หอพัก 4 (ห้องพักอาจารย์)

    ตอนที่ 1 (วันแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2356397/W2356397.html


    ตอนที่ 2(คืนแรก)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2366829/W2366829.html

    ตอนที่ 3 (ผู้มาเยือนยามวิกาล)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2374824/W2374824.html
    +++

    หอพัก 3

    ในความมืดที่บางครากระพริบวูบวาบตามประกายแห่งสายฟ้าซึ่งเล็ดลอดเข้ามาในช่องทางเดิน ร่างของหนูน้อยสว่างจ้าราวกับอาบด้วยฟอสฟอรัส  เด็กสาวจะไม่มีวันลืมใบหน้าน้อยๆที่เต็มไปด้วยแววตื่นกลัวกำลังผวาเข้ามาหา  แขนสองข้างกางออกไม่ผิดกับลูกน้อยซึ่งกำลังโผเข้ากอดคอผู้เป็นบิดามารดายามตื่นภัย

    ร่างน้อยๆนั่นวิ่งผ่านมือซึ่งกำลังอ้ารับ วิ่งผ่านทะลุตัวของเธอไปราวกับไม่มีตัวตน  สิ่งที่เด็กสาวคว้าเอาไว้ได้คือความว่างเปล่าความอ้างว้างเยือกเย็นพัดผ่าน รู้สึกเย็นยะเยียบราวกับน้ำเย็นๆราดรดต้นคอ ดาวนับร้อยนับพันแตกกระจายเต็มหน้าก่อนลาลับดับสลายอย่างเชื่องช้า

    มันอะไรกันนี่

    เมื่อครู่ความรู้สึกชนิดหนึ่งพลันวิ่งผ่านไปราวสายลม ความหวาดกลัวของหนูน้อยตัวเล็กๆคนนั้น..เธอสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ชัดเจน   หยาดน้ำตาจากใบหน้าเล็กๆคล้ายกระจายจนเปียกชื้นตามหลังมือและในอณูอากาศหนักอึ้ง

    เด็กน้อยกำลังถูกคุกคามด้วยอะไรบางอย่างซึ่งมองไม่เห็น บางสิ่งซึ่งหลุดมาจากขุมนรกขุมสุดท้ายอันเต็มไปด้วยจิตมุ่งร้ายน่าหวาดหวั่น เหมือนวิ่งซ่อนแอบไล่จับหากนี่มันหมายถึงวิญญาณเป็นเดิมพัน หนูน้อยผู้ที่หลบหนีการไล่ล่าอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในความมืด ช่างน่าสงสารเหมือนตัวเธอในขณะนี้ซึ่งติดอยู่ในหอพักสยองขวัญโดยไม่รู้ชะตากรรม

    มันเป็นแค่ภาพหลอน...เด็กสาวตั้ง สติท่องในใจเรียกขวัญกำลังใจอีกครั้ง  ความหวาดกลัว ความมืดและความโดดเดี่ยวกำลังคุกคามอย่างหนัก นอกจากความหวาดกลัวต่อภูตผีปีศาจแล้วเธอยังกลัวต่ออาการสติแตกจนวิกลจริตฟั่นเฟือนไปอีกด้วย แต่คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด ตอนนี้คาถาบทไหนก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

    แสงแห่งอสนีบาตสว่างอีกครั้ง ทางเดินว่างเปล่าซึ่งกลืนหายไปในอุโมงค์มืดดำเห็นภาพรางเป็นครั้งคราว บนพื้นตุ๊กตาหมีตัวน้อยกลิ้งอยู่บนพื้น ตุ๊กตาของเด็กหญิงคนนั้น

    มันอาจทิ้งอยู่ตรงนี้นานแล้ว ไม่ใช่ของหนูน้อยคนนั้น  เธอพยายามคิดแบบนี้ มันก็แค่ใครบางคนทำมันหล่นลงบนพื้นเท่านั้นเองจวบเหมาะกับภาพหลอนเมื่อครู่เท่านั้นเอง

    ทันใดนั้นเสียงตึ่ก..ตึ่ก... ของหัวใจอุบาทว์นั่นก็เริ่มกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง เสียงของมันก้องไปทั่วทางเดินเหมือนกราดเกรี้ยวโกรธแค้นต่ออะไรบางอย่างซึ่งมันไม่อาจคว้าจับไว้ได้ พื้นใต้เท้าสั่นไหวไปตามอาการเต้นของเสียงนั้น ลมหอบหนึ่งผ่านวูบมาจากด้านหลัง สายลมที่เหมือนลมหายใจภูตผีปีศาจกำลังก้มหน้าขนาดยักษ์ลงมาใกล้แทบจรดต้นคอ กลิ่นสาบสางคละคลุ้งไปทั่ว

    ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว เธอออกวิ่งทันที  ไม่กล้ามองกลับไปยังด้านหลังด้วยความกลัวว่าจะพบพานสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวจนทำให้ช๊อคตายไปได้

    ทางเดินบิดเบี้ยวสั่นไหวส่ายไปมาเหมือนเป็นลำตัวอสรพิษขนาดยักษ์ขยับตัว เด็กสาวเซถลาไปเกาะผนัง ในความมืดนั้นแม้จะมองไม่เห็นอะไรแต่สิ่งที่สัมผัสอยู่ทำไมมันหยุ่นเหนียวเปียกลื่นน่าขยะแขยงเหมือนกำลังสัมผัสร่างกายของอะไรบางอย่างซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร พื้นใต้ฝ่าเท้ากระตุกและขยับไหว

    เด็กสาวสะดุ้ง ดึงมือออกมาจากผนังล้มลุกคลุกคลานตะกายต่อไปเหมือนคนเสียสติ เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทางเดิน

    มารู้ตัวอีกครั้ง เธอกำลังทรุดอยู่หน้าประตูห้องแห่งหนึ่งซึ่งกำลังถูกเปิดออก แสงไฟสว่างออกมาจนตาพร่าพรายไปชั่วขณะ

    จนตั้งสติได้ก็พบว่าเป็นอาจารย์ท่าทางน่ากลัวคนนั้นนั่นเอง

    ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยมีช่องประตูเป็นเส้นกั้น หนึ่งคุกเข่าอยู่พื้นและใบหน้าซีดเผือดตระหนกขวัญหนีเหมือนคนใกล้เสียสติเต็มที  หนึ่งยืนถือเชิงเทียนใบหน้าเย็นชาราวรูปสลักจากหินจารึกบนหลุมฝังศพ เค้าหน้าแรเงาดำจากแสงเทียนวูบไหวดูน่ากลัวเหมือนใบหน้าที่มีไฟฉายส่องจากใต้คางเหมือนที่พวกเธอเคยแกล้งหลอกเพื่อนๆกันบ่อยๆด้วยวิธีนี้

    “ในที่สุด เธอก็มาหาฉันเอง..”  

    เสียงของอาจารย์แหบพร่าเหมือนแฝงความหมายบางอย่างซึ่งน่ากลัว จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเร้นลับครู่หนึ่งก่อนพูดต่อไปสั้นๆว่า

    “เข้ามาสิ”  

    เด็กสาวความรู้สึกลางเลือนเหมือนคนจะเป็นลม เหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะเกิดบ่อยๆจนเคยชินเสียที่ไหน หากพยายามฝืนใจเดินตามอาจารย์เข้าไปในห้องพัก

    กลิ่นสาบๆจางๆลอยปนอยู่ในอากาศ  อากาศชื้นและอับทึบอาจารย์คนนี้ไม่เคยทำความสะอาดห้องเลยหรือไง ในห้องจุดเทียนอยู่หลายเล่มตามโต๊ะรับแขก แต่แสงของเทียนก็ดูหม่นหมองมืดมัวอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าถัดจากห้องรับแขกเล็กๆนี่ไปจะเป็นห้องนอนของอาจารย์แต่ตอนนี้ปิดสนิท

    อาจารย์ชี้ให้นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวหนึ่ง เด็กสาวนั่งลงอย่างงงๆ

    “เสียงของเธอร้องดังก้องไปทั้งหอพัก”

    เสียงเย็นๆของอาจารย์แม่มดดังมาอีก ในขณะที่แกกำลังง่วนอยู่กับการหยิบแก้วน้ำและขวดน้ำลงมาจากชั้นวางของแบบติดผนัง

    “เธอคงคอแห้ง ฉันไม่มีอะไรต้อนรับ ดื่มน้ำนี่ก่อนก็แล้วกัน”

    อาจารย์รินน้ำออกจากขวดรูปร่างแปลกๆ และยื่นส่งให้ ด้วยท่าทางแกมบังคับ

    “น้ำอะไรคะ..”   เด็กสาวรับแก้วน้ำมาถือไว้ แต่ยังไม่ยอมดื่ม มองหน้าถามอย่างสงสัย

    “แล้วเธอคิดว่าเป็นน้ำอะไร “  อาจารย์ย้อนเสียงเย็น
    “กลัวว่าฉันจะวางยาแล้วเอาตัวส่งไปขายชายแดนหรือไง.....มันก็แค่น้ำธรรมดาๆนี่ล่ะ ดื่มเข้าไปอย่าเรื่องมาก”

    “อย่าดื่มนะคะ”

    จุ่ๆเสียงใสๆแผ่วเบาก็ดังขึ้นมาในหัว เด็กสาวสะดุ้งเฮือก เย็นวาบไปทั้งตัว แม้จะแผ่วเบาปานใดยังจำได้ว่าเป็นเสียงของหนูน้อยคนนั้นนั่นเอง อาการประหลอนมันเริ่มขึ้นอีกหรืออย่างไร..เด็กสาวเอามือกุมหัวอย่างมึนงง

    “เร็วๆเข้าจะได้เก็บแก้วเข้าที่”

    เสียงของอาจารย์ดังสำทับมาอีก ตอนนี้กำลังหลังให้และง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างบนชั้นวางของ เด็กสาวค่อยๆวางแก้วลงบนโต๊ะ

    ทันทีที่ก้นแก้วกระทบโต๊ะ อาจารย์หันขวับมาอย่างรวดเร็วนัยน์ตาลุกจ้าราวแสงไฟ

    “ฉันบอกให้รีบดื่ม  เรื่องมากอยู่ได้”

    เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว ที่จู่ๆอาจารย์ก็หันขวับมาอย่างรวดเร็วแบบนั้น เร็วจนเหมือนกับว่าศีรษะแกหมุนบิดสะบัดกลับมาโดยที่ตัวยังหันหลังให้ด้วยซ้ำไป และดวงตาน่ากลัวนั้นดุดันเต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับคุกคามบางอย่างราวกับอสรพิษจับจ้องสะกดจิตเหยื่อก่อนจะเขมือบลงไปในท้องอย่างไรอย่างนั้น

    “หนูไม่หิว..”  เธอพยายามบอกปฏิเสธ

    อาจารย์จ้องมองเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กใจพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ชักนึกเสียใจว่าไม่ควรเข้ามาในห้องนี้เลย มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

    “ตามใจ..งั้นรอที่นี่ ฉันจะเข้าไปทำธุระในห้อง นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน”

    แกบอกเสียงห้วนๆ และเดินเปิดประตูหายเข้าไปในห้อง ทิ้งเด็กสาวให้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง

    แสงเทียนวูบวาบราวกับมีใครบางคนก้มหน้าลงมาเป่า สร้างเงากระดำกระด่างเหมือนเงาในสุสานตามผนังเหมือนร่างของภูติผีปีศาจในชุดกระดำกระด่างของผ้าตราสังข์กำลังร่ายรำเริงร่าโยกเยก เด็กสาวไม่พยายามมองดูเงาเหล่านั้น เพราะรู้ว่านั่นเป็นเพียงอาการตาฝาด อันเกิดจากความอ่อนแอของจิตใจ หันไปดูรอบๆแทน

    ห้องนี้มีหน้าต่างอยู่บานเดียว คือด้านซึ่งติดกับข้างตึก หน้าต่างบานนี้ก็เล็กนิดเดียวแถมมีลูกกรงเหล็กกันทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด นี่มันชั้นสามใครจะปีนเข้ามาเพราะผนังตึกด้านข้างราบเรียบไม่มีที่ให้ปีนป่าย

    เด็กสาวลองเดินไปชะโงกมอง ข้างนอกมีแต่ความมืด กระทั่งแสงของฟ้าแลบก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว ทั้งที่ตอนอยู่ข้างนอกเมื่อครู่ยังสว่างวูบวาบ มันเป็นความมืดและความเงียบเชียบอย่างที่ไม่เห็นเห็นมาก่อน สีดำสนิทที่ดูน่ากลัวและขนลุกขนพอง เธอลองเอามือลอดบานเกล็ดออกไป รู้สึกว่าข้างนอกเย็นเฉียบ และมีอะไรบางอย่างลื่นๆเหนียวๆ และเย็นชืดมาสัมผัสเบาๆ แต่ชวนให้ขนลุกจนต้องรีบดึงมือกลับออกมา

    อะไรกันอยู่ข้างนอกนั่น มันน่าจะมีสายฝนพรำและแสงวูบวาบของพายุมากกว่า นี่มันมืดและเงียบเหลือเกิน

    เด็กสาวสั่นศีรษะอย่างมึนงง ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็นึกถึงซากศพที่นอนทอดร่างยาวเหยียดในสายฝน ซากศพที่มือเพิ่งแตะเมื่อครู่ ??

    โอ๊ย.. บ้ากันใหญ่แล้ว ทำไมใจมันคิดไปแต่ในเรื่องไม่ดีแบบนี้ก็ไม่รู้

    กับมานั่งเก้าอี้ตามเดิม และตอนนี้เองเธอเพิ่งสังเกตว่าบนผนังมีกรอบรูปแขวนอยู่ แรกๆ ก็มองอยู่อย่างไม่สนใจเท่าไรนัก แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดลใจให้กลับไปมองใหม่อย่างพิจารณาอีกครั้ง

    แสงเทียนไม่สว่างมากนัก แต่ก็พอมองเห็นว่า ภาพนั้นเป็นภาพครึ่งตัวของเด็กสาวคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจหวิวลง เหมือนจะเป็นลม พื้นห้องเหมือนหมุนคว้างจมลงด้านล่าง ก็คือภาพนั้นเป็นภาพของเด็กสาวที่ปรากฏร่างให้เห็นหน้าหอพัก และเป็นคนเดียวกับร่างที่ดิ้นรนอยู่อย่างทุทนทุรายบนกองเลือดในเตียงนอนของเธอนั่นเอง

    ทำไมถึงมีภาพเธอคนนั้นมาอยู่ในห้องนี้

    เธอคนนั้นก็คงเป็นเพียงภาพถ่ายธรรมดา ไม่ได้แสดงอภินิหารกระพริบตาและกรอกตาไปมา หรือยิ้มแย้มให้เห็น ไม่มีเลือดสีแดงไหลลงมาตามกรอบรูปเหมือนในหนังสยองขวัญ แต่แค่ภาพนั้นจ้องมองมาเฉยๆก็ทำให้ขนลุกขนพองได้แล้ว

    เด็กสาวนึกถึงคุณพระคุณเจ้า นึกถึงพ่อแม่พี่น้อง ป่านนี้เขาเหล่านั้นคงนอนหลับอย่างมีความสุข ชื่นชมกับความสำเร็จด้านการเรียนของลูกสาว หารู้ไม่ว่าเธอต้องมาเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังในหอพักในฝันของหลายๆคนแห่งนี้ หอพักที่ความอบอุ่นปลอดภัย คิดถึงบ้านเหลือเกิน บ้านที่อบอุ่นปลอดภัยเสมอ มีพ่อแม่คอยดูแลใส่ใจ มีพี่น้องไว้แกล้งเล่นยามเหงา จะทุกข์สุขอย่างไรทุกคนก็ร่วมรับรู้แก้ปัญหาด้วยกัน ไม่โดดเดี่ยวแบบนี้ คิดแบบนี้ทำให้น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

    จากคุณ : Psycho man - [ 26 ก.ค. 46 08:44:43 ]