ความคิดเห็นที่ 1
หอห้ากระบี่ กำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของ ห้าสำนักกระบี่ใหญ่ของยุทธภพ อันประกอบด้วย เส้าหลินเทียนซาน หัวซาน หันซาน บู๊ตึ๊ง และคุนหลุน
สำนักคุนหลุนนั้นมีวิชาเป็นเอกเทศ ส่วนเส้าหลินเทียนซานนั้น ดำเนินแนวทางในทางพุทธ เน้นการอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ ..
อีกสามสำนักที่เหลืออันประกอบด้วย หัวซาน หันซาน และบู๊ตึ๊ง แม้นวิชาฝีมือจะมีความแตกต่าง ทว่ารากฐานของวิชากลับคล้ายคลึงกัน คือดำเนินในแนวทางพรต อาศัยการฝึกจิต พลังฝีมือเพิ่มพูนตามการพัฒนาจิตใจนั่นเอง
สุดยอดฝีมือของสำนักหัวซานแน่นอนว่าต้องเป็น หลิวหยงเคอ เจ้าสำนักคนปัจจุบัน ..
สุดยอดฝีมือของสำนักหันซาน เมื่อสิ้นซือไถ้กล้วยไม้ขาวเจ้าสำนัก ก็ต้องนับ เหวินเหม่ยชิง ผู้เป็นศิษย์เอก มีฝีมือเข้มแข็งที่สุด
และสุดยอดฝีมือของสำนักบู๊ตึ้ง ในยามนี้ ย่อมหนีไม่พ้น จื่ออิง ผู้รั้งตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าสำนัก
บุคคลสามคนที่อยู่เบื้องหน้าฮั่นตงเวลานี้ เป็นถึงสุดยอดฝีมือที่ของสามสำนักแห่งหอห้ากระบี่ ซึ่งมีรากฐานในแนวทางพรต พลังฝีมือของบุคคลทั้งสามแม้นแตกต่าง ทว่ามาจากรากฐานเดียวกัน ดังนั้นเมื่อทั้งสามผนึกกำลังกัน นับว่ายากยิ่งจะมีผู้ใดต้านทาน !!
ฮั่นตงจับจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้าของเขา นี่ไยมิใช่เหตุการณ์ที่เขามิต้องการให้เกิดขึ้นที่สุด ?
ที่แท้ฮั่นตงกลัวเกรงเพลงกระบี่ ไตรลักษณ์ ของหญิงสาวเบื้องหน้าอย่างนั้นหรือ?
นั่นย่อมมิใช่ ฮั่นตงย่อมมิได้กลัวเกรงพลังฝีมือของเหวินเหม่ยชิง .. แต่ไหนแต่ไรมา ฮั่นตงมิเคยกลัวเกรงพลังฝีมือของผู้ใดมาก่อน
ชีวิตของมือปราบผู้หนึ่ง เสี่ยงอันตรายตั้งแต่เช้ายันค่ำ กระทั่งเวลารับประทานยังต้องตื่นตัวจนชาชิน ยังจะมีอันใดต้องเกรงกลัว .. หากสู้มิได้ก็พ่ายแพ้ อย่างน้อยก็เพียงเจ็บ อย่างมากก็เพียงตาย ไยมิใช่เรื่องสามัญของชาวยุทธ !!!
เหตุที่ฮั่นตงมิอยากประมือกับเหวินเหม่ยชิงผู้นี้ เนื่องเพราะเขามิอาจตัดใจทำร้ายนางต่างหาก .. ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก ในยามนี้ ฮั่นตงจำต้องลงมือกับนางอย่างสุดกำลัง เนื่องเพราะมีอีกชีวิตที่กำลังให้เขาไปช่วยเหลือ ... ชีวิตของหลี่ซังฮู้ !!!
มือปราบฮั่น ท่านว่ามิได้กระทำผิด แต่กลับมาหลบหนีเช่นนี้ ไยมิใช่แสดงว่าท่านเป็นคนร้ายหรอกหรือ ? เหวินเหม่ยชิงกล่าวเรียบ ๆ ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าของชายหนุ่ม
น้องแซ่ฮั่น เจ้ายอมมอบตัวเสียเถอะ อย่างไรเราสามารถทวงถามความเป็นธรรมให้กับเจ้า เราผู้แซ่หลิวไม่เชื่อว่าเจ้าจะกระทำเรื่องเช่นนั้น หลิวหยงเคอเอ่ยเกลี้ยกล่อมฮั่นตง มันยังหวังทั้งหมดสามารถรามือแต่โดยดี
ทว่าจื่ออิงกลับไม่คิดเช่นนั้น !!!
ตั้งค่ายกระบี่เจ็ดดาว !!!
ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งของรักษาการณ์เจ้าสำนัก เหล่าศิษย์บู๊ตึ้งพลันตั้งค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวอันเกรียงไกร ล้อมกักฮั่นตงไว้ตรงกลาง
ฮั่นตงเพ่งมองค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวซึ่งสร้างชื่อให้บู้ตึ้งมาช้านาน พลันพบเห็นศิษย์บู๊ตึ้งแยกย้ายกันโอบล้อมเขาไว้ทั้งสิ้นเจ็ดชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นประกอบด้วยผู้คนเจ็ดคน กระบี่เจ็ดเล่ม
แสงจันทร์สาดส่องต้องตัวกระบี่เป็นเงาวาววับสาดส่องอยู่โดยรอบ
อันค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนี้ เป็นสุดยอดปรมาจารย์ท่านหนึ่งของบู๊ตึ๊งได้คิดค้นขึ้น ใช้รับมือกับศัตรูที่มีฝีมือเข้มแข็ง อาศัยการจู่โจมอย่างพลิกแพลงพิศดาร เปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด จู่โจมทั้งจริงและหลอก ไม่เน้นรุกเพียงเน้นรับ ทุกกระบวนเพลงเปิดช่องโหว่ในการทลายค่ายกลหนึ่งจุด ล่อลวงให้ผู้ที่ติดอยู่ในค่ายกลคิดฝ่าหนีออกมา ทว่าช่องโหว่ดังกล่าว กลับอาศัยค่ายกลชั้นถัดออกมาจู่โจมต้านรับ มิให้ผู้ที่คิดฝ่าค่ายกลหลุดออกมาได้ สุดท้ายย่อมถูกยันกลับเข้าไปยังกึ่งกลางค่ายกลเช่นเดิม
มันเป็นค่ายกลที่ใช้การ สยบโดยสันติ ผู้ที่คิดฝ่าค่ายกลนี้ต้องถูกหลอกล่อให้เสียกำลังไปเรื่อยๆ สุดท้ายสูญสิ้นเรี่ยวแรง ถูกสยบโดยง่าย
ถึงอย่างไร จื่ออิง ก็มิใช่คนอำมหิต มันเลือกใช้ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนี้ในการสยบฮั่นตง เนื่องเพราะหาได้ต้องการเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามไม่
ฮั่นตงย่อมรู้จักค่ายกลกระบี่เจ็ดดาว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮั่นตงหวั่นเกรงหาใช่ค่ายกลนี้ไม่ กลับเป็นยอดฝีมือทั้งสาม ซึ่งขณะนี้แยกย้ายกันล้อมอยู่นอกค่ายกลอีกชั้นหนึ่ง
ลำพังค่ายกลเจ็ดดาวข้าพเจ้าก็ยากหลบหนี นี่ยังมีท่านทั้งสามอีก ... ดูท่าข้าพเจ้า มิคิดรามือให้จับกุมก็คงมิได้เสียแล้ว ฮั่นตงกล่าวเสียงเรียบ
น้องแซ่ฮั่นคิดได้เช่นนั้นก็ดี พวกเราจะได้ไม่ต้องล่วงเกิน หลิวหยงเคอกล่าวด้วยความยินดี
ฮั่นตงถึงกับถอนหายใจยืดยาว .. กล่าวว่า
แม้รู้ว่ามิควรกระทำ แต่ยังคงต้องกระทำ ข้าพเจ้ามีความจำเป็น ทุกท่านโปรดหลีกทาง !!!
กล่าวจบ ฮั่นตงพลันพุ่งกายไปด้านหนึ่งหวัง ทลายวงล้อมของค่ายกลกระบี่ ทว่าศิษย์บู๊ตึ้งที่อยู่ด้านนั้นพากันทิ่มแทงสกัดเข้าใส่ ฮั่นตงพลิ้วกายหลบหลีกสองถึงสามครา สะบัดหลบการจู่โจม หลุดรอดสู่ค่ายกลชั้นถัดมาอย่างง่ายดาย สร้างความตื่นตะลึงแก่จื่ออิงเป็นยิ่งนัก
จื่ออิงนั้นร่ำเรียนอยู่ในบู๊ตึ๊งเป็นเวลานานนับสิบปี มั่นใจตลอดมาว่าค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวนั้น รัดกุมไร้ช่องโหว่ ทว่าครานี้ฮั่นตงเพียงพลิ้วกายสองสามครา กลับหลุดรอดจากค่ายกลชั้นในสุดออกมาได้โดยสะดวก มันหารู้ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของฮั่นตงสอดคล้องกับจุดอับของค่ายกลเจ็ดดาวพอดิบพอดี ทั้งนี้เพราะฮั่นตงไม่จู่โจมปะทะกับค่ายกลอย่างหักโหม ไม่หลบหลีกการจู่โจมหลอกล่อของค่ายกล เพียงอาศัยความรวดเร็วของท่าร่างหลบหลีกเล็ดรอดออกจากค่ายกล
มิเพียงจื่ออิงเท่านั้นที่แตกตื่นตกใจ กระทั่งเหล่าศิษย์บู๊ตึ้งที่จับกระบี่ตั้งค่ายอยู่เอง ก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน ..
ค่ายกลที่เคยเกรียงไร บัดนี้ เริ่มเกิดอาการรวนเรเสียแล้ว ..
จื่ออิงรู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง พลันชักกระบี่ออกฟาดฟันเข้าสกัดฮั่นตงด้วยตนเอง ฮั่นตงเห็นเพลงกระบี่ของจื่ออิงพลิกแพลงพิศดาร ถึงขั้นใช้ออกตามใจปรารถนาก็มิกล้าประมาท ใช้ท่าเท้าอันฉับไว หลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว อาศัยร่างของเหล่าศิษย์บู๊ตึ๊งที่ตั้งค่ายกลเป็นตัวขัดขวางการจู่โจมของจื่ออิง
คนหนึ่งหลบหลีกไปมา อีกคนรุกไล่ติดตาม หลายคราที่จื่ออิงเกือบจะมีโอกาสบีบบังคับให้ฮั่นตงต้านปะทะโดยตรง ทว่าฮั่นตงกลับอาศัยร่างของเหล่าศิษย์บู๊ตึ๊งเป็นเครื่องกีดขวาง จื่ออิงพลันรู้สึกเพลงกระบี่ของตนยากใช้ออกได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ฟาดฟันถูกพวกเดียวกัน
นี่กลับกลายเป็นว่าค่ายกลกระบี่เจ็ดดาวเป็นเครื่องถ่วงตัวมัน !!
หลิวหยงเคอและเหวินเหม่ยชิงเอง ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ..
น้องจื่ออิง สั่งศิษย์สำนักท่านถอยออกไปให้ห่างเถอะ ผู้แซ่ฮั่นนี้เห็นทีพวกเราทั้งสามต้องร่วมมือกันจึงสามารถสยบลงได้โดยมิเอาชีวิตมัน หลิวหยงเคอร้องขึ้น
พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป !!!
จื่ออิงร้องสั่งบรรดาศิษย์บู๊ตึ๊งทันที ..
จากนั้นสามสุดยอดฝีมือแห่งเพลงกระบี่แนวทางพรต ต่างพากันทุ่มเทฝีมือเข้าสกัดฮั่นตงอย่างเต็มที่
ฮั่นตงเริ่มถูกบีบจนเคลื่อนไหวได้ยากยิ่ง จึงคิดว่าหากปล่อยไปเช่นนี้มันมีแต่ถูกบีบจนอับจนหนทาง พ่ายแพ้ในที่สุด ขณะยังหาทางแก้ไม่ออก กระบี่ที่แคบและยาวทิ่มสกัดจากด้านซ้ายมือ ขลุ่ยหยกขาวทิ่มสกัดเข้าทางขวามือ ด้านหน้าก็มีกระบี่ของจื่ออิงทิ่มแทงเข้าใส่
สถานะการณ์คับขันอย่างยิ่ง !!!
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
26 ก.ค. 46 01:48:04
]
|
|
|