โทรศัพท์สีดำ


    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    น้องเล็กเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ปลายสายก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงน้ำเสียงราบเรียบและแผ่วเบา พร้อมกับเสียงซ่ามาตามสาย มันดังมากเกินกว่าที่น้องเล็กจะจับใจความของผู้พูดได้ แต่แล้วโทรศัพท์กลับตัดสายไปเองเสียเฉยๆ น้องเล็กทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่าวางหูกลับลงบนแป้นตามเดิม
    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    เสียงสนั่นหวั่นไหวขอโทรศัพท์ดังบาดแก้วหูขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้มันชัดเจนเสียจนทะลุทะลวงแทรกสู่ทุกเส้นโสตประสาท น้องเล็กกระตุกเปลือกตาเบาๆแล้วลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น
    ‘นี่เราคงฝันไปอีกแล้วซินะ’ น้องเล็กคิด
    หมู่นี้มักจะฝันเช่นเดิมบ่อยๆ โทรศัพท์ดัง เธอรับสาย ใครบางคนพูดอะไรที่จับความไม่ได้และตัดสายไป ในช่วงแรกๆเสียงซ่าๆชัดเจนมากจนไม่ได้ยินเสียงผู้พูด มาพักหลังนี่เองที่ดูเหมือนเสียงรบกวนจะลดลง ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจจับความได้
    น้องเล็กกวาดสายตาไปรอบๆ พร้อมกับพบว่าตนเองนอนนิ่งอยู่บนรถแท็กซี่ หนุนตักชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งกำลังพูดโทรศัพท์มือถืออยู่ เขาวางโทรศัพท์ทันทีเมื่อรถชะลอความเร็วลง
    “น้องเล็ก น้องเล็ก ตื่นหรือยัง เรามาถึงกันแล้วนะ”  เขาก้มลงมาพูดข้างๆหู จนแก้มของทั้งสองเกือบจะชนกัน
    ร่างบางๆกระวีกระวาดลุกขึ้นและแทบจะกระโดดลงมาก่อนที่รถจะจอดสนิทเสียอีก ไม่ให้รีบร้อนได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 อาทิตย์ที่น้องเล็กได้ออกมาจากโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในปารีส
    เธอไม่ได้ชอบอากาศอันแสนเยือกเย็นและชื้นแฉะของที่นี่สักเท่าไหร่ แต่เพราะคุณพ่อต้องมาทำงานในบริษัทผลิตเครื่องบินในเมืองตูลุส จึงต้องนำลูกสาววัย 7 ขวบมาเรียนทีฝรั่งเศสด้วย การอยู่ในประเทศเดียวกันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น คุณพ่อทำงานหนักมากจนไม่มีเวลามาเยี่ยมลูกสาวที่โรงเรียนเสียนานแล้ว นานจนน้องเล็กเกือบจำไม่ได้ว่าเจอคุณพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
    ชายชาวฝรั่งเศสอายุราว 32 ปีที่จูงมือน้องเล็กอยู่นี้ชื่อ ‘ปิแอร์’ ลูกน้องของคุณพ่อ เขาใช้ภาษาไทยได้ดี เป็นที่ไว้วางใจของคุณพ่อ ปิแอร์ห่วงใยน้องเล็กมาตลอด เขาเป็นคนเดียวที่เชื่อได้ว่าจะมาหาเด็กหญิงทันทีที่ว่างจากงาน ซึ่งเขาก็ว่างบ่อยเสียด้วย ปิแอร์จึงเป็นทั้งเพื่อน พี่ชาย และทุกอย่างของน้องเล็ก
    อาทิตย์ที่แล้วปิแอร์สัญญาว่าจะพาน้องเล็กไปเที่ยวสวนสนุกระดับโลกในปารีส วันนี้ทั้งสองจึงมายืนอยู่ในสวนสนุกแห่งนี้  
    “ปิแอร์ เข้าบ้านผีกันเหอะ”  เธอพูดขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในสวนสนุก
    “ได้เลย แต่น้องเล็กห้ามปิดตานะ ห้ามให้ปิแอร์อุ้มด้วย”
    เป็นอันตกลงตามนั้น ทั้งคู่เดินตามถนนอิฐมุ่งไปยังบ้านผีสิงหลังใหญ่สีเทาเก่าคร่ำคร่า หน้ามุกมีบันไดเตี้ยๆสามขั้นพร้อมประตูพร้อมประตูไม้บานใหญ่ที่ปิดสนิทกีดกั้นผู้คนราว 20 กว่าคนที่ต่อแถวรออยู่ไม่ให้เห็นความลึกลับด้านใน ทั้งสองตรงเข้าไปต่อแถวทันที
    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    เสียงโทรศัพท์ดังสนั่น น้องเล็กสะดุ้งเล็กน้อย พยายามเตือนตัวเองว่าเธอยืนอยู่หน้าบ้านผีสิงและนี่ไม่ใช่ความฝัน พร้อมกันนั้นพนักงานบ้านผีสวมเสื้อคลุมยาวคอปกตั้งสีดำล้วน พาร่างอันผอมบางเหมือนซากศพเดินตรงมารับโทรศัพท์สีดำสนิทที่ติดอยู่กับผนังข้างๆประตูทางเข้า เขาพูดอะไรสองสามคำแล้วประตูก็เปิดออก
    ทุกคนเดินเข้าไปอย่างร่าเริง ในขณะที่น้องเล็กหนาวสันหลงวาบ หนูน้อยรู้สึกเหมือนมีอันตรายอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหน้า เธอเริ่มกังวลกับบรรยากาศวังเวง ความไร้ชีวิตและความตายที่ห่อหุ้มอยู่รอบกาย แต่กลับแข็งใจเดินเข้าไป
    หลังประตูนั้นเป็นห้องใหญ่ปูพรมสีแดงที่นั่นมีทั้งโครงกระดูกในชุดเจ้าสาว เหล่าปีศาจเต้นรำ และภูตผี แต่สิ่งที่น้องเล็กหวาดกลัวมากที่สุดคือโทรศัพท์สีดำที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง น้องเล็กได้แต่ภาวนาขออย่าให้มันดังขึ้นมาเลย แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าสิ่งที่สิ่งที่เสียงปลายสายพยายามจะพูดออกมาคืออะไร แต่กลับกลัวเหลือเกินว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีก็ได้
    “ทำไม่ที่นี่มีแต่โทรศัพท์สีดำเต็มไปหมดเลยล่ะปิแอร์”  น้องเล็กถามเสียงสั่น
    “เขาคงเอาไว้โทรติดต่อกันระหว่างพนักงานน่ะ เหมือนอย่างที่ประตูทางเข้าไง” ปิแอร์ตอบพรางเอื้อมมือโอบไหล่น้องเล็กอย่างห่วงใย
    ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินมาถึงบริเวณที่มีกลุ่มพนักงานสวมชุดคอปกตั้งสีดำยืนอยู่ พวกเขาชี้ทางด้วยใบหน้าเย็นชาดูน่ากลัว และแล้วน้องเล็กจึงเริ่มมองเห็นประตูทางออกซึ่งมองเห็นลำแสงสว่างอยู่ปลายทางเดินอันดำมืด
    “น้องเล็กอยากไปไหนต่อล่ะ” ปิแอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นน้องเล็กคลายมืออันชุ่มเหงื่อที่เกาะชายเสื้อของเขาจนแน่น
    “ไปเมืองคาวบอยกันนะ”
    “ได้เลย ขอปิแอร์ถามทางก่อนนะ”
    เขาเดินกลับไปยังกลุ่มพนักงานในชุดผีดิบ ปล่อยให้น้องเล็กยืนอยู่ในทางเดินมืดๆ บรรยากาศสลัวๆทำเอาเด็กน้อยขนลุกได้ทั่วกาย เธอได้แต่ยืนพิงกำแพงมองไปยังทางออกที่อยู่ถัดออกไปไม่ถึง 10 เมตร และแล้ว....
    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    เสียงโทรศัพท์กรีดร้องขึ้น น้องเล็กสะดุ้งสุดตัว พรางหันลีหันขวางมองหาต้นกำเนิดเสียง  ไม่มีใครรู้ว่าโทรศัพท์สีดำสนิทมาติดอยู่บนผนังห้องนั้นได้อย่างไร อีกทั้งเหล่าพนักงานที่ยืนบอกทางห่างออกไปแค่ 5 เมตรกลับทำเป็นหูทวนลม ไม่มีใครสนใจมันเลย
    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    เสียงของมันช่างบาดลึก ราวกับจะแผดเสียงให้เธอรับสายให้ได้ น้องเล็กไม่อาจนิ่งดูดายอีกต่อไป เด็กหญิงรวบรวมความกล้าคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาและกรอดเสียงลงไปตามสายเป็นภาษาฝรั่งเศส
    “Allor, avec qui vous voulez de paler? – ฮัลโหล ต้องการพูดกับใครคะ”
    ปลายสายเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด พร้อมกับเสียงซ่า ชั่วอึดใจหนึ่งคนปลายสายจึงเอ่ยชื่อใครบางคนขึ้นมา
    “Pierre…”
    ‘ปิแอร์’ เป็นคำเดียวที่น้องเล็กได้ยินจากปากของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงซ่าฟังไม่ได้ศัพท์อีกครั้ง ไม่แน่อาจจะมีพนักงานในบ้านผีสิงชื่อปิแอร์ เธอจึงกรอกเสียงลงไป
    “Attendez-vous – คอยเดี๋ยวนะคะ”
    ยังไม่ทันที่เธอจะวางสาย คลื่นรบกวนที่ดังซ่าๆอยู่ในขณะนั้นกลับหายไปในทันที เหลือแต่เสียงผู้พูดจากปลายสาย เป็นเสียงหญิงสาวที่แผ่วเบากระซิบขึ้น
    “Pierre est mort…”
    คราวนี้น้องเล็กได้ยินอย่างชัดเจน เด็กหญิงน้อยๆถึงกับหน้าซีดเผือด ใครนะกล้ามาล้อเล่นอย่างนี้ ด้วยความไม่พอใจเธอกระแทกหูกลับลงไปอย่างโกรธเคือง
    ในวินาทีนั้นเองเกิดมีเสียงดังครืนๆขึ้นมาจากเพดานชั้นบน พื้นห้องสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง เศษฝ้าชิ้นเล็กๆกะเทาะล่วงลงมาจากเพดาน พนักงานในชุดผีดิบรวมทั้งผู้คนในนั้นต่างพากันกรีดร้องและวิ่งวุ่น ปิแอร์ถลาเข้ามาอุ้มน้องเล็กมุ่งส่างออกทันที
    พื้นบ้านผีสิงลั่นเปรี๊ยะๆ มันแยกออกทีละน้อย ปิแอร์อุ้มเด็กหญิงวิ่งฝ่าเศษปูนและฝ้าที่พากันทลายลงมา พวกเขาเข้าใกล้ทางออกที่ทอแสงรองเรืองเข้าไปทุกที แต่แล้วชายหนุ่มกลับสะดุดเข้ากับพื้นที่นูนขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนจนล้มกลิ้ง
    น้องเล็กพยายามโยนปูนก้อนเท่ากำปั้นออกจากข้อเท้าของเธอ พร้อมกับเสียงของอะไรสักอย่างลั่นขึ้นเหนือศีรษะพอดี เด็กหญิงแหงนหน้ามองอย่างหวาดกลัวและพบกับคานอันใหญ่ที่แตกร้าว
    “น้องเล็ก ระวัง!”
    เสียงของปิแอร์ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเขากระโจนเข้ามากอดทับเธอไว้ น้องเล็กสัมผัสถึงน้ำหนักอันสนหนักอึ้งกระแทกลงมาบนร่างของเขา เสียงกระดูกแตก
    น้ำอุ่นๆสีแดงรินไหล ภาพสุดท้ายที่เด็กหญิงได้เห็นคือประตูทางออกอันแสนสว่างไสว แล้วทุกอย่างก็กลับดำมือลง
    กริ๊ง!...กริ๊ง!...กริ๊ง!...
    โทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ หนูน้อยค่อยๆลืมตาขึ้น เธอต้องใช้เวลาสักพักในการปรับสายตามืดมัวและสมองอันมึนงง จึงเห็นเฝือกอันเบ่อเร่อพันรอบเท้าเล็กๆ ปลายเตียงที่เธอนอนอยู่มีโทรทัศน์ซึ่งถูกเปิดทิ้งไว้ มันเป็นรายการถ่ายทอดสดที่มีคนนั่งวิจารณ์อะไรกันอยู่ พร้อมทั้งเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในรายการ ภาพเล็กที่ถูกฉายอยู่มุมบน คือ ซากปรักหักพังของเครื่องเล่นและอาคาร
    ‘แผ่นดินไหวที่สวนสนุกหรือนี่’
    เด็กหญิงรำพึงขึ้นแล้วจึงกวาดสายตาไปรอบๆห้อง คุณพยาบาลคนสวยผุดลุกขึ้นจากโซฟา พร้อมทั้งหยิบเอาช่อดอกไม้และการ์ดน่ารักที่มีลายเซ็นหวัดๆของคุณพ่อจากโต๊ะหัวเตียงมายื่นให้ คงจะเป็นพยาบาลพิเศษที่คุณพ่อจ้างมาดูแลน้องเล็กเป็นแน่ แล้ว...ปิแอร์ล่ะ...ทำไมเขาไม่มาอยู่ข้างๆ
    “Ou est Pierre? – ปิแอร์อยู่ไหนคะ”
    น้องเล็กถามพยาบาลสาว ซึ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแผ่วหวาน และคำตอบก็เป็นสิ่งที่เคยได้ยินมาก่อนแล้ว
    “Pierre est  mort! – ปิแอร์ตายแล้วค่ะ”


     

    จากคุณ : สาลิกา - [ 24 ก.ค. 46 15:50:26 A:202.57.170.189 X: ]