลงทานอาหารและชวนเขาคุย   ทุกอย่างเป็นไปเหมือนสายน้ำ   สองปีหลังจากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
    แต่ชีวิตแต่งงานก็ไม่ได้สวยงาม   ครอบครัวกำลังสร้างตัว   พิเชษฐ์ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีก   ธาดานอนคนเดียวอาทิตย์ละเจ็ดวัน   สิ่งเดียวที่เธอรู้ว่าเขายังมีตัวตนอยู่คือเงินที่โอนเข้าบัญชีเธอจากเขาทุกเดือนและร่างยับยู่ยี่ของพิเชษฐ์ที่หลับสนิทบนโซฟาในบ้านที่เธอเห็นเป็นบางวันก่อนที่จะตื่นและแต่งตัวผลุนผลันออกไปอีกในช่วงบ่าย
    ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ไม่มีการชักชวนเต้นรำ  ไม่มีการฮันนีมูน
      มีแต่จดหมายจากสำนักงานกฎหมายเรื่องที่เธอขอหย่าและแบ่งทรัพย์สินกับเขาในเช้าวันหนึ่ง!
    “คุณเป็นอะไรไป   ผมให้เงินคุณน้อยไปหรือ” เขาถามเธอเหมือนคนเสียสติ
     “ฉันไม่เคยต้องการเงิน  ฉันต้องการชีวิตคู่”
    แล้วธาดาก็ขนของออกจากบ้านไป

    พิเชษฐ์นั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม   รู้สึกช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น   จดหมายจากทนายยังวางอยู่บนโต๊ะ   เขาตัดสินใจส่งอีเมล์ลาพักร้อนยาวหนึ่งสัปดาห์เป็นครั้งแรกตามคำแนะนำแกมบังคับของหัวหน้าเพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนบ้าง   ชายหนุ่มใจลอยเดินสะพายเป้เสื้อผ้าออกจากบ้าน   โบกเรียกแท็กซี่ออกถนนใหญ่   สับสนว่าจะไปไหน   โชเฟอร์พามาที่หมอชิต   เขาเลือกไปพัทยา   ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากเป็นสถานที่แรกที่เขานึกออกในเวลานั้น
    ที่นั่งข้างๆเขาฝั่งติดทางเดินถูกจับจองด้วยหญิงสาวท่าทางปราดเปรียวคนหนึ่ง   เขาไม่ได้สนใจเธอ  เธอไม่ได้สนใจเขา   รถยังแล่นไปเรื่อยๆจนถึงลาดกระบัง
    “ขอโทษนะคะ   พอจะรู้จักโรงแรมทรอปิคัลบีชที่เกาะล้านไหมคะ”
      พิเชษฐ์หันไปมองหน้าหญิงสาวคนนั้นงงๆ   ในใจนึกสงสัยว่าคนแปลกหน้าสมัยนี้ส่วนใหญ่มักจะเปิดฉากบทสนทนากันแบบนี้หรือเปล่า   เขาไม่ตอบอะไรนอกจากส่ายหัว   หญิงสาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
    “นึกว่าคุณรู้จัก   พอดีจะไปที่นั่นแต่ไม่รู้ทาง   ไม่รู้จะถามใครดี” หล่อนยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียว   พิเชษฐ์ได้แต่มองหล่อนไม่พูดอะไร   เขาไม่คุยกับคนแปลกหน้า
    “มีอะไรหรือเปล่าคะ” หล่อนถามเมื่อเห็นเขาไม่พูดด้วยแต่จ้องเงียบๆอยู่นาน
     “เปล่า” ดอกพิกุลร่วงจากปากชายหนุ่ม “ไม่มีอะไรนี่”
    “อยากไปโรงแรมที่นั่น  ไม่รู้ทางไปเลย  ดูในแผนที่ก็ไม่มี” หล่อนชวนคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     “รู้จักโรงแรมแต่ไม่รู้ทางไปเนี่ยนะ”
    “ก็เห็นเพื่อนที่เคยไปเขาบอกว่าดี   รู้แต่ว่าอยู่บนเกาะล้านเท่านั้นเอง   ว่าจะลองคลำๆทางไปเองดูน่ะค่ะ   แล้วคุณบ้านอยู่พัทยาหรือคะ   หรือว่ามาเที่ยว”
    พิเชษฐ์กำลังนึกถึงธาดา   หญิงสาวคนนี้ช่างคุยช่างพูดเหมือนธาดา
      “มาเที่ยว….   ยังไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนเหมือนกัน   ไม่มีแผนอะไรเลย”
    เวลานี้ธาดาจะยังคิดถึงเขาอยู่ไหม…..

               ……………………………………………………….

    ลมทะเลพัดเอาไอเค็มจางมาปะทะจมูกหวีดหวิว   แดดจัดจ้าสะท้อนผิวทรายชายหาดสว่างระยิบเหมือนมีแสงในตัว   เกลียวคลื่นม้วนเข้ากระทบฝั่งแตกเป็นฟองขาว   โขดหินเรียงรายตามมุมชายหาดเหมาะเจาะเหมือนมีสถาปนิกมาตกแต่งไว้   พิเชษฐ์สะพายเป้เดินตามหลังหญิงสาวแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักไปตามแนวชายหาดของเกาะล้าน   เขาทั้งสองเหมือนกันตรงที่มาที่นี่โดยไม่มีการเตรียมตัว  ไม่รู้จักถนนหนทาง  ทุกอย่างอาศัยหยุดถามจากคนข้างทาง   พิเชษฐ์ไม่คุ้นชินกับวิธีนี้เท่าไหร่   ตรงข้ามกับหญิงสาวที่ทำทุกอย่างได้ทะมัดทะแมงเป็นอย่างดี   เธอเล่าว่าเคยเที่ยวตัวคนเดียวแบบเป้ใบแผนที่ใบมาหลายที่แล้ว  เวียงจันทร์  แม่สาย  เบตง  สังขละบุรี     ส่วนพัทยาถึงแม้จะไม่เคยมามาก่อนแต่ก็ถือเป็นบททดสอบที่ง่ายเหมือนปิดตาเดินสำหรับเธอ   พิเชษฐ์ตัดสินใจขอให้เธอช่วยนำทางหาที่พักเงียบๆให้สักสามวัน     หล่อนจึงชวนเขาข้ามมาที่เกาะนี้และถามหาทางไปโรงแรมทรอปิคัล บีช ไปเรื่อยๆ   ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงแรมไม้สองชั้นเล็กๆไม่ห่างจากทะเลมากนัก   เจ้าของโรงแรมเป็นชายอ้วนอัธยาศัยดีพาไปเปิดห้องพักติดกันให้  
    พิเชษฐ์รู้สึกพอใจห้องและบรรยากาศอันน่าสบาย   ตลอดทั้งวันนั้นเขาเอาแต่นั่งมองทะเล   บางครั้งก็ลงไปเดินลุยน้ำดูบ้าง   คราวหนึ่งคลื่นแรงตลบใส่ตัวเขาจนเปียกโชก   ชายหนุ่มหัวเราะกับตัวเองเสียงดัง   น้ำตาไหลสวนทางออกมาเป็นสาย   แต่เมื่อคลื่นม้วนเข้ามาอีกสามสี่ลูก   ใบหน้าเขาก็เปียกจนแยกไม่ออกว่าอะไรคือน้ำตา   อะไรคือน้ำทะเล

    ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว   ชายอ้วนเจ้าของโรงแรมจุดตะเกียงตามทางเดินสีนวลอบอุ่นและเปิดเพลงรักคลอเบาๆฟังผ่อนคลาย   หญิงสาวแปลกหน้าที่แยกตัวไปเดินเล่นบนเกาะทั้งวันกลับมาแล้ว   หล่อนเดินผ่านหลังพิเชษฐ์ที่นั่งดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง
      “เป็นไงคะ   ชอบที่นี่ไหม”
    ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่เคยชอบที่ไหนเท่าที่นี่เลย   สมแล้วที่เพื่อนแนะนำคุณมา”
      “เรียกว่าเดือนก็ได้ค่ะ”
    หญิงสาวยืนเท้าแขนที่ระเบียงข้างๆเขา   กลิ่นหอมจากเรือนผมลอยมาจางๆ
      “บรรยากาศดีแบบนี้   วันหลังลองพาแฟนมาสิคะ   พวกที่แต่งงานใหม่ๆก็พากันมาที่นี่หลายคู่แล้ว”
    พิเชษฐ์หรี่ตาลง “ผมหย่ากับภรรยาเมื่อวานนี้”
    เดือนไม่ได้กล่าวขอโทษ   เธอคงอึ้งพูดอะไรไม่ออก   แต่ก็เงียบไม่ชวนเขาคุยอะไรอีก   มีเพียงสายตาเห็นใจที่ส่งมาให้เขาในความมืดสลัว

                  ……………………………………………………….
     

    (มีต่อ)

    จากคุณ : thanate_lsang@yahoo.com - [ 20 ก.ค. 46 16:09:55 A:202.57.181.151 X: ]