=[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอน 13 สามสุดยอดฝีมือแนวทางพรต

    ูู^^ .. รวดเร็วทันใจตามคำขอ .. ตอนใหม่มาแล้วค่ะ . . .

    ตอนก่อนหน้า ..

    บทที่ 12 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2380634/W2380634.html

    บทที่ 11 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2365373/W2365373.html

    บทที่ 10 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2355452/W2355452.html

    บทที่ 9: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2347342/W2347342.html

    บทที่ 8: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2336310/W2336310.html

    บทที่ 7: http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2329311/W2329311.html

    บทที่ 6 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2323012/W2323012.html

    บทที่ 5 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2316144/W2316144.html

    บทที่ 4 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2309810/W2309810.html

    บทที่ 3 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2302015/W2302015.html

    บทที่ 2 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2296001/W2296001.html

    บทที่ 1 : http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2280892/W2280892.html

    จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 26 ก.ค. 46 01:39:32 ]

 
 

        ความคิดเห็นที่ 1

        หอห้ากระบี่ กำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของ ห้าสำนักกระบี่ใหญ่ของยุทธภพ อันประกอบด้วย เส้าหลินเทียนซาน หัวซาน หันซาน บู๊ตึ๊ง และคุนหลุน

        สำนักคุนหลุนนั้นมีวิชาเป็นเอกเทศ ส่วนเส้าหลินเทียนซานนั้น ดำเนินแนวทางในทางพุทธ เน้นการอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ..

        อีกสามสำนักที่เหลืออันประกอบด้วย หัวซาน หันซาน และบู๊ตึ๊ง แม้นวิชาฝีมือจะมีความแตกต่าง ทว่ารากฐานของวิชากลับคล้ายคลึงกัน คือดำเนินในแนวทางพรต อาศัยการฝึกจิต พลังฝีมือเพิ่มพูนตามการพัฒนาจิตใจนั่นเอง

        สุดยอดฝีมือของสำนักหัวซานแน่นอนว่าต้องเป็น “หลิวหยงเคอ” เจ้าสำนักคนปัจจุบัน ..

        สุดยอดฝีมือของสำนักหันซาน เมื่อสิ้นซือไถ้กล้วยไม้ขาวเจ้าสำนัก ก็ต้องนับ “เหวินเหม่ยชิง” ผู้เป็นศิษย์เอก มีฝีมือเข้มแข็งที่สุด

        และสุดยอดฝีมือของสำนักบู๊ตึ้ง ในยามนี้ ย่อมหนีไม่พ้น จื่ออิง ผู้รั้งตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าสำนัก

        บุคคลสามคนที่อยู่เบื้องหน้าฮั่นตงเวลานี้ เป็นถึงสุดยอดฝีมือที่ของสามสำนักแห่งหอห้ากระบี่ ซึ่งมีรากฐานในแนวทางพรต พลังฝีมือของบุคคลทั้งสามแม้นแตกต่าง ทว่ามาจากรากฐานเดียวกัน ดังนั้นเมื่อทั้งสามผนึกกำลังกัน นับว่ายากยิ่งจะมีผู้ใดต้านทาน !!

        ฮั่นตงจับจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าของเขา นี่ไยมิใช่เหตุการณ์ที่เขามิต้องการให้เกิดขึ้นที่สุด ?

        ที่แท้ฮั่นตงกลัวเกรงเพลงกระบี่ “ไตรลักษณ์” ของหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างนั้นหรือ?

        นั่นย่อมมิใช่ ฮั่นตงย่อมมิได้กลัวเกรงพลังฝีมือของเหวินเหม่ยชิง .. แต่ไหนแต่ไรมา ฮั่นตงมิเคยกลัวเกรงพลังฝีมือของผู้ใดมาก่อน

        ชีวิตของมือปราบผู้หนึ่ง เสี่ยงอันตรายตั้งแต่เช้ายันค่ำ กระทั่งเวลารับประทานยังต้องตื่นตัวจนชาชิน ยังจะมีอันใดต้องเกรงกลัว .. หากสู้มิได้ก็พ่ายแพ้ อย่างน้อยก็เพียงเจ็บ อย่างมากก็เพียงตาย ไยมิใช่เรื่องสามัญของชาวยุทธ !!!

        เหตุที่ฮั่นตงมิอยากประมือกับเหวินเหม่ยชิงผู้นี้ เนื่องเพราะเขามิอาจตัดใจทำร้ายนางต่างหาก .. ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก ในยามนี้ ฮั่นตงจำต้องลงมือกับนางอย่างสุดกำลัง เนื่องเพราะมีอีกชีวิตที่กำลังให้เขาไปช่วยเหลือ ... ชีวิตของหลี่ซังฮู้ !!!

        “มือปราบฮั่น ท่านว่ามิได้กระทำผิด แต่กลับมาหลบหนีเช่นนี้ ไยมิใช่แสดงว่าท่านเป็นคนร้ายหรอกหรือ ?” เหวินเหม่ยชิงกล่าวเรียบ ๆ ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าของชายหนุ่ม

        “น้องแซ่ฮั่น เจ้ายอมมอบตัวเสียเถอะ อย่างไรเราสามารถทวงถามความเป็นธรรมให้กับเจ้า เราผู้แซ่หลิวไม่เชื่อว่าเจ้าจะกระทำเรื่องเช่นนั้น” หลิวหยงเคอเอ่ยเกลี้ยกล่อมฮั่นตง มันยังหวังทั้งหมดสามารถรามือแต่โดยดี

        ทว่าจื่ออิงกลับไม่คิดเช่นนั้น !!!

        “ตั้งค่ายกระบี่เจ็ดดาว !!!”

        ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งของรักษาการณ์เจ้าสำนัก เหล่าศิษย์บู๊ตึ้งพลันตั้งค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวอันเกรียงไกร ล้อมกักฮั่นตงไว้ตรงกลาง

        ฮั่นตงเพ่งมองค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวซึ่งสร้างชื่อให้บู้ตึ้งมาช้านาน พลันพบเห็นศิษย์บู๊ตึ้งแยกย้ายกันโอบล้อมเขาไว้ทั้งสิ้นเจ็ดชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นประกอบด้วยผู้คนเจ็ดคน กระบี่เจ็ดเล่ม … แสงจันทร์สาดส่องต้องตัวกระบี่เป็นเงาวาววับสาดส่องอยู่โดยรอบ

        อันค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนี้ เป็นสุดยอดปรมาจารย์ท่านหนึ่งของบู๊ตึ๊งได้คิดค้นขึ้น ใช้รับมือกับศัตรูที่มีฝีมือเข้มแข็ง อาศัยการจู่โจมอย่างพลิกแพลงพิศดาร เปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด จู่โจมทั้งจริงและหลอก ไม่เน้นรุกเพียงเน้นรับ ทุกกระบวนเพลงเปิดช่องโหว่ในการทลายค่ายกลหนึ่งจุด ล่อลวงให้ผู้ที่ติดอยู่ในค่ายกลคิดฝ่าหนีออกมา ทว่าช่องโหว่ดังกล่าว กลับอาศัยค่ายกลชั้นถัดออกมาจู่โจมต้านรับ มิให้ผู้ที่คิดฝ่าค่ายกลหลุดออกมาได้ สุดท้ายย่อมถูกยันกลับเข้าไปยังกึ่งกลางค่ายกลเช่นเดิม

        มันเป็นค่ายกลที่ใช้การ “สยบโดยสันติ” ผู้ที่คิดฝ่าค่ายกลนี้ต้องถูกหลอกล่อให้เสียกำลังไปเรื่อยๆ สุดท้ายสูญสิ้นเรี่ยวแรง ถูกสยบโดยง่าย

        ถึงอย่างไร จื่ออิง ก็มิใช่คนอำมหิต มันเลือกใช้ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนี้ในการสยบฮั่นตง เนื่องเพราะหาได้ต้องการเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามไม่

        ฮั่นตงย่อมรู้จักค่ายกลกระบี่เจ็ดดาว

        อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮั่นตงหวั่นเกรงหาใช่ค่ายกลนี้ไม่ กลับเป็นยอดฝีมือทั้งสาม ซึ่งขณะนี้แยกย้ายกันล้อมอยู่นอกค่ายกลอีกชั้นหนึ่ง

        “ลำพังค่ายกลเจ็ดดาวข้าพเจ้าก็ยากหลบหนี นี่ยังมีท่านทั้งสามอีก ... ดูท่าข้าพเจ้า มิคิดรามือให้จับกุมก็คงมิได้เสียแล้ว” ฮั่นตงกล่าวเสียงเรียบ

        “น้องแซ่ฮั่นคิดได้เช่นนั้นก็ดี พวกเราจะได้ไม่ต้องล่วงเกิน” หลิวหยงเคอกล่าวด้วยความยินดี

        ฮั่นตงถึงกับถอนหายใจยืดยาว .. กล่าวว่า

        “แม้รู้ว่ามิควรกระทำ แต่ยังคงต้องกระทำ ข้าพเจ้ามีความจำเป็น ทุกท่านโปรดหลีกทาง !!!”

        กล่าวจบ ฮั่นตงพลันพุ่งกายไปด้านหนึ่งหวัง ทลายวงล้อมของค่ายกลกระบี่ ทว่าศิษย์บู๊ตึ้งที่อยู่ด้านนั้นพากันทิ่มแทงสกัดเข้าใส่ ฮั่นตงพลิ้วกายหลบหลีกสองถึงสามครา สะบัดหลบการจู่โจม หลุดรอดสู่ค่ายกลชั้นถัดมาอย่างง่ายดาย สร้างความตื่นตะลึงแก่จื่ออิงเป็นยิ่งนัก

        จื่ออิงนั้นร่ำเรียนอยู่ในบู๊ตึ๊งเป็นเวลานานนับสิบปี มั่นใจตลอดมาว่าค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนั้น รัดกุมไร้ช่องโหว่ ทว่าครานี้ฮั่นตงเพียงพลิ้วกายสองสามครา กลับหลุดรอดจากค่ายกลชั้นในสุดออกมาได้โดยสะดวก มันหารู้ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของฮั่นตงสอดคล้องกับจุดอับของค่ายกลเจ็ดดาวพอดิบพอดี ทั้งนี้เพราะฮั่นตงไม่จู่โจมปะทะกับค่ายกลอย่างหักโหม ไม่หลบหลีกการจู่โจมหลอกล่อของค่ายกล เพียงอาศัยความรวดเร็วของท่าร่างหลบหลีกเล็ดรอดออกจากค่ายกล

        มิเพียงจื่ออิงเท่านั้นที่แตกตื่นตกใจ กระทั่งเหล่าศิษย์บู๊ตึ้งที่จับกระบี่ตั้งค่ายอยู่เอง ก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน ..

        ค่ายกลที่เคยเกรียงไร บัดนี้ เริ่มเกิดอาการรวนเรเสียแล้ว ..

        จื่ออิงรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง พลันชักกระบี่ออกฟาดฟันเข้าสกัดฮั่นตงด้วยตนเอง ฮั่นตงเห็นเพลงกระบี่ของจื่ออิงพลิกแพลงพิศดาร ถึงขั้นใช้ออกตามใจปรารถนาก็มิกล้าประมาท ใช้ท่าเท้าอันฉับไว หลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว อาศัยร่างของเหล่าศิษย์บู๊ตึ๊งที่ตั้งค่ายกลเป็นตัวขัดขวางการจู่โจมของจื่ออิง

        คนหนึ่งหลบหลีกไปมา อีกคนรุกไล่ติดตาม หลายคราที่จื่ออิงเกือบจะมีโอกาสบีบบังคับให้ฮั่นตงต้านปะทะโดยตรง ทว่าฮั่นตงกลับอาศัยร่างของเหล่าศิษย์บู๊ตึ๊งเป็นเครื่องกีดขวาง จื่ออิงพลันรู้สึกเพลงกระบี่ของตนยากใช้ออกได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ฟาดฟันถูกพวกเดียวกัน

        นี่กลับกลายเป็นว่าค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวเป็นเครื่องถ่วงตัวมัน !!

        หลิวหยงเคอและเหวินเหม่ยชิงเอง ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ..

        “น้องจื่ออิง สั่งศิษย์สำนักท่านถอยออกไปให้ห่างเถอะ ผู้แซ่ฮั่นนี้เห็นทีพวกเราทั้งสามต้องร่วมมือกันจึงสามารถสยบลงได้โดยมิเอาชีวิตมัน” หลิวหยงเคอร้องขึ้น

        “พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป !!! ”

        จื่ออิงร้องสั่งบรรดาศิษย์บู๊ตึ๊งทันที ..

        จากนั้นสามสุดยอดฝีมือแห่งเพลงกระบี่แนวทางพรต ต่างพากันทุ่มเทฝีมือเข้าสกัดฮั่นตงอย่างเต็มที่

        ฮั่นตงเริ่มถูกบีบจนเคลื่อนไหวได้ยากยิ่ง จึงคิดว่าหากปล่อยไปเช่นนี้มันมีแต่ถูกบีบจนอับจนหนทาง พ่ายแพ้ในที่สุด ขณะยังหาทางแก้ไม่ออก กระบี่ที่แคบและยาวทิ่มสกัดจากด้านซ้ายมือ ขลุ่ยหยกขาวทิ่มสกัดเข้าทางขวามือ ด้านหน้าก็มีกระบี่ของจื่ออิงทิ่มแทงเข้าใส่

        สถานะการณ์คับขันอย่างยิ่ง !!!


        จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 26 ก.ค. 46 01:48:04 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 2

        .........

        “เผียะ เผียะ เผียะ”

        คนร้ายชุดดำซัดฟาดฝ่ามือใส่ชายผู้ซึ่งเรียกหลี่ซังฮู้ว่า “คุณหนู” ทันที .. เสียงฝ่ามือซัดฟาดออกสามครั้งซ้อน ๆ ทว่า คนผู้นั้นกลับต้านทานไว้ได้ ..

        หลี่ซังฮู้เบิ่งตามองคนผู้นั้นอย่างประหลาดใจ ด้วยคาดไม่ถึงว่า คนผู้นี้จะเป็นผู้เข้ามาช่วยเหลือตนเองในภาวะคับขันเช่นนี้ ..

        ที่แท้ คนผู้นี้ถึงกับเป็นเถ้าแก่เฉิน เถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่เชิงเขาบู๊ตึ้งนั่นเอง !!!

        “ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของฉิกจับอิด มิหนำซ้ำกลับมีฝีมือไม่ต่ำทราม ดูท่าอิทธิพลของพวกเจ้าแผ่มาถึงที่นี่แล้วสินะ” .. ดูเหมือนว่า คนร้ายชุดดำเองก็สามารถจดจำเถ้าแก่เฉินได้เช่นเดียวกัน ..

        เถ้าแก่เฉินไม่ตอบคำถาม กลับถามกลับไปว่า “ดูท่า ท่านรู้เรื่องราวของพรรคเรามิใช่น้อย .. ที่แท้ท่านเป็นใครกันแน่”

        คนร้ายชุดดำเองก็มิสนใจจะตอบคำถามเช่นกัน เนื่องเพราะ มันแลเห็น หลี่ซังฮู้ได้สติ ฉวยโอกาสวิ่งหนีไปเสียแล้ว มันเกร็งพลังทุ่มเทท่าร่างหมายติดตามนางไป ทว่าเถ้าแก่เฉินกลับพุ่งตัวเข้ามาขวาง จนมันจำต้องหยุดชะงัก

        “หากมิสังหารเจ้าเสียก่อน เจ้าคงมิปล่อยให้ข้าติดตามเด็กน้อยผู้นั้นไปเป็นแน่” คนร้ายชุดดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม ..

        เถ้าแก่เฉินหาได้กล่าวอันใด เพียงตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งคนร้ายชุดดำหาได้รอช้าไม่ มันซัดฟาดฝ่ามือเข้าใส่ทันที !!!

        ทว่าเถ้าแก่เฉินหลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด ทั้งยังเหินร่างขึ้นกลางอากาศ ซัดฟาดฝ่ามือลงใส่กระหม่อมของอีกฝ่าย

        “ตูม!!”

        พลังฝ่ามือของมันกระแทกปะทะเข้ากับพื้น จุดซึ่งคนร้ายชุดดำยืนอยู่เมื่อครู่จนแตกสลาย เศษดินเศษหินปลิวว่อนแตกระเบิดออกโดยรอบ ก่อให้เกิดหลุมกว้าง จากนั้นไม่รอช้ารีบหยิบยืมพลังสะท้อนจากการปะทะกับพื้นดิน พลิกแพลงกระบวนท่าหมุนร่างเหินตามติดพร้อมฟาดฝ่ามือเข้าใส่อีกฝ่ายทันที

        “พลั่ก !!!”

        เสียงฝ่ามือปะทะกันอย่างหนักหน่วง ทั้งสองปะทะฝ่ามือกันคราหนึ่ง คนร้ายชุดดำร่างครูดไปกับพื้นดิน จนบนพื้นปรากฏร่องลึกยาวกว่า 3 เชี๊ยะ ทว่ายังอาศัยความได้เปรียบที่ตนเองอยู่บนพื้น มีการทรงตัวที่ดีกว่า กระแทกฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าใส่ร่างของเถ้าแก่เฉิน จนอีกฝ่ายปลิวละลิ่วลอยย้อนกลับออกไป

        เถ้าแก่เฉินแม้ถูกผลักดันจนกระเด็นออกห่าง ก็ยังอาศัยความคล่องแคล่วและไหวพริบอันปราดเปรื่อง ม้วนร่างย้อนกลับ หมุนตัวราวกับลูกบอลหนังพุ่งตัวเข้าใส่ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นยื่นสองขาออกถีบกระแทกลำต้นไม้

        “กร๊อบ !!! … โครม!!!!”

        ลำต้นของต้นไม้ที่แข็งแกร่งอายุเกือบร้อยปีหักโค่นลงทั้งลำ เนื่องจากเถ้าแก่เฉินอาศัยสองเท้าถ่ายเทพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายเข้าสู่ลำต้นของต้นไม้ข้าง ๆ จากนั้นหยิบยืมแรงสะท้อนดีดกายกลับเข้าจู่โจมอีกครา ทว่าครานี้เปลี่ยนจากการจู่โจมด้วยหมัดฝ่ามือเป็นใช้เท้าทั้งสองข้างนำหน้า ตวัดเตะออกด้วยท่าเท้า ระดมจู่โจมเข้าใส่คนร้ายชุดดำ มองเห็นเป็นฝ่าเท้าจำนวนมากมายสิบกว่ายี่สิบเท้า บ้างเตะกวาด บ้างสะบัดฟาด บ้างทิ่มแทงสะกัด ครอบคลุมเข้าใส่อีกฝ่าย

        คนร้ายชุดดำเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ทราบว่าท่าจู่โจมนี้มิอาจประมาท เนื่องจากฮีกฝ่ายอาศัยแรงดีดสะท้อนจากกำลังฝ่ามือของตน รวมเข้ากับท่าเท้าอันพิสดาร พลังทำลายย่อมสูงส่งหาที่เปรียบ มันจัดแจงผนึกลมปราณเข้าสู่สองฝ่ามือเกร็งกำลังหวังตอบโต้ จากนั้นฟาดฝ่ามือทั้งสองออกโดยพลัน

        มันกลับมิได้ฟาดเข้าใส่คู่ต่อสู้เบื้องหน้า แต่ถึงกับซัดฟาดลงบนพื้นดินเบื้องหน้า เศษหินเศษดินแตกระเบิดขึ้นสกัดขวางหน้าราวกับกำแพงชั้นหนึ่ง บดบังร่างของมันจากสายตาของอีกฝ่าย

        ท่าเท้าของเถ้าแก่เฉินสะบัดฟาด กราดเข้าใส่กำแพงอิฐดินอันนั้นจนแตกสลาย ทลายลงในพริบตา ทว่าร่างของเป้าหมายกลับมิได้อยู่บริเวณนั้นเสียแล้ว !!!

        เถ้าแก่เฉินร่ำร้องคำ “แย่แล้ว”

        มิทันขาดคำ ร่างของคนร้ายชุดดำไม่ทราบทำเยี่ยงไรกลับปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน

        เถ้าแก่เฉินก่อนหน้านี้ต้องต้านปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่าย สูญเสียพลังลมปราณมิใช่น้อย เพลานี้พละกำลังล้วนอ่อนโทรมลง อีกทั้งกระบวนท่าที่ใช้ออก ก็ราวกับลูกธนูที่ยิงออกจนสุดล้า รอเวลาที่จะร่วงหล่น เวลานี้กลับพลาดท่าเปิดเผยช่องโหว่ สถานการณ์ยากกอบกู้เสียแล้ว

        คนร้ายชุดดำเปล่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนหน้านี้แม้มันจะสิ้นเปลืองลมปราณมิใช่น้อย เพราะการที่จะใช้พลังลมปราณกระแทกทำลายพื้นดินนั้นมิใช่เรื่องลำบาก แต่การที่ต้องกระแทกทำลายพื้นดินแล้วบังคับให้เศษดินเศษหินพุ่งขึ้นในแนวเดียวราวกับกำแพงยักษ์หาใช่เรื่องง่ายดาย อย่างไรก็ดีสถานการณ์ของมันนับว่ามีเปรียบอีกฝ่ายอย่างมาก

        คนร้ายชุดดำพลันซัดฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างออกอย่างสุดกำลังเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายที่เปิดเผยช่องว่างบนร่างด้านหลังอย่างหนักหน่วง!!!

        .....

        ........


        จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 26 ก.ค. 46 01:51:26 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 3

        “พลั่ก !!!”

        ฮั่นตงใช้พลังฝ่ามือซัดเข้าที่ร่างของจื่ออิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้พลังฝ่ามือเข้าต้านปะทะได้ทันท่วงที แต่ก็ยังถึงกับทำให้ร่างของจื่ออิงส่ายโงนเงนไป

        ตั้งแต่ยอดฝีมือทั้งสามประสานกำลังจู่โจมเข้าใส่ ฮั่นตงก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องถอยร่นตลอดเวลา เพียงอาศัยท่าร่างและ ไหวพริบอันคล่องแคล่ว หลบหลีกรอดพ้นมาได้ ทว่าเมื่อครู่ถูกจื่ออิงทิ่มแทงสกัดด้วยกระบี่ จนจำต้องปะทะด้วยฝ่ามือหนึ่งครา

        หลิวหยงเคอมองดู จื่ออิงที่ร่างท่อนบนส่ายโงนเงน พลางคิดว่า ขนาดพวกตนสามคนร่วมมือกันยังมิสามารถบีบบังคับให้ฮั่นตงยอมจำนนได้ ดูท่าหากมิลงมืออย่างสุดกำลัง คนผู้นี้คงหลบหนีไปได้ในที่สุด

        ดังนั้นถ่ายเทลมปราณหนุนเนื่องเข้าสู่ตัวขลุ่ยหยก บังเกิดเป็นสุ้มเสียงสำเนียงประหลาด สะกดทุกผู้คนจนมือเท้าอ่อน กระทั่งฮั่นตงที่มีพลังฝีมือสูงเยี่ยมยัง รู้สึกว่าสุ้มเสียงจากขลุ่ยเลานี้ของหลิวหยงเคอ แฝงด้วยพลังลมปราณลึกล้ำ กลับสามารถสะกดผู้คนให้คิดรามือยอมรับความพ่ายแพ้

        กระบวนท่าที่หลิวหยงเคอใช้คือ กระบวนท่าที่เขาดัดแปลงจากฝ่ามือแปดทิศของหัวซานมีชื่อเรียกว่า “ขลุ่ยเสียงสำเนียงเทพ” กระบวนท่าเมื่อใช้ออก จะถ่ายเทพลังปราณเข้าสู่ตัวขลุ่ย บังเกิดเสียงรบกวนสมาธิ ทั้งยังสามารถสะกดผู้ที่มีฝีมืออ่อนด้อยให้ทิ้งอาวุธรอรับความพ่ายแพ้แต่แรก

        เวลานี้ศิษย์บู๊ตึ๊งจำนวนไม่น้อยต่างพากันวางกระบี่คู่มือลง ดวงตาเหม่อลอยปราศจากทีท่าฮึกเหิมเช่นแต่แรก !!

        เหวินเหม่ยชิงอาศัยจังหวะที่ดูเหมือนการเคลื่อนไหวของฮั่นตงเชื่อช้าลงนี้ รวบรวมพลังสู่ตัวกระบี่ หมุนกายเป็นวงกลม พลังกระบี่แตกประทุออกทุกทิศทุกทาง วาดเป็นแนวโค้งเข้าใส่ร่างของฮั่นตง

        ยามนี้เหวินเหม่ยชิงถึงกับลงมืออย่างสุดกำลัง ไม่ลังเลกับการที่จะทำร้ายฮั่นตง หรือถึงขั้นสังหารคนผู้นี้ด้วยคมกระบี่ !!!

        ส่วนจื่ออิงเมื่อสะกดเลือดลมที่พลุ่งพล่านได้ พลันสะกิดปลายเท้าเข้าหา รำเพลงกระบี่ทิ่มแทงสะกัดพื้นที่รอบข้างของฮั่นตง มิให้สามารถหลบหลีกไปที่ใดได้  ขลุ่ยหยกขาวของหลิวหยงเคอก็พุ่งปราดราวกับงูร้าย ทิ่มแทงเข้าใส่จุดเส้นทั่วร่างกว่า สามสิบหกแห่งทั่วร่างของฮั่นตงอย่างรวดเร็ว

        ตอนนี้เองที่ฮั่นตงพลันตวาดขึ้น ..

        “ท่านทั้งหลาย .. ต้องขอล่วงเกินแล้ว!!!”  

        สิ้นเสียงตวาด ฮั่นตงพลันตวัดแขนอย่างรวดเร็ว บังเกิดเป็นสุ้มเสียงแหลมเล็กราวกับภูตวิญญาณร่ำร้อง ประกายสีเขียวเรืองรองแตกระเบิดออกจากร่างของฮั่นตง พุ่งเข้าใส่หลิวหยงเคอเป็นอันดับแรก จากนั้นสะท้อนเข้าใส่จื่ออิง จากนั้นย้อนกลับเข้าจู่โจมเหวินเหม่ยชิง

        “เปรี๊ยะ เคร้ง!!!”

        เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทุกผู้คนเพียงเห็นประกายสีเงิน กลุ่มหนึ่งแตกระเบิดจนทั่ว ตามด้วยเงาสีขาวสองสายแยกย้ายกันแตกออก

        พริบตานั้นเอง  เงากระบี่ที่ทิ่มแทงของจื่ออิง เงาขลุ่ยที่จี้สกัดของหลิวหยงเคอ ประกายกระบี่ที่พุ่งโค้งเข้าหาของเหวินเหม่ยชิง พลันสลายหายไปหมดสิ้นในพริบตา ที่บังเกิดมีเพียงความรู้สึกเย็นเยือกราวกับตกไปในหล่มน้ำแข็ง

        ร่างของฮั่นตงถึงกับอันตรธานหายไปโดยไร้ร่องรอย!!!

        นี่นับเป็นเรื่องราวใดกันแน่?

        “เงาพรายไร้รูป ร้ายกาจสมคำล่ำลือ จริงๆ .. นี่หากเป้าหมายของฮั่นตงมิใช่อาวุธของพวกเรา ยังจะมีใครสามารถรอดชีวิตอีก”

        หลิวหยงเคอรำพึงพลางส่ายหน้ามองดูมือที่ว่างเปล่า ขลุ่ยหยกขาวคู่มือเวลานี้หาได้อยู่ในมือไม่ กลับขาดกลางเป็นสองซีก ราวกับไม้ไผ่ที่ถูกดาบผ่าฟืนฟันแยกออกจากกัน แยกย้ายกันปรักตรึงอยู่บนพื้น !!!!

        ส่วนจื่ออิงนั้น ถึงกับทรุดร่างลงกับพื้นได้รับความบอบช้ำมิใช่น้อย กระบี่คู่มือเหลือเพียงด้าม !!!

        เนื่องจากในสามคนเขามีพลังฝีมือจำกัดที่สุด เมื่อที่ต้านปะทะกับ เงาพรายไร้รูป กระบี่คู่มือก็ถูกทำลายหักเหลือติดด้ามไม่ถึงสองหุน ส่วนตนเองโดนแรงสะท้อนจากการปะทะดีดเข้าทำร้ายจนร่างทรุดลงกับพื้น เลือดลมปั่นป่วนจนยากระงับ

        “ท..ท่านหลิว แม่นางเหวินไปที่ใดแล้ว?” จื่ออิงรวบรวมพลังอย่างยากลำบากยิ่ง จึงกล่าววาจาประโยคนี้ออกมาได้

        “คงติดตามคนแซ่ฮั่นไปแล้ว เมื่อครู่นางรับกระบวนท่าเงาพรายไร้รูปเป็นคนสุดท้าย คาดว่าได้รับพลังทำลายน้อยที่สุด บัดนี้ในเมื่อนางหายไป คาดว่าคงติดตามคนแซ่ฮั่นไปแล้ว”

        “ตามไป !!! .. แต่ฝีมือของฮั่นตงร้ายกาจเกินไป .. นางเพียงผู้เดียวจะต้านทานได้อย่างไร” จื่ออิงกล่าวด้วยความกังวล เขามีความรู้สึกที่ดีกับเหวินเหม่ยชิงผู้นี้ไม่น้อย

        “ดูจากที่นางเป็นผู้เดียวสามารถรักษาอาวุธในมือเอาไว้ได้ และยังสามารถติดตามคนแซ่ฮั่นไปได้ทันที  .. คงมีแต่นางที่สามารถรับมือกับคนแซ่ฮั่นได้ น้องจื่ออิงมิต้องเป็นห่วงไปหรอก” หลิวหยงเคอกล่าวตอบเสียงเรียบ หากแต่ในจิตใจอดนึกห่วงสาวน้อยผู้นั้นมิได้ ...

        เงาพรายไร้รูป นับว่าร้ายกาจเกินไปจริงๆ!!!


        จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 26 ก.ค. 46 02:15:15 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 4

        ูู^^ .. จบท่อนแรก ..

        เชิญทีมงานท่านอื่นมาัรับช่วงต่อไปได้แล้ว . . ข้าพเจ้าขอลางาน 2 วันนะ ..

        (^^)// วันอาทิตย์เจอกาน ..




        .........................................(//^^)// .. ไปเที่ยวๆๆๆ .


        จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 26 ก.ค. 46 02:19:26 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 5

        -__-" ไปเฉยเลย มม ขี้โกง ยังไม่จบเลยนี่ แล้วใครจะทำต่อล่ะ .........................(~^^)~ ไปมั่งดีก่า อิ อิ

        จากคุณ : มันตั้ม(น้องมันตรัย) - [ 26 ก.ค. 46 04:50:42 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 6

        ดีมากครับ วางจุดสนใจของเรื่องได้ดีมาก จับพระเอกลงมุมอับ แล้วก็ฉากออกไปได้อย่างฉิวเฉียด แล้วก็ยังทิ้ง peak ของเรื่องไว้ให้ติดตาม ทั้งสองเรื่อง ทั้งด้านของหลี่ชังฮู้ และฮั่นตง แล้วเหมือนทิ้งเรื่องความรักเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสงสัยให้ติดตามว่านายฮั่นตงจะรักใครระหว่างสาวสำนักมาร กับสาวจากสำนักมาตรฐาน

        จากคุณ : ด็อก - [ 26 ก.ค. 46 07:50:53 A:151.201.224.184 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 7

        สาวสำนักมารสิ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

        จากคุณ : ไม่บอก - [ 26 ก.ค. 46 08:26:31 A:192.146.136.131 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 8

        พูดแบบนี้มีก๊อกสอง อมไว้ใช่เปล่า  ทั้งปีเลย  ทีมฯ นี้

        ชอบให้อารมณ์ค้าง mad  ทำงี้บ่อยๆ  คนอ่านหัวใจแห้ง

        เพราะความอยากอ่านได้นะ ขี้แง  ไม่ยอมจริง ๆ ด้วยอ่ะ  

        มาลงให้ภายในสามชั่วยามนี้เลย เริ่มนับ

        ไม่งั้นจะส่งระเบิดไปให้ดูต่างหน้าจริง ๆ ด้วย  หยอกเย้า

        แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 46 09:33:49

        จากคุณ : ตอกะจอ - [ 26 ก.ค. 46 09:30:29 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 9

        -___-" เย่ย ไม่น่าเลยตู



        แก้ไข ไม่ได้ไปเที่ยวกะแฟน ป่วยอยู่เฟ้ย

        คนนึงไปเที่ยว

        คนนึงป่วย

        คนนึงพึ่งสอบเสร็จ

        อีกคนสอบอยู่

        แบบนี้ตะหาก

        ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ฯลฯ เด๋วถ้าอาการดีขึ้นจะรีบมาต่อนะ แต่ตอนนี้ม่ายหวาย เจงๆ

        แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 46 15:43:30

        จากคุณ : หลี่ปวยเล้ง (มันตั้ม(น้องมันตรัย)) - [ 26 ก.ค. 46 09:44:16 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 10

        ฮึ่ย...

        ถ้าประดาคนแต่งอยู่ใกล้ ๆ นะ จะจับจี้จุดหัวเราะให้ขาดใจตาย...

        หน่อยชะแน่...มาทำเราคาใจอีกแระ...

        มาต่อนะค้าบบบบบบบ...

        ผมขอร้อง..

        อยากอ่าน...

        -"-


        จากคุณ : น้ำลายบูด - [ 26 ก.ค. 46 11:25:56 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 11



        คนแต่งอีกคนไปเที่ยว

        อีกคนเพิ่งสอบเสร็จ

        อีกคนสงสัยไปเที่ยวกับแฟน

        อีกคนสงสัยยังสอบ

        หน้าม้าไปดีกว่า



        จากคุณ : ลาป่วย 2 วันเหมือนกันฮับ (jengly) - [ 26 ก.ค. 46 14:29:42 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 12

        ฮั่นตงเอ๋ยฮันตง!!

        อ่านแล้วนึกถึงก๋วยเจ๋งตอนที่ฝ่าด่านกระบี่ดาวเหนือเลย

        บรรยายได้เยี่ยมมากๆ ขอคารวะ หนึ่งจอก coffee
        เฮ๊ย ผิดๆ beer  ต่างหาก

        แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 46 18:25:50

        จากคุณ : ณัฐกร - [ 26 ก.ค. 46 18:25:12 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 13

        ทิ้งให้ลุ้นจริงๆ เลย
        มาต่อเร็วๆ นะ :)


        จากคุณ : scottie - [ 26 ก.ค. 46 23:01:22 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 14

        เหอๆ (เสียงเหอๆของคนพึ่งสอบเสร็จ)

        จากคุณ : เชษฐา - [ 26 ก.ค. 46 23:18:53 A:161.200.255.161 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 15

        มีดบิน พลาดเป้าแล้ว มาช้าไป 1วันเลยตู

        .


        จากคุณ : เซียวลี้ปังตอ (Z4t4nGuru bofh) - [ 27 ก.ค. 46 02:46:49 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 16

        ^^" .. กลับมาแล้ว ..

        รายงานสถานการณ์ทีมแต่งนิยายล่าสุด ..

        คนนึงสอบ
        คนนึงเพิ่งสอบเสร็จ
        คนนึงป่วย
        คนนึงไปเที่ยวกลับมาแล้ว แต่แฮ็งค์ ^^""

        ลงชื่อ หวงกุ้ยช่าย


        ...............................(~^^)~ .. พรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ ตอนนี้ ย่องหนีก่อนดีก่า

        แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 46 00:30:15

        จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 28 ก.ค. 46 00:28:39 ]

       
       

        ความคิดเห็นที่ 17

        แล้วคนที่แอบไปเที่ยวกับแฟน หายไปไหน อิอิ

        จากคุณ : ด็อก - [ 28 ก.ค. 46 09:11:19 A:68.162.165.54 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 18

        คนที่แอบไปเที่ยวกับแฟน ตอนนี้ป่วยอยู่ กั่กๆๆๆๆ

        ไปด้วย มม .............................(~^^)~


        จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 28 ก.ค. 46 10:28:54 A:203.113.34.9 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 19

        บอกว่าไม่ได้แอบไปเที่ยวกะแฟน ไม่สบายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

        +__+ <<<<สายตาอาฆาตมาดร้าย


        จากคุณ : มันตั้ม(น้องมันตรัย) - [ 28 ก.ค. 46 10:53:19 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 20

        TT โฮ โฮ ค่ายกลเจ็ดดาวของตู
        กลายเป็นค่ายกลเกะกะ ไปเสียชิบ


        จากคุณ : เต้าหยินไม้แห้ง - [ 28 ก.ค. 46 11:29:44 A:210.86.206.65 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 21



        หน้าม้ามายื่นใบลาป่วยอีก 2 วันนะฮับ หมดแรงแล้ว TT



        จากคุณ : jengly - [ 28 ก.ค. 46 15:24:07 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 22

        ทำไมป่วยกันหมดเลย อย่าลาป่วยการเมืองไปเที่ยวกับแฟนสิ

        จากคุณ : ด็อก - [ 28 ก.ค. 46 18:55:47 A:68.162.137.156 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 23

        เหอๆๆๆ ... หลี่ปวยเล้งเคยอ่าน "คำพิพากษา" หรือเปล่า ??

        ^^ .. ไม่ว่าท่านจะทำจริงหรือไม่ แต่ชาวบ้านเค้าได้ลงมติตัดสินไปแล้ว .. ว่าท่านแอบไปเที่ยวกับแฟน จงก้มหน้ารับกรรมเหมือนกับ เจ้าฟัก ไปเถอะ ..


        .............................................................(~^^)~


        จากคุณ : แม่มดพันปี - [ 28 ก.ค. 46 23:10:00 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 24

        รู้สึกว่าศึกภายในหมู่นักเขียนนี่จะ ดุเด็ดเผ็ดมันกว่า นิยาย
        อีกนะคับเนี๊ย :)


        จากคุณ : ม้าไม้ไผ่ - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 20:06:00 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 25

        -___-"" แวะมายื่นใบลา .. ซัก 2-3 วัน

        =___=""" เปื่อยจ้า .


        จากคุณ : หวงกุ้ยช่าย (แม่มดพันปี) - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 21:18:52 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 26

        ลาบ้างก็ได้

        .


        จากคุณ : เซียวลี้ปังตอ หวงเฉาก๊วย - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 23:03:05 A:203.113.37.12 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 27

        นั่นน่ะสิ ตอนนี้เลยไม่มีใครทะเลาะกันเลย ลาหนีกันหมด
        คนมีแฟนก็ลาไปเที่ยวกะแฟน คนไม่มีแฟนก็ร้องเพลงป้าเบิร์ดแล้วก็ไปเที่ยวหาแฟน อิอิ


        จากคุณ : ด็อก - [ 30 ก.ค. 46 08:55:19 A:151.201.47.134 X: ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 28

        บทต่อไป

        http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2394602/W2394602.html


        จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 1 ส.ค. 46 16:46:30 ]
       
       

        ความคิดเห็นที่ 29

        พิศดาร ==> พิสดาร

        สถานะการณ์ ==> สถานการณ์

        แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 47 01:28:07

        จากคุณ : รสา รสา - [ 26 มี.ค. 47 20:46:10 ]