[[ ็Home Sick + Shock ]]

    หลังจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขียนเรื่องเข้าหอมาให้อ่านกันแล้ว…ก็เกิดวิกฤตการณ์ในกระทู้ของหนูยี มีคนบางคน นิสัยไม่ดี ขี้แกล้ง มากลั่นแกล้งหนูยี จนหนูยีไม่กล้าเข้ากระทู้ตัวเองตอนดึกๆ เลยคะ.. แล้วไม่ใช่คนเดียวนะคะทีแกล้ง คนอื่นก็ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งอีกต่างหาก   แต่เอาเถอะ    มีคนบอกหนูยีว่า  แกล้งเพราะหนูยีน่ารัก  อันนี้ก็พออภัยให้ได้  แต่ไม่ใช่ทุกคนนะคะ  เพราะมีบางคนเล่นผิดกติกาการกลั่นแกล้งหนูยี  แบบมาทั้งภาพแบบนี้ (แค่อ่านยังพอว่า) คนนี้หนูยีไม่ยอมอะ  เดี๋ยวให้หนูยีคิดหาวิธีการแก้แค้นคืนได้เมื่อไหร่  ค่อยว่ากัน   ฮึม… ฮึม..  

    แต่ตอนนี้หนูยีก็ขอมาเขียนเรื่องอาการหลังเข้าหอก่อนแล้วกันนะคะ….

    ++++

                 หลังจากที่หนูยีเข้าไปเป็นเด็กหอเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น อาทิตย์แรกของการไปอยู่หอ เป็นอะไรที่แปลกใหม่  ได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหลังจากจบม.ปลายด้วย  ทำให้หนูยีสบายใจขึ้นมากกับการมาอยู่หอในครั้งนี้  
    ไม่มีอาการคิดถึงบ้านอย่างที่กลัวเลยค่ะ   การอยู่หออาทิตย์แรกผ่านไปได้ด้วยดี   แต่หลังจากอาทิตย์แรกผ่านไปแล้วนี่สิค่ะที่เป็นปัญหา…  

                 จะมีใครคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวกลมๆ ท่าทางเรียบร้อย น่ารัก ร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาอย่างหนูยี   จะมีอาการที่ใครต่อใครเรียกว่า โรคคิดถึงบ้านหรือ home sick บ้าง    

                 หลังจากอาทิตย์แรกผ่านไป ซึ่งยีคาดว่าจะเป็นอาการขั้นต้นของการเพาะเชื้อโรคชนิดนี้  อาการของโรคก็เริ่มแสดงอาการในอาทิตย์ที่สอง    จู่ๆหนูยีก็เกิดอาการอยากกลับบ้านอย่างรุนแรง   เหงามากๆ  คิดถึงบ้าน  คิดถึงหม่าม๊า คิดถึงปะป๊า คิดถึงอาม่า คิดถึงน้องๆ    

                 ก็เพราะอาการคิดถึงนี้ละคะ ยีก็เลยบรรเทาอาการด้วยการโทรศัพท์ไปหาหม่าม๊า   หวังว่าจะบรรเทาอาการคิดถึงบ้านได้  แต่เปล่าเลย  เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงหม่าม๊า  คุยได้แป๊บเดียวหนูยีก็น้ำตาซึมคุยไป ปาดน้ำตาตัวเองไป  พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุดไม่ให้หม่าม๊ารู้ เพราะเดี๋ยวจะเป็นห่วง   หลังจากคุยกับหม่าม๊าจบ หนู ยีก็มานั่งร้องให้อยู่คนเดียว  จะกลับบ้านก็ไม่ได้  
                 
                 หลังจากร้องให้แล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น ทีนี้หนูยีก็เลยกระหน่ำโทรศัพท์โทรหาบรรดาเพื่อนๆ พี่ๆ  คุยอย่างเดียวเลยค่ะ    แล้วทางแก้อีกวิธีหนึ่งก็คือ หนูยีหอบผ้าหอบหมอนไปขอนอนกับเพื่อนสนิทอีกคืน…

                 แต่ละวันของผ่านไปด้วยอาการที่ทำให้ยีคิดถึงบ้านมากขึ้นๆทุกทีๆ  บรรดาพี่ๆ ในบ้านมิตรภาพก็ช่างน่ารักมากเลย ช่วยกันส่งsms มาให้กำลังใจยีบ้าง โทรหายีบ้าง  ก็ทำให้อาการของโรคบรรเทาลงบ้าง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะยีก็ยังร้องให้คิดถึงบ้านอยู่ดี….  ก็ทำให้ต้องหอบผ้าไปนอนกะเพื่อนบ่อยๆ (ห้องตัวเองมีไม่ยอมนอนไปนอนเบียดกับเพื่อน) …

                 อาการของยีก็ดูจะแก้ไม่หายเลยเสียจริง จะโทรหาหม่าม๊ากับปะป๊า ก็ไม่กล้า ถึงแม้ใจอยากโทร เพราะว่าโทรถึงทีไร ก็จะร้องให้หนักกว่าเก่าทุกที …. สิ่งที่ทำได้ก็คือ ไปอยู่กับเพื่อนให้มากที่สุด  ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่กับเพื่อนแล้วจะยังไม่หายโฮมซิกก็ตาม….  

                 แต่แล้ว…คืนหนึ่งที่ยีเกิดอาการโฮมซิกอีก  ก็คิดจะหอบผ้าไปนอนกะเพื่อนสนิทอย่างเคย  แต่ยายเพื่อนตัวดีไม่ได้อยู่ที่ห้อง… เพื่อนรวมห้องอีกคนบอกว่า  

                 “เอ(นามสมมติ) ไม่อยู่คืนนี้ ออกไปนอนค้างบ้านวาย(นามสมมติ)”  

                 ไม่น่าแปลกที่เพื่อนยีจะไปค้างนอกหอกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เพราะคนนี้ก็เป็นเพื่อนของ เอ ที่รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลาย เหมือนกัน เพียงแตยีก็ไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนต้องไปนอนคิดถึงบ้านคนเดียว…

                 แล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินต่อไปอย่างปกติ ที่ยีจะมีอาการโฮมซิกเป็นระยะแล้วต้องเข้าไปคุยกับเอมากขึ้น…นั่นทำให้ยีรู้อะไรต่ออะไรมากขึ้นว่า  เจ้าวายซื้อของแพงๆ ให้เอ  ซื้อหลายอย่างแล้วแต่ละอยากก็ราคาแพงมากๆด้วย   ยีก็คงไม่คิดอะไร ถ้าไอ้บ้าวายนั้นมันเป็นผู้หญิงแท้ๆ  แต่ความจริงแล้วมันเป็นทอม !!!!  
    แล้วก่อนหน้านั้น ยียังโดนเพื่อนในคณะของเอ ถามอีกว่า…

                 “ยี รู้เปล่าว่า วายกับเอนะเป็นแฟนกันหรือเปล่า”

                 “เฮ้ย..!! จะเป็นได้ไง เป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ”

                 “แต่วายเป็นทอมนี่”

                 “ไม่หรอก ก็เจ้าวายนี้เป็นเพื่อนกับเอมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วละ ไม่มีอะไรหรอก” จำได้ค่ะว่าตอนนั้นยียังแก้ตัวให้เพื่อนเลย….  

                 แต่มาเห็นแบบนี้ว่าเจ้าวายนี้ซื้อของแต่ละอย่างให้เพื่อนยีขนาดที่เรียกได้ว่าเป็นพ่อบุญทุ่มแล้วนี่  มันชักแหม่งๆแฮะ..   คิดอยู่ว่าเจ้าทอมบ้านั้นมาจีบเพื่อนยีหรือเปล่า   แต่คงไม่น่า…มันไม่น่าจะมาจีบเพื่อนยีนะ มันจะจีบไปทำไมอะ… แล้วถึงจีบจริงเพื่อนยีก็ดูท่าทางปกติ คงไม่เล่นด้วยหรอก… ถึงแม้ว่า…ตุ๊กตาหมาน่ารักบนหัวเตียง เจ้าเพื่อนคนนี้ของยีจะตั้งชื่อให้มันว่า “วาย”เหมือนชื่อไอ้ทอมบ้าก็เถอะคะ…

                 ตอนนั้นยีไม่คิดอะไรเลยจริงๆ  เพราะคิดว่าเอก็คงจะแกล้งยีเล่น เพราะเวลาที่คุยถึงเรื่องเจ้าทอมบ้าเมื่อไหร่ ยีก็จะเกิดอาการหมั่นไส้เจ้าทอมบ้านี้มาก (ยีกับเจ้าทอมบ้านั้นไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่คะ เพราะเจ้าทอมบ้านั้นมันพาเอไปนอนข้างนอกตอนทั้งๆที่นัดกะยีไว้แล้ว  แถมยังชอบแกล้งยีอีก)   ยีก็จะคว้าเอาเจ้าวาย (ตุ๊กตาหมาน้อย) มาจัดการทุบ ตี ต่อย ระบายอารมณ์หมั่นไส้ เหมือนกับว่าเจ้าหมาน้อยตัวนี้คือ เจ้าทอมบ้านั้นจริง ๆ     แล้วถ้าเกิดว่า..เอเห็นยีทำร้ายตุ๊กตาตัวนี้เมื่อไหร่ ก็จะแย่งไปปกป้อง ไม่ให้ยีประทุษร้ายมันได้อีก…    

                 จนมาวันหนึ่ง…ตอนที่ยีไปเรียนตามปกติ  เอก็ส่ง sms มาให้ยี  ด้วยข้อความที่ยีเห็นแล้ว shock
    เอส่งมาว่า  

                 “เราไปเป็นเมียน้อยเขาแล้วละยี”…

                 เฮ้ย!!!  เพื่อนยีเกิดบ้าอะไรก็ไม่รู้ส่งข้อความพิลึกมาให้ ยีก็รีบส่งข้อความกลับไปถามว่า

                 “ที่ว่าเป็นเมียน้อยนะ หมายความว่าไงกัน!!”  เอส่งกลับมาอีกครั้งว่า

                 “ก็เมียน้อยนะ รู้จักไหม”…..เฮ้ย!!! อย่าทำแบบนี้สิเพื่อน…ยีเลยส่งข้อความอีกครั้งว่า

                 “ไม่เข้าใจ เดี๋ยวคืนนี้คุยกัน อย่าหนีไปไหนนะเฟ้ย”   กำกับไว้ก่อนค่ะ เพราะกลัวว่าเจ้าเพื่อนตัวแสบจะผิดนัดยีออกไปนอนนอกหออีก…

                 และแล้วคืนนั้น  ยีก็ตรงไปรอเอที่ห้องพักพร้อมกับพกพาอาการโฮมซิกไปด้วยเหมือนเดิม  
    ตอนนั้นยีไม่คิดอะไรเพราะคิดว่า เอคงล้อยีเล่นเรื่องข้อความพิลึกอันนั้น ..
           
                 “เอา มีอะไรก็ว่ามา  คิดไงถึงส่งข้อความพิลึกมาให้เรานะ”  ยีเริ่มเปิดฉากถาม  แต่ยายตัวดีทำอิดออด  ทำเป็นคิดหนักว่าจะบอกยียังไงสักพัก  ก่อนจะตัดสินใจบอก

                 “เราตกลงเป็นแฟนกับวายแล้วนะ  เมื่อคืนนี้”   เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวยี   ทำให้มึนได้อะไรแบบนี้…แต่เอยังไม่เห็นอาการของยีตอนนั้น  แล้วยังพูดต่อไปอีกว่า..

                 “ยีรู้ไหม เรารู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้เราเป็นเมียน้อยเขาเลย   รู้ไหมที่เราสงสัยว่า  วายกะแจง(นามสมมติ)ตกลงเป็นอะไรกันนะ เรารู้แล้วนะ สองคนนั้นเป็นแฟนกัน”    

    แจงนี้ยีก็รู้จักนะคะ เพราะเรียนม.ปลายอยู่ที่เดียวกัน ตอนนั้นมีคนบอกว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันคะ  แต่ด้วยความประสาซื่อ(บื้อ)ของหนูยีเอง  มองไม่ออกค่ะ  คิดว่าคนพวกนี้แกล้งล้อพวกวายเล่น   ขนาดวายที่ออกท่าทอม ยียังไม่แน่ใจเลยว่าเป็นทอมจริงเปล่า หรือว่าออกแต่ท่าเท่านั้น  
                 “เราถามวายไปว่า   แล้วแจงไม่ว่าอะไรหรอถ้ามาขอคบกับเรา  วายเขาว่าแจงไม่ว่าอะไร  พอเราถามว่าทำไมขอเราเป็นแฟนละ ทั้งๆที่มีแจงอยู่แล้ว  ..เขาก็บอกว่า รักเราละ”  

    โว๊ย…เพื่อนฉัน…ยังจะไปถามมันทำไมอีก   ปฎิเสธมันไปสิ   … . ยีก็ได้แต่คิดละคะ เพราะตอนนั้นพูดอะไรไม่คอยออก หรือพูดออกก็ไม่รู้ จำไม่ได้อะ   คือตอนนั้นกำลังช็อคคะ

                 “เราถามไปอีกนะว่า แล้วแจงละทำไง   วายบอกว่า รัก เท่ากัน  อยากให้เราไปเป็นแฟนด้วย”..เพื่อนยียังคงพูดต่อไปไม่หยุด

                 “จนเมื่อเช้าวายขับรถมาส่ง   เราเลยให้คำตอบไปว่า ตกลงเราคบกับเขาเป็นแฟน ถ้าวายยืนยันว่ารักเท่ากันจริง… แต่นี้ดูสิ  เราโทรไปหาก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับมา  หมายความว่าไงอะยี  แจงไม่ให้วายโทรมาหาเราใช่ไหม”  เอเริ่มคร่ำคราญถึงพฤติกรรมของไอ้บ้าทอม แฟนหมาดๆ ให้ยีฟัง..

       
    ตอนนั้นนะคะ  ยีปลอบอะไรเอไปไม่รู้ละ เพราะตอนนั้นกำลังช็อค สติใกล้แตกจำอะไรไม่ได้อะ   แต่จะไปแตกต่อหน้าเอ ที่กำลังเสียใจอยู่ก็ใช่ที    ได้แต่ปลอบไปตามเรื่อง   แต่ในใจตอนนั้น อยากจะยุให้เลิกกันไปเลย  แต่ยีก็ไม่ได้ทำ …  โถเพื่อนฉัน  ผู้ชายก็มีออกเต็มบ้านเต็มเมือง…ไหงไปชอบผู้หญิงได้ละ …ฮือ……….

    อ๊ะๆ อย่าเข้าใจผิดนะคะว่ายีรังเกียจ พวกรักร่วมเพศ  ยีไม่ได้รังเกียจนะ  แต่ก็ไม่สนับสนุนให้มีอะ…แต่ถ้าเพื่อนยี เป็นจริงๆ  ..แบบนี้….ยีก็ยังคบและก็รักเพื่อนได้เหมือนเดิมละ  ถึงแม้ว่า เอจะเปลี่ยนไปก็เถอะ…..( TT^TT )

                 
                 ไม่นึกเลยว่าเปิดเทอมมาไม่นาน ยีต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้….นอกจากยีจะมีอาการ HOME SICK แล้วยังเจออาการ SHOCK  แทรกซ้อนอีก… แล้วแบบนี้ ต่อไปยีจะได้เจอกับอะไรอีกนี่…
         

         
         

    จากคุณ : หนูยี - [ 27 ก.ค. 46 00:21:40 ]